ฝึกตัดกระดาษ กิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อยวัยอนุบาล

Enfa สรุปให้

• ฝึกตัดกระดาษ ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กและการทำงานร่วมกันระหว่างมือกับตา แต่ยังเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ฝึกสมาธิ ความอดทน และทักษะการแก้ปัญหาให้กับเด็กอนุบาลได้เป็นอย่างดี
• ฝึกตัดกระดาษอนุบาล ได้ตั้งแต่อนุบาล 1 หรือคุณแม่จะลองฝึกให้ลูกน้อยลองใช้กรรไกรก่อนหน้านั้นก็ได้ โดยทั่วไปเด็กจะตัดกระดาษได้คล่องตอนอายุประมาณ 6 ขวบ
• กรรไกรแบบฝึกตัดกระดาษอนุบาล ควรเป็นกรรไกรเล็ก ๆ ที่มีขนาดเหมาะกับมือเด็ก คุณแม่ควรอยู่ด้วยขณะลูกใช้กรรไกรตัดกระดาษ และควรเก็บให้พ้นมือเด็กทันทีที่ใช้งานเสร็จ

วันนี้เอนฟามาพร้อมกับวิธีฝึกตัดกระดาษให้คุณแม่ไปใช้ฝึกหนูน้อยวัยอนุบาลกันค่ะ เพราะการเริ่มใช้กรรไกรอาจเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กหลายคน ซึ่งต้องอาศัยการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของนิ้วมือในการบังคับกรรไกรให้กางเข้า-ออก

นอกจากนี้ ยังต้องฝึกขยับกระดาษอย่างระมัดระวังไปด้วยขณะใช้กรรไกรตัดกระดาษ ซึ่งหากไม่ระมัดระวังในการใช้กรรไกรอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ฝึกตัดกระดาษช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกอย่างไร

ฝึกตัดกระดาษอนุบาลเป็นการส่งเสริมการใช้งานกล้ามเนื้อมัดเล็กด้วยการใช้นิ้วมือถือกรรไกรไม่ให้หลุดมือและการขยับกรรไกรให้กางและหุบ อีกทั้งยังฝึกการทำงานร่วมกันของตาและมือ (Hand-Eye Coordination) อีกด้วย

โดยเด็กอนุบาลจะใช้ทักษะนี้ ในการบังคับกรรไกรและตัดกระดาษให้ตรงเส้นประหรือเส้นขอบ อีกทั้งการฝึกตัดกระดาษยังช่วยพัฒนาทักษะสหสัมพันธ์การใช้มือทั้งสองข้าง (Bilateral Coordination Skill) ซึ่งเป็นทักษะการใช้มือสองข้างพร้อม ๆ กัน โดยแต่ละมือทำหน้าที่ของตนเอง

ทักษะการใช้กรรไกรของลูกน้อยแต่ละวัย

โดยทั่วไปแล้ว เด็กอนุบาลจะเริ่มฝึกทักษะการใช้กรรไกรตั้งแต่อายุประมาณ 1.5 - 2 ปี และจะใช้กรรไกรตัดกระดาษได้อย่างคล่องแคล่วได้ในช่วงอายุประมาณ 6 ขวบ โดยอาจแบ่งทักษะการใช้กรรไกรของลูกน้อยแต่ละวัยได้ ดังนี้

     • อายุ 1.5 - 2 ปี ลูกเรียนรู้ที่จะถือกรรไกรโดยใช้มือทั้งสองข้าง แต่ยังไม่สามารถตัดกระดาษได้ เน้นการตัดวัสดุอื่น ๆ เช่น แป้งโดว์ ดินน้ำมัน เชือก

     • อายุ 2 - 3 ปี ลูกเรียนรู้ที่จะกางกรรไกรออกด้วยสองมือ แล้วตัดกระดาษได้ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ ในช่วงนี้ยังอาจระบุไม่ได้แน่ชัดว่าลูกถนัดมือข้างไหนมากกว่า

     • อายุ 3 - 4 ปี ลูกเริ่มตัดกระดาษตามขอบและรอยโค้งได้แล้ว และอาจใช้มืออีกข้างจับกระดาษเพื่อหมุนหรือเอียงองศาเพื่อให้ตัดได้ง่ายขึ้น

