เด็กท้องเสีย มักเกิดจากสาเหตุการติดเชื้อต่างๆ ได้แก่ เชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัสเป็นอันดับต้นๆ เวลามาพบแพทย์ก็จะได้รับการรักษาตามอาการ รวมทั้งอาจได้รับยาฆ่าเชื้อ หรือยาปฏิชีวนะร่วมไปด้วย ซึ่งในภาวะที่ลูกท้องเสียครั้งแรก ส่วนใหญ่ก็มาจากโรคติดเชื้อในลำไส้จริงๆ แต่อย่างไรก็ดีอาการเด็กท้องเสียก็มีได้หลายสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น
- ได้รับเชื้อโรคเข้าไปทางปากจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- อาการจากเนื้องอกบางประเภท
- ผลข้างเคียงจากยาปฏิชีวนะบางประเภท
- การแพ้โปรตีนนมวัว
นอกจากนี้ เราได้นำข้อมูลเรื่องลูกท้องเสียอย่างละเอียดและเชื่อถือได้ โดยเฉพาะการแพ้โปรตีนนมวัว จาก น.อ.หญิง พญ.ปัญจฉัตร รัตนมงคล กุมารแพทย์เฉพาะทาง โรคระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช มาฝากคุณแม่กันด้วย
ลูกท้องเสียถ่ายเป็นมูกเลือดอาจไม่ใช่เพราะการติดเชื้อ
ในกรณีที่เด็กถ่ายเป็นมูก เป็นมูกเลือด มีอาการท้องเสียยืดเยื้อนานๆ หรือเป็นซ้ำๆ ต้องระวังว่าสาเหตุอาจจะไม่ใช่จากการติดเชื้อแล้ว บ่อยครั้งที่พ่อแม่อาจคิดไม่ถึง เข้าใจว่าเป็นเพราะลูกชอบเอาของเข้าปากเลยติดเชื้อบ่อยๆ จึงพาลูกไปรักษา อาจได้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อมาทุกรอบ ทำให้ส่งผลต่อภูมิต้านทานในลำไส้ ซึ่งพอได้มาวิเคราะห์กันจริงๆ โดยละเอียด ถึงได้ทราบว่า สาเหตุที่ลูกท้องเสียแท้จริงมาจากการแพ้อาหาร หรือการแพ้โปรตีนนมวัวนั่นเอง
การที่เด็กได้รับยาปฏิชีวนะ ทำลายเชื้อโรคได้จริง แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เชื้อเจ้าถิ่นในลำไส้ที่เป็นจุลินทรีย์สุขภาพ หรือโพรไบโอติก ซึ่งเป็นเชื้อที่ดีมีประโยชน์ถูกทำลายไปด้วย ทำให้ระบบนิเวศน์ในลำไส้เสียสมดุล (Dysbiosis) เป็นเหตุให้ภูมิคุ้มกันในลำไส้บกพร่อง สร้างสารคัดหลั่งภูมิต้านทาน (Secretory IqA) ได้ลดลง อีกทั้งเยื่อเมือก (Mucus) ที่คอยดักจับเชื้อโรคก็สร้างได้น้อยลง เกิดรูรั่วที่รอยต่อของเซลล์เยื่อบุลำไส้ ทำให้ลำไส้อ่อนแอลง เชื้อโรคก็เข้าไปได้ง่าย
เมื่อจุลินทรีย์สุขภาพลดลงจากการได้รับยาปฏิชีวนะบ่อยๆ เชื้อก่อโรคก็เข้ามาแทนที่ ยิ่งทำให้ลำไส้เกิดการอักเสบเป็นแผล แผลอักเสบหรือรูรั่วที่ผนังลำไส้นี้ จะเป็นประตูให้สารที่ก่อการแพ้ หรือโปรตีนต่างๆ สามารถเข้าไปกระตุ้นให้เด็กท้องเสียเกิดการแพ้สารอาหารต่างๆตามมาได้ง่าย เพราะโดยปกติถ้าลำไส้แข็งแรง สารที่ให้เกิดการแพ้ก็จะผ่านผนังลำไส้เข้าไปกระตุ้นได้ยาก แต่พอเด็กมีอาการถ่ายเป็นมูกเลือดซ้ำๆ ลำไส้เกิดแผล และยังได้รับยาปฏิชีวนะบ่อยๆ อีก ก็ยิ่งทำให้ลำไส้อ่อนแอลง ทำให้เด็กแพ้สารอาหารที่ไม่เคยแพ้มาก่อนได้
ในปัจจุบัน พบว่าเด็กมาแพ้อาหารทีเป็นภายหลังมากยิ่งขึ้น จากที่เมื่อก่อนไม่แพ้ ด้วยเหตุที่มีการใช้ยาปฏิชีวนะกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะใช้รักษาโรคหวัด โรคท้องเสีย หรือรักษาการติดเชื้อในที่ต่างๆ ของร่างกาย จากกลไกที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้เด็กมีภาวะแพ้นม แพ้สารอาหารต่างๆ ตามมา ผลจากการแพ้นม แพ้อาหาร ลำไส้ก็เกิดการอักเสบ เกิดแผล อาการก็อาจแสดงออกโดยมีภาวะท้องเสียยืดเยื้อ ท้องเสียเรื้อรัง หรือถ่ายเป็นมูกเลือดได้เช่นกัน พอไปรักษาก็อาจได้รับยาปฏิชีวนะมาอีก วนไปอยู่อย่างนั้น แทนที่เด็กจะแพ้สารอาหารอย่างเดียวก็อาจกลายเป็นแพ้เป็นสิบๆ อย่างได้ เพราะการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดและเข้าใจผิดว่าการเกิดท้องเสียต้องมาจากการติดเชื้อเท่านั้น โดยลืมคิดถึงสาเหตุว่าอาจมาจากการแพ้อาหาร ซึ่งพบบ่อยมากขึ้น ผลที่ตามมานอกจากการแพ้อาหารแล้ว ยังทำให้เกิดภาวะทุโภชนาการ ซีด บวมจากโปรตีนในเลือดต่ำ มีผลต่อพัฒนาการทางร่างกายและสมองในระยะยาวได้
