เชื่อว่าคุณแม่มือใหม่หลายคนคงเคยมีคำถามว่าตนเองจะอยู่บ้านเลี้ยงลูกหรือกลับไปทำงานดี เพื่อให้คุณแม่มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลของการอยู่บ้านเลี้ยงลูกและการออกไปทำงานนอกบ้านมาให้คุณแม่พิจารณาค่ะ
ข้อดีของการอยู่บ้านเลี้ยงลูก
• ติดตามและส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้
เมื่อเลี้ยงลูกอยู่บ้าน คุณแม่สามารถติดตามพัฒนาการของลูกได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่อง สามารถวางแผนและหาแนวทางในการส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้ทั้งด้านร่างกาย ด้านการเรียนรู้ ด้านอารมณ์ ด้านสติปัญญา ฯลฯ เมื่อลูกป่วยคุณแม่ก็สามารถพาลูกไปหาหมอได้โดยไม่ต้องยื่นไปลาให้ต้องเกรงใจหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน
ส่วนคุณแม่ที่ทำงานนอกบ้านต้องฝากคนอื่นเลี้ยง อาจจะทำแบบนี้ไม่ได้อย่างเต็มที่ เพราะมีเวลาเฉพาะวันหยุดเท่านั้น หรือเมื่อมีธุระเรื่องลูกต้องไปจัดการจะลาหยุดสักวันก็ต้องเกรงใจหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน
• ได้ใกล้ชิดผูกพันกับลูก
เมื่อเลี้ยงลูกอยู่บ้าน คุณแม่จะได้ใช้เวลาอยู่กับลูกอย่างเต็มที่ จึงได้สร้างความรักความผูกพันระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของความมั่นคงทางใจให้กับลูกเมื่อเขาโตขึ้นมา ในขณะที่แม่ทำงานนอกบ้านจะมีเวลาใกล้ชิดกับลูกน้อยกว่า
• สามารถให้นมแม่ได้เต็มที่
เมื่อเลี้ยงลูกอยู่บ้าน คุณแม่สามารถให้ลูกกินนมแม่ได้อย่างเต็มที่และยาวนานได้อย่างที่ต้องการ โดยไม่ต้องกังวลกับการต้องทำสต็อกนม การหาเวลาและสถานที่เพื่อปั๊มนมออกเหมือนกับคุณแม่ที่ทำงานนอกบ้าน
• ไม่ต้องกังวลกับการหาคนเลี้ยงลูก
การหาคนเลี้ยงลูกที่ดี มีคุณภาพเป็นปัญหาใหญ่ของพ่อแม่ยุคนี้ หากคุณแม่อยู่บ้านเลี้ยงลูกเอง ก็ตัดปัญหานี้ไปได้เลย และการได้อยู่กับคุณแม่จะดีต่อลูกของเราในทุกๆ ด้าน ใครจะมาเลี้ยงลูกของเราได้ดีกว่าเราล่ะคะ
• พาลูกออกไปเรียนรู้ได้ง่าย
เมื่อคุณแม่อยู่กับลูกตลอดเวลา จึงมีเวลาพาลูกออกไปเที่ยว พาลูกออกไปเรียนรู้ยังสถานที่ต่างๆ ได้ทุกวัน โดยเฉพาะการพาลูกเที่ยววันธรรมดาซึ่งเที่ยวได้ง่ายกว่า คนน้อยกว่า ลูกสามารถมีเวลาทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากกว่า นับว่าสะดวกสบายมากทีเดียว
• บริหารการเงินได้ดีขึ้น
