นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

จิตวิทยาเมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียน ลูกไม่อยากไปโรงเรียนทำไงดี

Enfa สรุปให้

  • ลูกไม่อยากไปโรงเรียนอนุบาล เป็นสถานการณ์ที่หลายครอบครัวต้องเจอ เพราะเมื่อต้องไปโรงเรียนเพื่อพัฒนาทักษะสังคมและการเรียนรู้ ลูกจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
  • ลูกไม่อยากไปโรงเรียนมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากความกังวลในการแยกจากพ่อแม่ ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จัก การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม และอาจมีประสบการณ์เชิงลบที่โรงเรียน
  • จิตวิทยาเมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียน คือ การพูดคุยกับลูกอย่างเข้าใจ สร้างความรู้สึกปลอดภัยและเสริมความมั่นใจให้ลูก พร้อมทั้งปรับกิจวัตรประจำวันเพื่อให้มีความพร้อมมากขึ้น

เลือกอ่านตามหัวข้อ

เมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียน พ่อแม่หลายคนอาจรู้สึกกังวลใจและไม่แน่ใจว่าควรจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี บทความนี้ Enfa จะพาคุณพ่อคุณแม่มาสำรวจสาเหตุที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียนอนุบาล พร้อมคำแนะนำแนวจิตวิทยาเมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียน เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

 

ลูกไม่อยากไปโรงเรียนเพราะอะไร

ลูกไม่อยากไปโรงเรียนอนุบาลเป็นสถานการณ์ที่หลายครอบครัวต้องเผชิญ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในทุกครอบครัว สาเหตุที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียนเพราะอะไรนั้นไม่ใช่เรื่องซับซ้อนเลยค่ะ แต่เป็นเพราะว่าเมื่อถึงเวลาต้องเข้าโรงเรียนไปเรียนรู้โลกกว้างเพื่อพัฒนาทักษะสังคมและการเรียนรู้ ลูกจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทำให้เกิดความรู้สึกไม่อยากไปโรงเรียน โดยสาเหตุส่วนใหญ่มีดังนี้

ความกังวลในการแยกจากพ่อแม่ (Separation Anxiety)
เด็กวัยอนุบาลมักรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่กับพ่อแม่ การต้องแยกจากพ่อแม่เพื่อไปโรงเรียนอาจทำให้เกิดความวิตกกังวล ไม่อยากแยกตัวไปโรงเรียน โดยอาจร้องไห้หรือแสดงอาการต่อต้าน

ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จัก
นอกจากกลัวที่จะต้องแยกจากพ่อแม่แล้ว เด็กอาจกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมใหม่ในโรงเรียน เช่น การเล่นกับเพื่อน หรือการเรียนในห้องที่มีบรรยากาศแปลกใหม่ ซึ่งพวกเขาต้องปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างมาก และเด็กแต่ละคนอาจใช้เวลาไม่เท่ากัน

ประสบการณ์เชิงลบในโรงเรียน
ลูกอาจได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีในโรงเรียน เช่น รู้สึกว่าไม่สามารถสร้างมิตรภาพในโรงเรียน รู้สึกโดดเดี่ยวในกลุ่มเพื่อน ถูกรังแกทางวาจาหรือร่างกาย ถูกครูดุ หรือมีความกังวลเกี่ยวกับบางสิ่งในโรงเรียน เช่น การตอบคำถามในห้องเรียน หรือการแสดงออกต่อหน้าครูและเพื่อน

การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม
การที่ลูกเริ่มเรียนที่โรงเรียนใหม่ การพบครูหรือเพื่อนใหม่ อาจทำให้เด็กไม่คุ้นเคยและรู้สึกไม่สบายใจ
เพราะชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป นอกจากนี้ อาจนอนหลับที่ไม่เพียงพอในตอนกลางคืน หรือมีกิจวัตรที่ไม่แน่นอน ทำให้อ่อนเพลีย ส่งผลต่อพลังงานและอารมณ์ของเด็ก ทำให้ลูกไม่อยากตื่นไปโรงเรียน

ปัญหาทางการเรียน
ลูกอาจกำลังพบความยากลำบากในการเรียน เช่น ไม่เข้าใจบทเรียน หรือรู้สึกว่าตัวเองตามไม่ทันเพื่อน จะส่งผลให้เขาไม่อยากเข้าห้องเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตลูกน้อยให้ดีว่ามีปัญหาหรือไม่ และควรแก้ไขให้เร็วที่สุด

ความรู้สึกขาดความสนุกสนาน
การเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมกับลูกเป็นสิ่งสำคัญ หากเด็กมองว่าโรงเรียนไม่น่าสนุกหรือมีกิจกรรมไม่น่าสนใจ อาจทำให้พวกเขาไม่มีแรงจูงใจที่จะไปโรงเรียนด้วย

จิตวิทยาเมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียน รับมืออย่างไร

จิตวิทยาเมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียนไม่ใช่เรื่องไกลตัวค่ะ คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้หลักจิตวิทยาในการทำความเข้าใจสาเหตุที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียน เพื่อมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจและความมั่นใจในตัวลูก ควบคู่กับการปรับตัวของคุณพ่อคุณแม่ร่วมด้วย โดย Enfa แนะนำให้ทำดังนี้

สร้างความรู้สึกปลอดภัย
ส่วนใหญ่แล้วสาเหตุที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียนมักเกิดจากความกังวลที่ต้องแยกจากพ่อแม่ และความรู้สึกไม่ปลอดภัยในสภาพแวดล้อมใหม่ เด็กจึงต้องการรู้สึกว่าตนเองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ทั้งที่บ้านและโรงเรียน พ่อแม่สามารถให้กำลังใจและสนับสนุนอารมณ์ของลูกโดยการกอด พูดคุย หรือแสดงออกถึงความรักอย่างสม่ำเสมอ

สื่อสารด้วยความเข้าใจ
การสื่อสารกับลูกไม่ว่าวัยไหนควรอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจกันเป็นหลัก พ่อแม่ควรเปิดใจรับฟังสิ่งที่ลูกพูดโดยไม่ตำหนิ เพื่อให้เขารู้สึกว่าสามารถพูดคุยได้ โดยอาจใช้คำถามช่วยกระตุ้น เช่น การตั้งคำถามปลายเปิดเหมือนชวนคุยตามปกติว่า วันนี้ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรที่ลูกไม่ชอบไหม เพื่อสำรวจความรู้สึกลูก โดยควรทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อแสดงถึงความใส่ใจและการมีส่วนร่วมในความรู้สึกลูก

ตั้งเป้าหมายที่เล็กและเป็นไปได้
หากลูกไม่อยากไปโรงเรียน ไม่ควรใช้การบังคับหรือดุ ถ้าการไปโรงเรียนยากสำหรับลูกมากจริง ๆ ทำให้ลูกร้องไห้ ไม่มีความสุข เข้าสังคมไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มตั้งเป้าหมายใหม่ที่ไม่ยากเกินไป เช่น ลองไปโรงเรียนครึ่งวัน พร้อมทั้งให้กำลังใจและแสดงความมั่นใจในความสามารถของลูกในการจัดการกับปัญหาที่โรงเรียน

ปรับกิจวัตรประจำวัน
สาเหตุหนึ่งที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียนเพราะไม่อยากตื่นเช้า พ่อแม่ควรสร้างตารางเวลาที่มีความชัดเจน เช่น การนอนตรงเวลา การตื่นอย่างเป็นระบบ และการพูดคุยถึงกิจกรรมที่ลูกชอบในโรงเรียน เพื่อให้ลูกรู้สึกมีความพร้อมในแต่ละวัน

เสริมความมั่นใจในตัวลูก
ควรให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการเตรียมตัวไปโรงเรียน เช่น เตรียมกระเป๋า เตรียมเสื้อผ้า โดยพ่อแม่ควรชื่นชมในความพยายามของลูก และชมเชยพฤติกรรมที่ดีแม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อยก็ตาม และบอกลากันก่อนเข้าโรงเรียนด้วยรอยยิ้ม เพื่อให้ลูกมั่นใจมากขึ้น

ร่วมมือกับโรงเรียน
การที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียนอนุบาลเป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรแก้ปัญหาร่วมกับโรงเรียน โดยพูดคุยกับคุณครูเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกในโรงเรียน และร่วมกันวางแผนปรับปรุงสถานการณ์ เช่น การให้เด็กได้ลองทำกิจกรรมที่เขาชอบเพื่อเสริมแรงจูงใจ

ช่วยจัดการความเครียดของเด็ก
คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้กิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เช่น การเล่านิทาน การเล่นเกมสร้างสรรค์ การวาดรูป การเล่นเกม ทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

หลีกเลี่ยงการใช้คำสั่งหรือลงโทษที่รุนแรง
สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียนคือ การบังคับให้เด็กไปโรงเรียนโดยใช้วิธีที่เข้มงวด เพราะอาจทำให้ลูกรู้สึกต่อต้านมากขึ้น ส่งผลให้ไม่สนใจการเรียน ส่งผลต่ออารมณ์ และเกิดปัญหาสะสมในที่สุด ควรใช้วิธีการชักจูงเชิงบวกแทน

 

ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน อาจเป็นสัญญาณปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม

ปัญหาเด็กไม่ยอมไปโรงเรียนอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กในสายตาของผู้ใหญ่ แต่ในความเป็นจริงการที่ลูกไม่ยอมไปโรงเรียนอาจเป็นสัญญาณปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากมีผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ การเรียนรู้ และทักษะทางสังคมของเด็กในระยะยาว ดังนี้

สัญญาณปัญหาทางอารมณ์ เช่น ความเครียด การถูกรังแก หรือความไม่มั่นใจในตัวเอง ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข อาจพัฒนาเป็นปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้าหรือโรควิตกกังวลในอนาคต

ผลกระทบต่อพัฒนาการทางการเรียนรู้ ทำให้เด็กตามบทเรียนไม่ทัน เกิดช่องว่างในการเรียนรู้ และอาจสูญเสียความสนใจในกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งส่งผลต่อผลการเรียนและความสำเร็จในระยะยาว

ปัญหาด้านความสัมพันธ์ทางสังคม ทำให้เด็กพลาดโอกาสในการสร้างมิตรภาพและฝึกทักษะการเข้าสังคม การแยกตัวนี้อาจนำไปสู่ปัญหาความโดดเดี่ยวทางสังคมในอนาคต

การแสดงออกถึงปัญหาในครอบครัว เช่น ความตึงเครียดในครอบครัว หรือการขาดความเข้าใจและการสื่อสารระหว่างพ่อแม่และลูก
การปลูกฝังนิสัยที่ไม่เหมาะสม หากไม่ได้จัดการปัญหาที่แท้จริง เด็กอาจเรียนรู้ว่าการหลีกเลี่ยงปัญหาเป็นวิธีที่ได้ผล ซึ่งอาจส่งผลต่อวิธีการรับมือกับอุปสรรคในชีวิต 

การใช้จิตวิทยาเมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียน จะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ หากพยายามแก้ไขด้วยตนเองแล้วยังไม่ได้ผล พ่อแม่อาจขอคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาเด็กหรือผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเพื่อขอคำแนะนำ

 

เลือกเอนฟาสูตรที่ใช่ แบรนด์เดียวที่เสริม MFGM

อยากให้ลูกมีพัฒนาการสมองดี ต้องเลือกเอนฟาโกรที่มี MFGM มีหลากหลายสูตรเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูก เพราะเด็กทุกคนต่างกัน

 

ไขข้อข้องใจเรื่องลูกไม่อยากไปโรงเรียน กับ Enfa Smart Club

ลูก 3 ขวบไม่อยากไปโรงเรียน รับมืออย่างไร

ลูก 3 ขวบไม่อยากไปโรงเรียนเพราะมักมีปัญหาในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง เช่น การแยกจากพ่อแม่ พ่อแม่ควรสร้างความมั่นใจโดยพูดถึงข้อดีของการไปโรงเรียน และใช้เวลาเตรียมตัวก่อนออกจากบ้าน เช่น อ่านนิทานเกี่ยวกับโรงเรียนหรือพูดคุยเกี่ยวกับกิจกรรมที่น่าสนใจในโรงเรียน

ลูกร้องไห้ ไม่ยอมไปโรงเรียน ทำไงดี

หากลูกร้องไห้ ไม่ยอมไปโรงเรียน พ่อแม่ควรตอบสนองด้วยความสงบและเข้าใจ โดยสามารถใช้เทคนิคการเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น เล่าถึงเรื่องสนุก ๆ ที่จะเกิดขึ้นในโรงเรียน และไม่ควรแสดงอารมณ์วิตกกังวลต่อหน้าลูก หรือปฏิบัติตามหลักจิตวิทยาเมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียนในเนื้อหาด้านบน

ลูกไม่ยอมตื่นไปโรงเรียน จะฝึกนิสัยยังไงดี

ลูกไม่ยอมตื่นไปโรงเรียนอาจเป็นเพราะนอนพักผ่อนไม่พอ พ่อแม่ควรสร้างตารางเวลาที่ชัดเจน เช่น การกำหนดเวลาเข้านอนที่เหมาะสม และทำกิจกรรมที่ช่วยให้ลูกผ่อนคลายก่อนนอน เช่น การอ่านนิทาน

ทำไมอยู่ดี ๆ ลูกไม่อยากไปโรงเรียน

การที่อยู่ดี ๆ ลูกไม่อยากไปโรงเรียนซึ่งเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมกะทันหัน อาจเกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ในโรงเรียน เช่น การถูกรังแก หรือความกังวลเรื่องการเรียน พ่อแม่ควรตรวจสอบสาเหตุโดยการพูดคุยกับลูกและคุณครู



บทความแนะนำสำหรับคุณแม่และลูกน้อย

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Shopee TH Lazada TH Join Enfamama