แม่กังวล ลาคลอดแล้วลางานบ่อย ทำไงดี?

แม่กังวล ลาคลอดแล้วลางานบ่อย ทำไงดี?

คุณแม่ลูกอ่อนนั้นบางทีเช้าขึ้นมาขณะเตรียมตัวมาทำงาน ก็พบว่าลูกป่วยกลายเป็นว่าต้องลางานกะทันหัน แต่คุณแม่บางคนก็รู้สึกไม่ดี หากต้องลางานบ่อยๆ เพราะเพิ่งกลับมาจากลาคลอด แต่จะทำอย่างไรดีละในเมื่อลูกน้อยก็ต้องการแม่ เรามีแนวทางมาแนะนำคุณแม่ค่ะ

• แม่ทำงานต้องชัดเจน!

  หนึ่งในข้อดีมากๆ ของการเป็นแม่คนคือ เราจะชัดเจนกับตัวเองอย่างที่สุด เพราะเราแทบจะประนีประนอมกับอะไรไม่ได้ เราต้องแบ่งเวลาในชีวิตออกเป็นส่วนๆ ที่ต้องตัดส่วนตัวเองออกไปตลอดเวลา เพราะฉะนั้น “มีอะไรที่เราต้องจัดการ ให้ทำทันที อย่าได้กลัว เพราะที่ปลายอุโมงค์ไม่มีใครอยู่กับเราด้วย” คุณแม่ท่องไว้เลยว่าอะไรที่จำเป็นต้องทำในเรื่องลูกก็ต้องทำ โดยที่ไม่ต้องกังวลมากว่าใครจะคิดยังไง

• ความยากของแม่ทำงานคือ เมื่อหัวหน้างานไม่มีลูก

  เรื่องนี้เห็นใจคุณแม่หนักเลย เพราะหัวหน้าเขาจะนึกไม่ออกว่าทำไมเราต้องลางานบ่อย เขาจะไม่เข้าใจตอนเรานั่งคุยกับพี่เลี้ยงลูก หรือทำไมเราไม่อยากรับโทรศัพท์ใครตอนอยู่กับลูก ยิ่งตอนลูกป่วยนี่ แม่อย่างเราจะเซนซิทีฟมาก คุณแม่ที่มีหัวหน้าเป็นสาวโสดอาจเจอสายตาประหาร เวลาเรากดขอวันลา แต่ด้วยกฎเรื่องการลาหยุดของบริษัทก็ต้องอนุญาตให้ลา

• ต้องกล้าลางานหากยังอยู่ในกฎ

  เมื่อจะลางาน หากไม่ใช่การลากะทันกัน คุณแม่ต้องกางปฏิทินตัวเองแล้วแพลนทุกอย่างล่วงหน้าเอาไว้ จะพาลูกไปตรวจร่างกาย ไปดูโรงเรียนอนุบาล หรือแม้กระทั่งพาลูกไปเที่ยวพักผ่อน พอเราได้แพลนแล้ว เราก็จะเอาพวกวันลาพักร้อน วันลากิจมาใช้ได้ เช็กตามกฎหมายแล้วเรายังอยู่ในกฎหมายแรงงานก็ถือว่าไม่มีอะไรต้องกังวล

  พอรู้สิ่งที่ต้องทำในอนาคตแล้ว เราก็ยื่นแพลนนี้ให้หัวหน้าในทุกๆ สามเดือน ให้ล่วงหน้าไว้เลยจะดีมาก ถ้ายังกำหนดวันไม่ได้ ก็ต้องบอกว่า “เดือนนี้จะมีลา 1 วันต้องพาลูกไปหาหมอ” หรือ “เดือนนี้ลาพักร้อนยาว 10 วัน” บอกไว้ก่อนเขาจะได้ไม่ตกใจ เพราะสิ่งหนึ่งที่หัวหน้างานไม่ชอบคือ การลาที่กะทันหันจนเกินไป

  อย่างไรก็ตาม คุณแม่ต้องเผื่อการลาในวันที่ลูกป่วยกะทันหันด้วย เพราะฉะนั้นต้องเหลือวันลากิจลาป่วยของคุณแม่ไว้เพื่อการนี้ อย่าลาพร่ำเพรื่อ เพราะหากวันลากิจลาป่วยของคุณแม่ไม่เหลือแล้ว อาจมีปัญหามีเรื่องพูดตามหลังมาได้

• เคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อนลา

  เมื่อคุณแม่ได้แจ้งกับหัวหน้าแล้วว่าเราจะลา สิ่งที่ควรทำคือ การสะสางงานให้เรียบร้อย อย่าให้มีงานค้างคาอยู่ อาจจะเป็นเรื่องที่ยากและค่อนข้างกดดัน บางครั้งเราตั้งความหวังไว้แล้วว่าเราจะทำให้ได้ แต่พอถึงเวลาเข้าจริง เวลาที่ค่อนข้างเร่งรัดทำให้ไม่สามารถเคลียร์งานได้ทันตามกำหนด แต่คุณแม่ต้องมั่นใจว่างานที่เราทิ้งไว้ให้เพื่อนร่วมงานนั้น ไม่ได้เป็นภาระอันหนักหนาสำหรับเขา คนที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานต่อจากเราต้องไม่ประสบปัญหาในการทำงาน หากเป็นไปได้ให้คุยรายละเอียดในการทำงานให้ดีเสียก่อน แนะนำเทคนิค หรือสิ่งที่เขาควรรู้ไว้อย่างละเอียด เพียงเท่านี้ เราก็จะลางานได้อย่างสบายใจขึ้น

• เพิ่มช่องทางในการติดต่อ

  ในวันลาแม้คุณแม่จะอยากจะใช้เวลาอยู่กับลูกเท่านั้น แต่สิ่งไม่คาดฝันมักเกิดขึ้นได้เสมอ หากเพื่อนร่วมงานต้องการติดต่อเราในช่วงเวลานั้น เขาจะติดต่อเราได้อย่างไรบ้าง เราจึงควรเพิ่มทางเลือกในการติดต่อเขาในยามจำเป็น แต่ส่วนใหญ่เพื่อนร่วมงานของเราจะเข้าใจมารยาทของการลาเป็นอย่างดี จึงมักไม่มีการติดต่อสื่อสารกันในช่วงเวลานี้ แต่เราก็ควรเสนอทางเลือก เช่น การตอบ Email หรือรับโทรศัพท์ หากต้องการความช่วยเหลือในช่วงเวลานั้น แต่หากเราวางแผนการทำงานไว้เป็นอย่างดีแล้ว เชื่อได้เลยว่าจะไม่มีใครติดต่อเราในช่วงเวลานั้นอย่างแน่นอน

• สิ่งที่ควรระวัง

  สิ่งที่คุณแม่ลูกอ่อนควรระวังในการลาคือ อย่าลาพร่ำเพรื่อ หรือเอาการมีลูกอ่อนมาเป็นข้ออ้างในการทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่เต็มที่ เพราะจะส่งผลต่อความรู้สึกของหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานได้ ยิ่งหากเป็นการลากะทันกัน เราต้องมั่นใจว่างานไม่มีปัญหา กลับมาต้องรีบทำงานให้เสร็จ วันต่อมาอาจต้องอยู่เคลียร์งานนานกว่าปกติก็ต้องทำ พูดง่าย ๆ ก็คือ ต้องไม่มีใครบ่นตามหลังเราไปว่าทิ้งงานไว้ให้คนอื่น

  การลางานเป็นสิ่งที่คนทำงานทุกคนสามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดที่จะขอลา  แต่ต้องทำอย่างมีขั้นตอนและถูกต้อง โดยไม่สร้างความเดือนร้อนให้กับคนอื่น หรือส่งผลกระทบต่อการทำงาน เพราะไม่เช่นนั้น ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องได้ยินเสียงนินทา หรือเสียงบ่นจากเพื่อนร่วมงาน หากเขาต้องมารับภาระที่ไม่มีการเตรียมการไว้ก่อน

  เมื่อได้ทำในส่วนงานอย่างดีที่สุด คุณแม่ก็จะไม่รู้สึกผิดว่าเพิ่งลาคลอดไป แต่มาลางานบ่อยเพราะลูกอีกอีกต่อไป