เมื่อตัดสินใจอยู่บ้านเลี้ยงลูก คุณแม่หลายคนเลือกที่จะตัดค่าใช้จ่ายในส่วนของตัวเองออกไป เพราะเมื่อไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ก็จะไม่มีค่าเดินทาง ค่าอาหารกลางวันที่ทำงาน รวมทั้งค่าเสื้อผ้า และเครื่องแต่งตัว เพื่อชดเชยกับเงินเดือนที่เคยได้รับจากเงินเดือนตอนทำงาน คุณแม่จะบริหารเงินได้เก่งขึ้น สามารถลด ละ เลิกสิ่งฟุ่มเฟือยต่างๆ ได้
• ได้มีโอกาสทำอาชีพใหม่ๆ
แม้จะเลี้ยงลูกอยู่บ้านแต่คุณแม่ก็ยังสามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ เพราะสมัยนี้มีอาชีพหรือช่องทางมากมายที่คุณแม่ที่เลี้ยงลูกอยู่บ้านสามารถทำควบคู่ไปกับการเลี้ยงลูกได้ เช่น ขายของออนไลน์ เป็นบล็อกเกอร์ เป็นฟรีแลนซ์ เป็นแม่ค้าขนม เป็นครูสอนสิ่งที่คุณแม่ถนัดทางออนไลน์ ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้แล้ว ยังทำให้ชีวิตประจำวันของคุณแม่สนุกขึ้นด้วย
• เป็นการสร้างความรู้สึกดีๆ
คุณแม่ทุกคนรู้ดีว่าการใช้เวลาอยู่กับบ้านและเลี้ยงลูกด้วยตัวเองนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องและควรกระทำ ลูกน้อยจะรู้สึกอุ่นใจและมีความสุขตามไปด้วย คุณแม่เองก็จะรู้สึกดีเมื่อได้ทำสิ่งนี้ใช่มั้ยคะ
ข้อดีของการทำงานนอกบ้าน
• มีรายได้แน่นอนทุกเดือน
หากคุณแม่ออกไปทำงานก็จะมีรายรับแน่นอนทุกเดือน แต่หากคุณแม่ต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก เงินก้อนก่อนนี้ก็จะหายไป หากเงินที่ได้จากการทำงานของคุณแม่จะมีประโยชน์มากและมีความจำเป็นสำหรับการใช้จ่ายในครบครัว ถ้าขาดเงินจากส่วนนี้ไปอาจทำให้เกิดปัญหาทางการเงินของครอบครัว คุณแม่ก็ต้องคำนวณและตัดสินใจให้ดีว่าจะอยู่บ้านหรือออกไปทำงาน
• เวลาใกล้ชิดลูกมีน้อยลง
หากคุณแม่อออกไปทำงานนอกบ้าน ต้องฝากคนอื่นเลี้ยงลูก ไม่ว่าจะเป็นย่ายาย พี่เลี้ยงเด็ก หรือเนิร์สเซอรี่ ต้องทำใจว่าความใกล้ชิดกับลูกจะลดลง เพราะเราไม่ได้อยู่กับเขาตลอดเวลา แต่คุณแม่ก็สามารถชดเชยได้ด้วยการให้เวลาคุณภาพกับเขาหลังเลิกงานและในวันหยุด
• ต่อยอดงานในอนาคตได้ง่าย
คุณแม่บางคนตัดสินใจลาออกจากงานมาเพื่อเลี้ยงลูกจนเวลาผ่านไป จนลูกช่วยเหลือตัวเองได้หรือเข้าโรงเรียนอนุบาลได้แล้วอยากกลับไปทำงาน คุณแม่ก็ต้องไปเริ่มต้นใหม่ ซึ่งอาจจะสายเกินไป เพราะการเริ่มต้นงานใหม่ ฐานเงินเดือนก็จะน้อย และการงานอาจจะเจริญก้าวหน้าช้า ดังนั้นคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจจะลาออกมาเลี้ยงลูกก่อนแล้วค่อยกลับไปทำงานใหม่ ควรคิดถึงอนาคตของการงานที่ว่านี้ด้วย
• ลูกเห็นตัวอย่างที่ดีเรื่องการทำงาน