แทนที่เด็กจะแพ้สารอาหารอย่างเดียวก็อาจกลายเป็นแพ้เป็นสิบๆ อย่างได้ เพราะการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดและเข้าใจผิดว่าการเกิดท้องเสียต้องมาจากการติดเชื้อเท่านั้น โดยลืมคิดถึงสาเหตุว่าอาจมาจากการแพ้อาหาร ซึ่งพบบ่อยมากขึ้น ผลที่ตามมานอกจากการแพ้อาหารแล้ว ยังทำให้เกิดภาวะทุโภชนาการ ซีด บวมจากโปรตีนในเลือดต่ำ มีผลต่อพัฒนาการทางร่างกายและสมองในระยะยาวได้
ดังนั้นเมื่อลูกถ่ายเป็นมูกเลือกซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือลูกท้องเสีย อย่าคิดว่าติดเชื้ออย่างเดียว ต้องไม่มองข้ามว่าอาจเกิดจากการแพ้อาหารได้ ถ้าเด็กเล็กที่พบบ่อยที่สุดก็คือการแพ้นม เพราะเป็นอาหารของเขาในช่วงวัยนี้ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเราเพื่อพบเทคนิคการเลือกโภชนาการให้กับลูกน้อย เพื่อสุขภาพและพัฒนาการที่ดีของเขา ได้ที่นี่ คลิก
การที่จะรู้ว่าสาเหตุของเด็กท้องเสียบ่อยๆ ซ้ำๆ ว่าเกิดจากการแพ้อาหารหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพ้นมในเด็กเล็ก สามารถวิเคราะห์ได้จากการซักประวัติ และตรวจร่างกายโดยละเอียด หากเป็นบ่อยๆ และยิ่งมีประวัติการกินยาปฏิชีวนะมาบ่อยๆ แล้วยังไม่ดีขึ้น ก็มีแนวโน้มว่าอาจจะเกิดจากการแพ้อาหารหรือนมได้มาก
การดูอุจจาระ ถ้าเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ อุจจาระเด็กจะมีลักษณะเป็นมูกๆ หรือมูกปนเลือดผสมปนกัน มีกลิ่นคาวหรือเหม็นเน่าๆ ร่วมด้วยได้ ส่วนเด็กที่แพ้นมและมีอุจจาระเป็นมูกเลือด ถ้าสังเกตดีๆ มูกมักจะเป็นมูกใสๆ แยกส่วนกับเลือด เพราะการแพ้นมทำให้ผนังลำไส้มีการอักเสบ มีการหลุดลอกของเยื่อบุลำไส้ มูกที่ออกมาก็คือผิวเยื่อบุของลำไส้ บวกกับเลือดที่ซึมจากแผลในลำไส้ ลักษณะอุจจาระดังกล่าว แนะนำให้พ่อแม่หัดสังเกต เพื่อจะได้ประเมินในเบื้องต้น จากนั้นก็เอาอุจจาระไปเพาะเชื้อ เพื่อยืนยันร่วมด้วย
การดูแลรักษาลูกท้องเสียอย่างถูกต้องตรงจุด
ดังนั้นการรักษา เมื่อลูกถ่ายเป็นมูกเลือด หรือท้องเสีย เพราะแพ้โปรตีนนมวัว สำคัญที่สุดคือ พ่อแม่ควร “งดให้เด็กกินยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น” เพราะต้องฟื้นฟูลำไส้ ให้ระบบนิเวศน์ในลำไส้กลับเข้าสู่สภาวะสมดุล ให้จุลินทรีย์สุขภาพในลำไส้กลับคืนมาโดยเร็ว ทั้งนี้ภาวะลำไส้เสียสมดุลยังก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมาก ไม่เฉพาะกับโรคทางเดินอาหารเท่านั้น
ในช่วงเวลาที่เด็กมีภาวะแพ้นมจากข้างต้น นมที่ใช้ในการรักษา พบว่านมสูตรโปรตีนเคซีนผ่านการย่อยละเอียดและมีการเสริม LGG ซึ่งเป็นจุลินทรีย์สุขภาพ หรือโพรไบโอติกที่ลำไส้เด็กต้องการนั้น ได้ผลดีมาก เพราะช่วยลดการแพ้โปรตีนในนม แล้วยังช่วยฟื้นฟูและปรับลำไส้ให้แข็งแรงด้วย
การถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือดในเด็กเล็กอาจดูน่ากลัว ถ้ามาจากการแพ้นมวัวและให้การรักษาตรงจุด โดยให้กินนมที่รักษาอาการแพ้โปรตีนนมวัว อาการจะดีขึ้นได้ใน 3-5 วัน หลังเปลี่ยนนม อีกทั้งในระยะยาว เด็กยังสามารถกลับมากินนมสูตรปกติได้ในที่สุด ทารกบางรายแพ้นม มาด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือด 3-5 วันหลังให้นมสูตรแพ้โปรตีนนมวัวไป อาการก็กลับมาเป็นปกติได้โดยเร็ว
สรุปว่า หากตระหนักถึง รู้สาเหตุเร็ว รักษาได้เร็ว เด็กก็จะฟื้นตัวได้เร็ว หากรักษาผิด ลำไส้อ่อนแอ อาการอื่นๆ ก็ตามมาอีกมากมาย