Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ปัจจุบันการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดเพียงในห้องเรียนเท่านั้น การเรียนในโรงเรียนเพียงอย่างเดียวทำให้เด็กถูกบังคับให้เรียนแบบเดียวกันโดยไม่ได้ส่งเสริมการเรียนรู้ตามความถนัดและความสนใจเท่าที่ควร ส่งผลให้เด็กไม่มีความสุขกับการเรียน การศึกษาแบบ “โฮมสคูล (Home School)” ซึ่งมีความอิสระมากกว่าจึงเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจอาจสงสัยว่าการเรียนโฮมสคูลคืออะไร เหมาะกับลูกของเราไหม และจะเริ่มต้นจัดการเรียนการสอนแบบโฮมสคูลด้วยตนเองได้อย่างไร วันนี้ Enfa จะพาคุณแม่ไปรู้จักระบบการเรียนแบบ “โฮมสคูล (Home School)” ให้มากขึ้นกันค่ะ
โฮมสคูล คือ ประเภทหนึ่งของการจัดการศึกษา ซึ่งในทางกฎหมายตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ กล่าวถึงโฮมสคูลว่า ครอบครัว พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง สามารถจัดการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้แก่เด็กเองได้ โดยที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐหรือเอกชน หมายความว่า การเรียนแบบโฮมสคูลได้รับการรับรองโดยกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ครอบครัวที่สนใจสามารถดำเนินการขออนุญาตจัดตั้งโฮมสคูลได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และหากผ่านการประเมินตามเกณฑ์ที่กำหนด เด็กสามารถสำเร็จการศึกษาได้ตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเช่นเดียวกับการเรียนที่โรงเรียน
โดยการเรียนแบบ โฮมสคูล (Home School) นั้น ผู้ปกครองสามารถออกแบบและวางแผนการเรียนการสอนให้ลูกได้เองโดยเน้นความสนใจของเด็กเป็นหลัก ร่วมกับการบูรณาการการเรียนรู้จากวิถีชีวิตจริงได้จากทุกสถานที่และจากทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำในสิ่งที่สนใจ เพื่อให้ค้นพบความถนัดและความสามารถที่แท้จริงของตนเอง
การเรียน Home School ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเรียนที่บ้านเท่านั้น แต่สามารถใช้การผสมผสานรูปแบบที่เหมาะสมได้ด้วย โดย Home school มีรูปแบบการเรียน ดังนี้
การเรียนแบบ Home School เหมาะกับครอบครัวที่มีแนวคิดด้านการเรียนการสอนที่ยืดหยุ่น และต้องการให้ลูกเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ใกล้ชิดกับครอบครับ ได้เรียนตามความสนใจและมีความอิสระในการเรียนรู้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเด็กที่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพหรือการเรียนรู้
สิ่งสำคัญคือพ่อแม่ต้องมีเวลามากพอที่จะจัดการเรียนการสอนให้ลูกอย่างเหมาะสม เพราะตามหลักสูตรของไทยเด็กต้องผ่านการประเมินในกลุ่มสาระเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้นการเรียนโฮมสคูลจึงไม่ใช่การเรียนอะไรก็ได้ แต่เป็นการเรียนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งพ่อแม่ต้องมีความพร้อมในการออกแบบการเรียนให้ลูก และพร้อมสนับสนุนลูกทุกด้านทั้งการเงิน เวลา และความเอาใจใส่ใกล้ชิด
การเรียนแบบ Home School มีทั้งข้อดีข้อเสียซึ่งก่อนตัดสินใจเรียนแบบโฮมสคูล คุณพ่อคุณแม่ควรประเมินความพร้อมให้รอบด้าน
หากพ่อแม่จดทะเบียนการจัดการศึกษาแบบ Home School กับเขตพื้นที่การศึกษา สามารถขอรับ “เงินอุดหนุนการศึกษา” ตามที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพื้นฐาน (สพฐ.) กำหนดไว้ได้ โดยเงินอุดหนุนการศึกษาจะแบ่งออกเป็น 5 หมวด ได้แก่ ค่าเครื่องแบบ ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าจัดการเรียนการสอน และค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
หากเลือกจดทะเบียนกับศูนย์การเรียน โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการโฮมสคูล หรือหน่วยงานอื่นๆ
จะไม่สามารถขอรับเงินอุดหนุนการศึกษาได้
ทั้งนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการเรียนออนไลน์
การเข้าค่ายหรือทำกิจกรรมนอกสถานที่อีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี คุณพ่อคุณแม่สามารถกำหนดค่าใช้จ่ายตามความเหมาะสมได้ค่ะ
การจดทะเบียนเรียนแบบ Home School ในประเทศไทยนั้น ครอบครัวสามารถจัดการศึกษาให้ลูกได้ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล (ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ) จนถึงชั้น ม.6 โดยยื่นคำขออนุญาตได้ ดังนี้
ระดับปฐมวัย (อนุบาล) และระดับประถมศึกษา สามารถยื่นจดทะเบียนได้ที่
ระดับชั้นมัธยมศึกษา สามารถยื่นจดทะเบียนได้ที่
นอกจากนี้ ยังสามารถลงเรียนหลักสูตรต่างประเทศ เช่น GED หรือ IGCSE ซึ่งก็คือหลักสูตรต่างประเทศเทียบเท่าเฉพาะระดับ ม.ปลาย ที่ใช้สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งสถาบันในไทยและต่างประเทศได้ด้วย
การเรียนแบบ Home School สามารถให้ลูกเรียนได้ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล (3 ขวบ) จนถึงระดับมัธยมศึกษา โดยสามารถเลือกเรียนเป็นช่วงชั้นได้ เช่น เลือกเรียน Home School ระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษา แล้วเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนปกติในระดับชั้นมัธยมศึกษา
ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมความพร้อมลูกในทักษะด้านอื่นๆ ด้วย เช่น ทักษะการเข้าสังคม เพราะลูกไม่สามารถเรียนที่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่ได้ตลอดไป ในอนาคตลูกจะต้องเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นโดยเรียนร่วมกับนักเรียนอื่น ลูกควรเข้าสังคมได้ ไม่รู้สึกแปลกแยก ไม่ต่อต้านระบบการศึกษาแบบรวม ควรมีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้อย่างเหมาะสม
ช่วง 5 ขวบปีแรกของลูกน้อยเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดในการพัฒนาสมองและอารมณ์ของเด็กเล็ก โภชนาการที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างทั้งความฉลาดทางสติปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์
เลือกเอนฟาสูตรที่ใช่ แบรนด์เดียวที่เสริม MFGM มีหลากหลายสูตร เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูก
เพราะเด็กทุกคนต่างกัน
Enfa สรุปให้ เลี้ยงลูกให้ฉลาด คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจกับปัจจัยพื้นฐานได้แก่ โภชนาการที่ดี การนอนหล...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ กิจวัตรประจําวันไปโรงเรียน คือ ชุดของกิจกรรมที่เด็กๆ ทำเป็นประจำทุกวัน ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ เด็กวัย 3-6 ขวบหรือช่วงวัยอนุบาล เป็นวัยแห่งความซุกซน ช่างคิด ช่างสังเกต ชอบที่จะเร...
อ่านต่อ