     • อายุ 4 - 5 ปี ทักษะการใช้กรรไกรตัดกระดาษของเด็กจะพัฒนาเต็มที่ตอนอายุได้ 6 ปี ในวัยนี้เด็กจะตัดกระดาษตามเส้นโค้งได้แล้ว ทั้งยังตัดกระดาษเป็นรูปร่างต่าง ๆ เช่น สี่เหลี่ยมจัตุรัส สามเหลี่ยม วงกลม และวงรีได้อีกด้วย

กรรไกรแบบฝึกตัดกระดาษอนุบาล

คุณแม่อาจเลือกกรรไกรตัดฝึกตัดกระดาษอนุบาล ที่เหมาะกับการใช้งานของลูกน้อย โดยเลือกกรรไกรสำหรับเด็กที่มีขนาดเล็ก พอดีกับนิ้วและมือของเด็ก ตามร้านขายอุปกรณ์สำหรับเด็กที่มีอยู่ตามท้องตลาด คุณแม่อาจเลือกกรรไกรที่มีลักษณะต่อไปนี้ ตามช่วงอายุที่เหมาะสมกับลูกน้อย

กรรไกรขนาดเล็กทำจากพลาสติกหรือเส้นใยแก้ว 

กรรไกรแบบนี้เหมาะสำหรับฝึกตัดวัตถุนิ่ม ๆ เหมาะกับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป มีปลอกหุ้มป้องกันปลายแหลมบาดมือ โดยเด็กที่อายุน้อยกว่าก็สามารถใช้ได้ แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของคุณแม่ด้วย

กรรไกรขนาดเล็กทำจากสแตนเลส

กรรไกรแบบนี้เหมาะสำหรับตัดกระดาษและงานอื่น ๆ เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป ลักษณะปลายมน มีปลอกหุ้มขึ้นไป ปลายมน ป้องกันการบาดมือ เพื่อให้เด็กสนุกกับการเรียนรู้อย่างปลอดภัย

แบบฝึกตัดกระดาษอนุบาล ควรมีลักษณะอย่างไร ซับซ้อนแค่ไหน

ในช่วงเริ่มต้นของการฝึกแบบฝึกตัดกระดาษอนุบาล คุณแม่ควรเลือกแบบฝึกตัดแบบพื้นฐานและไม่ซับซ้อนมากมาให้ลูกใช้ตัดก่อน โดยเลือกแบบฝึกตัดที่มีรูปทรงง่าย ๆ เช่น วงกลม สี่เหลี่ยม หรือเส้นตรง

เมื่อเด็กสามารถตัดได้คล่องแคล่วแล้ว จึงค่อย ๆ เพิ่มความยากมากขึ้น เช่น รูปสี่เหลี่ยมคางหมนู รูปดาว รูปตัวการ์ตูนต่าง ๆ รูปสัตว์ คุณแม่ยังสามารถใช้แบบฝึกตัดกระดาษอนุบาล หลายชิ้นที่นำมาประกอบและระบายสีได้ เพื่อส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้กับลูกน้อย และอาจถือโอกาสนี้สอนคำศัพท์ใหม่ ๆ ให้ลูกได้อีกด้วย

รูปฝึกตัดกระดาษ หาได้จากที่ไหนบ้าง

แบบฝึกตัดกระดาษสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายอุปกรณ์และของใช้เด็ก หรือปรินต์จากอินเทอร์เน็ตตามเพจเกี่ยวกับแม่และเด็กที่มีการแจกแบบฝึกหัดตัดกระดาษก็ได้เช่นกัน

นอกจากนี้คุณแม่ยังชวนลูกมาใช้กระดาษอเนกประสงค์หรือกระดาษทั่วไป มาวาดลวดลายและระบายสีตัวละครหรือการ์ตูนตามใจชอบ แล้วนำมาเป็นแบบสำหรับตัด ก็จะช่วยเสริมสร้างจินตนาการของลูกน้อยและฝึกทักษะใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กเพิ่มเติมได้เช่นกัน

เรื่องน่ารู้เมื่อคุณพ่อคุณแม่เล่นตัดกระดาษกับลูกน้อยวัยอนุบาล

เอนฟามีคำแนะนำเพิ่มเติมให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่ทำกิจกรรมตัดกระดาษอนุบาลร่วมกับลูกน้อยดังต่อไปนี้ค่ะ

