ตรวจสอบข้อมูลโดย : ผศ.พญ.ดิษจี ลุมพิกานนท์
กุมารแพทย์ สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล
อาหารที่ดีที่สุดของลูกวัยทารกคือ นมแม่ แต่คุณแม่บางคนก็มีความจำเป็นไม่สามารถให้นมแม่ได้ นมผงจึงเป็นทางเลือกของคุณแม่ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการใช้นมผงก็คือ “การชงนม” เพราะหากคุณแม่ชงนมไม่ถูกต้องจะส่งผลให้ลูกไม่สบายท้อง ท้องเสียได้ และอาจทำให้ลูกได้รับสารอาหารที่มีอยู่ในนมน้อยลงด้วย คุณแม่จึงไม่ควรมองข้ามวิธีชงนมที่ถูกต้อง
วิธีชงนมที่ถูกต้องป้องกันลูกไม่สบายท้องได้
- ล้างมือให้สะอาด
- ทำความสะอาดขวดนม จุกนม และนึ่งอุปกรณ์ที่ต้องใช้ชงนมทุกชิ้นเพื่อฆ่าเชื้อโรค
- ต้มน้ำให้เดือดจนเห็นฟองอากาศผุดขึ้นมา ทิ้งไว้ให้เย็นลงที่อุณหภูมิห้อง
- ปฏิบัติตามคำแนะนำปริมาณการชงนมบนกล่อง
- ใส่น้ำสุกอุ่นที่ตั้งทิ้งไว้ลงในขวดตามปริมาณที่แนะนำ
- เติมนมผงตามปริมาณที่กำหนด
- ปิดฝาขวด แกว่งขวดเบา ๆ (ไม่จำเป็นต้องเขย่าแรง) หรือใช้ข้อมือหมุนขวดวนเป็นวง เพื่อให้นมผงละลาย และป้องกันการเกิดฟอง
- หยดน้ำนมลงบนหลังมือเพื่อทดสอบอุณหภูมิว่าไม่ร้อนจนเกินไป
- หากนมมีฟองมาก ให้ตั้งทิ้งไว้สักครู่ก่อนป้อนเด็ก เพราะหากป้อนขณะมีฟอง เด็กจะดูดฟองนี้เข้าไปทำให้ท้องอืดได้
- ไล่ลมให้ลูกหลังมื้อนมทุกครั้ง
วิธีเก็บรักษานมที่ชงแล้ว
-
นมที่ชงและกินแล้ว
นมที่ชงแล้วจะเสียเร็ว นมที่ป้อนเด็กแล้ว ควรให้เด็กกินให้หมดภายใน 1 ชั่วโมง ถ้าไม่เช่นนั้นก็ต้องทิ้งไป
-
นมที่ชงแต่ยังไม่ได้กินและนำไปแช่เย็น
หากชงนมแล้วยังไม่กินทันที ให้ปิดฝาขวดนมให้มิดชิด นำไปแช่ตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2 - 4 องศาเซลเซียส ไม่แนะนำให้แช่นมในช่องแช่แข็ง และไม่ควรเก็บนมที่ชงแล้วเกิน 24 ชั่วโมง
-
นมที่ชงแต่ยังไม่ได้กินและไม่ได้นำไปแช่เย็น:
ไม่ควรให้เด็กกินนมที่ชงแล้วโดยไม่แช่เย็นเกินกว่า 2 ชั่วโมง
ทำไมไม่ควรใช้น้ำร้อนชงนมเด็ก
สำหรับวิธีชงนมที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันลูกไม่สบายท้องนั้น คุณแม่ไม่ควรใช้น้ำร้อนชงนมให้ลูก เพราะความร้อนจะไปทำลายสารอาหารบางอย่างในนม เช่น โปรตีนและวิตามินอย่างวิตามินซี ที่จะไม่ทนความร้อน และนมที่ผสมจุลินทรีย์สุขภาพก็จะถูกทำลายได้ง่าย ลูกก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากจุลินทรีย์สุขภาพและวิตามินเหล่านั้น หากต้องการให้ลูกกินนมอุ่นก็ให้ใช้น้ำอุ่นประมาณ 60 องศาเซลเซียสชงนม เพื่อป้องกันการทำลายจุลินทรีย์สุขภาพและสารอาหารในนม อีกทั้งการใช้น้ำร้อนจะทำให้ไขมันในนมจับตัวเป็นก้อน ทำให้นมไม่ละลายด้วย
ใช้น้ำอุณหภูมิห้องชงนมเด็กได้หรือไม่
นอกจากการใช้น้ำอุ่นชงนมให้ลูกแล้ว ปัจจุบันได้มีการพัฒนานมผงให้สามารถละลายได้ทั้งในน้ำอุณหภูมิห้องและน้ำอุ่น คุณแม่จึงสามารถใช้ทั้งน้ำอุณหภูมิห้องและน้ำอุ่น (เช่น อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส) ชงนมให้ลูกได้ด้วย และความเชื่อที่ว่าลูกกินนมชงจากน้ำที่ไม่อุ่นแล้วจะทำให้ลูกไม่สบายท้อง ท้องอืดจึงไม่เป็นความจริง ที่สำคัญน้ำที่ใช้ชงนมต้องเป็นน้ำสะอาดที่ผ่านการต้มสุกแล้วเท่านั้น
