Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
วัยปฐมวัย (Early Childhood) เป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตทั้งด้านร่างกาย ปัญญา อารมณ์ และสังคม เอนฟาจะพาคุณแม่มาทำความรู้จักกับธรรมชาติและพัฒนาการของเด็กในวัยนี้กัน
เด็กปฐมวัยเป็นวัยที่ลูกน้อยมีการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อารมณ์และสังคม โดยตามธรรมชาติของเด็กวัยนี้ จะเป็นวัยที่มีความอยากรู้อยากเห็น เด็กแต่ละคนจะมีความก้าวหน้าทางการเรียนรู้ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจเกิดจากการเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม และปัจจัยอื่น ๆ นั่นเองค่ะ
หลายคนอาจคิดว่าเด็กปฐมวัย คือเด็กชั้นอนุบาล แต่จริง ๆ แล้วเด็กสองวัยนี้มีความแตกต่างกันอยู่นะคะ โดยมีความแตกต่าง ดังนี้
• เด็กปฐมวัย คือ เด็กในวัยตั้งแต่ 0 - 6 ปี นับตั้งแต่แรกเกิด เป็นช่วงอายุที่กว้างกว่าเด็กในชั้นอนุบาล
• เด็กอนุบาล คือ เด็กวัยก่อนวัยเรียน ช่วงอายุประมาณ 3 - 5 ปี
ความแตกต่างของเด็กปฐมวัยกับเด็กอนุบาลจึงเป็นเรื่องของช่วงอายุ แม้ว่าจะมีความคาบเกี่ยวกัน แต่หากสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เด็กปฐมวัยนับตั้งแต่แรกเกิด - 6 ปี แต่เด็กอนุบาลนับเพียงแค่ช่วงอายุ 3 - 5 ปี นั่นเอง
การเรียนในช่วงปฐมวัย เป็นส่วนสำคัญของพัฒนาการของลูกน้อย เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มีคุณครูที่ช่วยสอนและให้ความรู้ลูกในหลาย ๆ ด้าน โดยใช้แผนการสอนที่ออกแบบมาเพื่อเสริมพัฒนาการของลูก ซึ่งเอื้อให้เด็กสามารถเรียนรู้และต่อยอดทักษะของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย สมอง จิตใจ ทั้งยังช่วยฝึกเข้าสังคมได้ดี
โดยเด็กอนุบาลอาจยังไม่นับว่าเป็นเด็กวัยเรียน แม้ว่าจะเข้าสู่รั้วการศึกษาแล้วก็ตาม เนื่องจากยังเป็นวัยที่ยังไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ ชั้นอนุบาลจึงเป็นเหมือนการเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยในด้านต่าง ๆ ก่อนที่จะเริ่มต้นการเรียนอย่างจริงจัง จึงมักเรียกเด็กปฐมวัยในช่วงวัยนี้ว่าเด็กก่อนวัยเรียน (Preschool)
ลูกน้อยในวัยปฐมวัยที่อยู่ในวัยก่อนวัยเรียนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความต้องการและสนใจที่ต่างจากวัยอื่น ๆ มักมีความคิดริเริ่มที่แปลกใหม่ ชอบเลียนแบบผู้ใหญ่ แสดงความเห็นตามที่ตัวเองคิดโดยไม่ได้ไตร่ตรองก่อน
อีกทั้ง อาจมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ในแบบที่คุณแม่คาดไม่ถึง เรามาดูกันว่าพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ปฐมวัย ของลูกน้อยในช่วงนี้มีอะไรบ้าง
ในวัยนี้ลูกน้อยจะเติบโตอย่างรวดเร็ว กระดูกของกะโหลกศีรษะและใบหน้าจะโตขึ้นจนใบหน้าของลูกน้อยกลมน้อยลงและจะเห็นหน้าผาก จมูก และคางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันขากรรไกรบนและล่างเริ่มกว้างขึ้นเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับฟันแท้
ไหล่จะแคบลงและพุงกลม ๆ ของลูกน้อยจะแบนลง นอกจากนี้ ทักษะในการใช้มือและเท้าของลูกจะดีขึ้น สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างคล่องแคล่ว เช่น กลัดกระดุม รูดซิป กินอาหารได้ด้วยตัวเอง วิ่งเล่น เล่นฟุตบอล