เมื่อโตขึ้นลูกจะเข้าใจว่าการทำงานเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต การหาเลี้ยงชีพด้วยการทำงานเป็นเรื่องสำคัญ ลูกจะรู้จักการใช้จ่ายเงิน และจะรู้จักคุณค่าของเงินตั้งแต่เด็ก ๆ
• ลูกจะปรับตัวได้ดี
การที่คุณแม่ต้องไปทำงานหลังคลอด แล้วต้องฝากลูกไว้กับญาติ พี่เลี้ยงเด็ก หรือ เนิร์สเซอรี่ ซึ่งการที่เด็กได้อยู่กับผู้อื่นตั้งแต่แรก จะเป็นผลดีคือเด็กจะไม่ติดแม่มากนัก และสามารถปรับตัวเข้ากับผู้คนได้ดีนั่นเอง นอกจากนี้มีวิจัยชิ้นใหม่จาก London School of Economics and Political Science และ มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด พบว่าเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่คุณแม่เป็นแม่บ้าน ไม่ได้ทำงาน จะมีทักษะด้านการพูด ทักษะทางสังคม ทักษะการเคลื่อนไหว และการใช้ชีวิตประจำวันที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่คุณแม่ทำงาน
• ภูมิใจในตนเอง
ในการทำงาน เมื่อคุณแม่ทำงานสำเร็จด้วยความสามารถ ได้รับคำชม คุณแม่ก็ภาคภูมิใจ เมื่อคุณแม่ทำงานมีเงินเดือนเป็นของตนเอง คุณแม่ก็สามารถใช้เงินซื้อสิ่งของส่วนตัวได้โดยอิสระ แต่การเลี้ยงลูกนั้นแม้คุณแม่จะรู้ว่าเป็นงานที่หนักมาก แต่ก็มีบางคนที่ไม่เข้าใจ กลับคิดว่าคุณแม่อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำงาน ไม่มีคำชมแถมยังพูดให้เสียใจ ไม่เห็นคุณค่าอีก
• มีสังคมอื่นนอกเหนือจากบ้าน
คุณแม่ที่ยังทำงานอยู่จะมีสังคมได้พบปะผู้คน สังสรรค์ พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน มีสังคมในการทำงาน แม้ชีวิตจะวุ่นวายแต่ก็ยังมีชีวิตที่สนุกกับการออกไปเจอผู้คนอยู่
ส่วนคุณแม่ที่เลี้ยงลูก ชีวิตก็จะมีแต่ลูก เมื่อนัดเจอเพื่อนก็ต้องเอาลูกไปด้วย อยู่คุยกับเพื่อนได้ไม่เกินสองชั่วโมง ลูกร้องก็ต้องกลับบ้าน ฯลฯ เรียกว่าชีวิตขาดสีสันไปเลยค่ะ
• มีสุขภาพจิตดี
มีผลวิจัยพบว่า คุณแม่ที่กลับไปทำงานหลังคลอด จะมีสุขภาพดีกว่าคุณแม่ที่เลี้ยงลูกเต็มเวลา เพราะจะไม่มีปัญหาซึมเศร้าหลังคลอด และยังได้พบเจอพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ได้ผ่อนคลาย ในขณะที่คุณแม่บางคนต้องอยู่กับลูกทั้งวัน ไม่ได้ผ่อนคลายหรือได้ปรับอารมณ์เลยจึงเกิดความเครียดได้
นี่คือข้อมูลส่วนหนึ่งของการอยู่บ้านเลี้ยงลูกและการกลับไปทำงานที่นำมาฝากคุณแม่ ถึงตอนนี้คุณแม่คงเลือกได้แล้วว่าการอยู่บ้านเลี้ยงลูกและการกลับไปทำงานนั้นแบบไหนเหมาะกับคุณแม่
เตรียมพร้อมกันนิด หากกลับไปทำงานต้องมีการเตรียมตัวอย่างไร