เทคนิคการเขย่าขวดนมให้เกิดฟองน้อย
การใช้น้ำเย็นชงนมให้ลูก ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกไม่สบายท้อง ท้องอืด แต่ขั้นตอนการชงนมที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการเขย่านมให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกันจนเกิดฟองอากาศขึ้นในขวด ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการ ท้องอืด ไม่สบายท้องของเด็ก เทคนิคการเขย่าให้เกิดฟองน้อยที่สุดที่เป็นวิธีชงนมที่ถูกต้องนั่นก็คือ การจับขวดนมแล้วหมุนมือเป็นวงกลม (คล้ายการเอาขวดนมแกว่งน้ำ) จะทำให้เกิดฟองในขวดน้อยกว่าการเขย่าขวดนมขึ้นลง และหากเห็นว่าในขวดมีฟอง ควรวางให้ฟองลดลงก่อนนำไปป้อนเด็ก
เลือกนมที่ช่วยป้องกันลูกไม่สบายท้องหรือท้องอืด
แนะนำคุณแม่ให้นมแม่กับลูกน้อยตลอด 6 เดือนแรก เนื่องจากนมแม่มีคุณสมบัติที่ย่อยง่าย เหมาะสมกับระบบย่อยอาหารของเด็กทารกที่ยังพัฒนาไม่ได้เต็มที่เท่าผู้ใหญ่ ช่วยลดอาการไม่สบายท้องของลูกน้อยที่อาจจะเป็นสาเหตุของอาการไม่สบายท้องหรือท้องอืด ในกรณีที่คุณแม่มีความจำเป็นที่ทำให้ไม่สามารถให้นมแม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ลูกได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง
กรณีที่คุณแม่มีความจำเป็นต้องให้นมชงและอยู่ระหว่างการให้นมชงแก่ลูก คุณแม่ควรใส่ใจในเรื่องของวิธีชงนมที่ถูกต้อง การเลือกนมสำหรับเด็กผ่าคลอด นมสำหรับเด็กย่อยยาก รวมทั้งการไล่ลมให้ลูกหลังมื้อนมทุกมื้อ จะช่วยป้องกันปัญหาลูกไม่สบายท้องต่างๆ ให้ลูกได้เป็นอย่างดี คุณแม่จึงควรให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้นะคะ
ทำอย่างไรเมื่อลูกน้อยท้องอืด แหวะนม ร้องกวน หลังหย่านมแม่?
ในช่วงให้นมแม่ ลูกน้อยมักจะย่อยนมแม่ได้ดี ไม่ค่อยมีปัญหางอแง ร้องกวน จากอาการท้องอืด แหวะนม นั่นก็เพราะในนมแม่มีโปรตีนขนาดเล็กที่ย่อยง่าย ซึ่งดีกับระบบย่อยอาหารของเด็กเล็ก อีกทั้งนมแม่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นสำหรับพัฒนาการสมอง
แต่เมื่อลูกน้อยเข้าสู่วัยที่ต้องหย่านมและเริ่มปรับเปลี่ยนไปกินอาหารตามวัยมากขึ้น ก็อาจทำให้ลูกน้อยมีอาการท้องอืด ท้องผูก แหวะนม หรือร้องกวนได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากระบบย่อยอาหารของเด็กเล็กยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์เหมือนกับของผู้ใหญ่ และยังต้องการเวลาปรับตัวให้คุ้นชินกับอาหารชนิดใหม่
เพื่อป้องกันอาการไม่สบายท้องต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงหลังหย่านม คุณแม่ควรมองหา “ทางเลือกในการเปลี่ยนที่ดีที่สุด” คุณแม่อาจมองหาโภชนาการที่ย่อยง่ายทีมี PHP หรือโปรตีนขนาดเล็กที่ย่อยมาแล้วบางส่วน ทำให้ย่อยและดูดซึมง่าย ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ลดอาการไม่สบายท้อง ควบคู่ไปกับสุดยอดสารอาหารสมองอย่าง MFGM ที่พบในนมแม่ ซึ่งประกอบไปด้วยโปรตีนและไขมันที่จำเป็นกว่า 150 ชนิด ได้แก่ เช่น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด และแกงกลิโอไซด์ ก็จะช่วยให้ลูกน้อยผ่านช่วงหย่านมได้อย่างราบรื่น สบายท้องและเรียนรู้ไม่สะดุด