เด็กปฐมวัยในช่วงก่อนวัยเรียนไม่ใช่นักคิดเชิงตรรกะ ซึ่งแปลว่าลูกน้อยอาจพูดเรื่องที่ไม่มีเหตุผลรองรับอยู่บ่อย ๆ เพราะลูกมักจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น เช่น เมื่อคุณแม่ถามว่าทำไมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า ลูกน้อยอาจตอบว่าเพราะเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ตื่นก็เป็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่น่ารักของเด็กในวัยนี้
โดยทั่วไปแล้ว เด็กในวัยนี้อยู่ในวัยที่อยากเป็นอิสระ และอยากรู้อยากเห็น มีความมั่นใจในตัวเอง และอยู่ในวัยที่มีความเห็นใจผู้อื่น บางครั้งไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และมีการแสดงอารมณ์อย่างเปิดเผย
สามารถเข้าใจและปฎิบัติตามกฎระเบียบของที่บ้านได้ พัฒนาการด้านอารมณ์ในเด็กปฐมวัยจะเป็นสิ่งที่ขัดเกลามุมมองของลูกน้อยที่มีต่อโลก การมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น และการตอบสนองของลูกเมื่อเจอสถานการณ์ยาก ๆ
สำหรับลูกน้อยแล้วช่วงวัยนี้เป็นเวลาแห่งเรียนรู้วิธีโต้ตอบกับผู้อื่น และสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ลูกเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากการดูและทำตาม ซึ่งการแสดงออกทางอารมณ์ ทัศนคติต่าง ๆ
วิธีการรับมือกับปัญหา ก็จะถูกลูกน้อยซึมซับและนำไปใช้เช่นกัน หากอยากให้ลูกน้อยมีความฉลาดทางอารมณ์ คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อให้ลูกน้อยนำไปเป็นตัวอย่างที่ดี
คุณแม่อาจสงสัยว่าพฤติกรรมแบบไหนของลูกน้อยที่บ่งบอกได้ว่าลูกมีพัฒนาการที่เป็นไปตามปกติ สำหรับเด็กก่อนวัยเรียนที่มีการพัฒนาของเด็กปฐมวัยที่ดีสมวัยในด้านต่าง ๆ อาจสังเกตได้ดังนี้
หากลูกน้อยมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่แตกต่างไปจากช่วงอายุที่กล่าวมา คุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะเด็กแต่ละคนจะมีจังหวะในการเติบโตและพัฒนาการที่เร็วหรือช้าแตกต่างกันไป อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยอีกด้วย
ทั้งนี้ หากลูกน้อยมีอาการต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณผิดปกติเกี่ยวกับพัฒนาการที่ล่าช้าเกินกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ที่คุณแม่ควรไปปรึกษาคุณหมอ
คุณพ่อคุณแม่สามารถมีส่วนช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีและเติบโตอย่างสมวัย ด้วยตัวเองที่บ้าน ได้ดังนี้
นอกจากการดูแลเอาใส่ใจเพื่อให้พัฒนาการของลูกน้อยเป็นไปตามปกติแล้ว การอบรมสั่งสอน การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมั่นคง การฝึกการควบคุมอารมณ์ รวมไปถึงการเสริมสร้างโภชนาการที่ดีให้กับลูกน้อย ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน
MFGM สุดยอดสารอาหารสมองจากนมแม่ สารอาหารชนิดเดียวที่ช่วยให้ลูกมี IQ ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 แรก ประกอบไปด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด เช่น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซต์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยสำคัญต่อการเสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองและการเรียนรู้
Enfa สรุปให้ เลี้ยงลูกให้ฉลาด คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจกับปัจจัยพื้นฐานได้แก่ โภชนาการที่ดี การนอนหล...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ กิจวัตรประจําวันไปโรงเรียน คือ ชุดของกิจกรรมที่เด็กๆ ทำเป็นประจำทุกวัน ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ เด็กวัย 3-6 ขวบหรือช่วงวัยอนุบาล เป็นวัยแห่งความซุกซน ช่างคิด ช่างสังเกต ชอบที่จะเร...
อ่านต่อ