1. สำหรับเด็กในวัยก่อนเข้าอนุบาล คุณแม่อาจสอนให้ลูกใช้กรรไกรพลาสติกไปใช้ตัดวัตถุอื่น ๆ อย่างดินน้ำมัน แป้งโดว์ ซึ่งเป็นของนิ่ม ๆ ไปก่อนที่จะขยับมาฝึกตัดกระดาษ เนื่องจากกล้ามเนื้อมัดเล็กยังไม่แข็งแรงมากพอที่จะควบคุมกรรไกรได้
2. ช่วงอายุที่เหมาะสมที่จะสอนให้ใช้กรรไกรตัดกระดาษอยู่ที่ประมาณ 3-4 ขวบ ซึ่งเด็กจะสามารถนั่งและรองรับน้ำหนักตัวเอง และใช้มือสองข้างกับกิจกรรมตัดกระดาษได้อย่างเต็มที่
3. ควรสอนลูกว่ากรรไกรเป็นอุปกรณ์ที่อาจทำให้บาดเจ็บได้ และควรห้ามไม่ให้หยิบกรรไกรมาเล่นเองโดยที่คุณแม่ไม่อยู่
4. ขณะตัดกระดาษ คุณแม่อาจสังเกตว่าลูกน้อยยกมือสองข้างขึ้นมาตัดกระดาษในลักษณะราบไปกับพื้นโต๊ะซึ่งจะทำให้ลูกตัดกระดาษได้ยากขึ้น ควรแนะนำให้ลูกเชิดปลายนิ้วชี้ของมือทั้งสองข้างขึ้นบนเพดาน
5. ขณะที่ดูลูกตัดกระดาษ คุณแม่ไม่ควรถือกระดาษให้ลูก แต่ให้ลูกใช้มือทั้งสองข้าง ข้างหนึ่งถือกรรไกร และอีกข้างให้ถือกระดาษด้วยตนเอง ส่วนคุณแม่อาจจับมือข้างที่กำลังจับกระดาษของลูกน้อย จะทำให้ลูกรู้ว่าตนเองต้องใช้มือทั้งสองข้างในการใช้กรรไกรตัดกระดาษ
6. คุณแม่ควรฝึกตัดกระดาษให้ลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ปล่อยให้ลูกทดลองด้วยตนเอง เพื่อให้ลูกเรียนรู้วิธีที่ถูกต้องซึ่งจะช่วยให้ลูกมั่นใจในการใช้กรรไกรมากขึ้นและใช้ได้คล่องในที่สุด
7. ดูให้แน่ใจว่าลูกกำลังตั้งสมาธิกับการตัดกระดาษ หากลูกดูไม่สนใจ อาจแปลว่าลูกยังไม่พร้อมสำหรับการฝึกตัดกระดาษ คุณแม่ควรเปลี่ยนวิธีฝึกเป็นการทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ง่ายกว่านี้ หรือกลับไปทำกิจกรรมที่ลูกคุ้นเคย เช่น ระบายสี เล่นแป้งโดว์ แกะและแปะสติกเกอร์
8. ควรให้ลูกใช้กรรไกรสำหรับเด็กที่มีขนาดเล็กและพอดีกับมือน้อย ๆ ของลูก
9. อย่าลืมที่จะเก็บกรรไกรของผู้ใหญ่ และของมีคมอื่น ๆ ให้ห่างมือเด็กด้วยนะคะ
10. คุณแม่ควรอยู่ดูและให้คำแนะนำด้วยตลอดเวลาที่ลูกใช้กรรไกร

เลือก Enfa สูตรที่ใช่ แบรนด์เดียวที่เสริม MFGM

การฝึกตัดกระดาษ เป็นกิจกรรมง่าย ๆ ใช้อุปกรณ์ไม่เยอะ ที่คุณแม่สามารถใช้เป็นกิจกรรมสำหรับใช้เวลาร่วมกับลูกน้อยได้ นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาทักษะทางกายและจิตใจ ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือและฝ่ามือ 

อีกทั้งยังฝึกสมาธิและการจดจ่อ ตลอดจนถึงเสริมสร้างจินตนาการของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี สำหรับคุณแม่ที่อยากให้ลูกมีพัฒนาการสมองดี ต้องเลือกเอนฟาโกรที่มี MFGM มีหลากหลายสูตรเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูก เพราะเด็กทุกคนต่างกัน