Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
วิตามินบํารุงสมองเด็กยี่ห้อไหนดี อาจเป็นคำถามที่คุณแม่สงสัยอยู่บ่อยครั้ง แต่การเลือกวิตามินบำรุงสมองให้ลูกน้อยควรเลือกตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกร ไม่ควรซื้อวิตามินมาใช้เองหรือซื้อจากแหล่งที่ไม่มาตรฐาน
วิตามินบำรุงสมอง คือ วิตามินที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของสมอง เช่น วิตามินบี วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค เป็นต้น โดยแหล่งของวิตามินบํารุงสมอง ความจํา และชะลอความเสื่อมของสมอง จะอยู่ในอาหารทั่วไปที่หาได้จากธรรมชาติ
การบำรุงสมองของลูกน้อยจึงสามารถทำได้ด้วยการเลือกโภชนาการที่มีประโยชน์และมีสารอาหารที่หลากหลายในแต่ละมื้อให้กับลูกน้อย เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเติบโตอย่างสมวัย
วิตามินที่ช่วยบำรุงสมอง ที่พบได้ในอาหารจากธรรมชาติได้ มีดังนี้
• วิตามินบี เป็นวิตามินที่ช่วยเสริมระบบประสาทและสมอง โดยเฉพาะวิตามินบี 1 บี 6 บี 12 ที่พบในอาหารหลายชนิด เช่น เนื้อสัตว์ ไข่แดง ผัก ปลา
• วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในสมอง พบได้ในผักและผลไม้อย่างฝรั่ง ส้ม สตรอว์เบอร์รี มะละกอ ผักคะน้า
• วิตามินดี เป็นวิตามินที่ดีต่อพัฒนาการของสมอง พบได้ในผักใบเขียวและผักชนิดอื่น รวมไปถึงเนื้อสัตว์ ชีส เนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง น้ำมันตับปลา ปลาที่มีไขมันสูงอย่างปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาช่อน ปลาสวาย รวมไปถึงนมและผลิตภัณฑ์จากนม
• วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการลำเลียงออกซิเจนเลี้ยงสมอง พบในน้ำมันจากพืชอย่างน้ำมันจมูกข้าวสาลี น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย และน้ำมันถั่วเหลือง ผลไม้อย่างกล้วย แอปเปิล
• วิตามินเค เป็นสารอาหารที่พบในผักใบเขียวเข้มอย่างปวยเล้ง ผักเคล ผักกาดหอม และยังรับได้จากการออกไปสัมผัสกับแสงแดดในช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ ๆ ประมาณ 20-30 นาที เพื่อให้ร่างกายสร้างวิตามินดีขึ้นมาตอบสนองกับแสงแดด
คุณแม่อาจสงสัยว่า อาหารเสริมบำรุงสมองเด็กช่วยในเรื่องบำรุงสมองและช่วยให้ลูกน้อยฉลาดขึ้นได้หรือไม่ โดยปกติแล้วลูกน้อยสามารถรับวิตามินและสารอาหารอย่างอื่นที่ร่างกายต้องการอย่างเพียงพออยู่แล้ว
หากคุณแม่จัดเตรียมให้ลูกน้อยกินอาหารที่ครบถ้วนได้สัดส่วน และอุดมไปด้วยสาหารอาหารหลัก 5 หมู่ ซึ่งได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ วิตามิน และไขมันในทุกมื้อ โดยอาหารที่ช่วยเสริมบำรุงสมองเด็ก สามารถแบ่งตามช่วงวัยได้ดังนี้
• วัย 0 - 6 เดือน ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการสมองผ่านนมแม่ซึ่งเป็นสุดยอดอาหารที่เหมาะสำหรับลูกวัยแรกเกิดจนถึง 1 ปีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้กินอะไรเพิ่ม โดยในการให้นมแต่ละครั้งลูกน้อยจะกินได้ทีละอย่างน้อย 2 ออนซ์ ครั้งละ 10 - 20 นาที
• วัย 6 - 12 เดือน เด็กวัยนี้สามารถกินอาหารตามวัยทารก (Solid Food) ได้แล้ว เช่น อาหารบดละเอียด ผักต้มเปื่อยอย่างแครอท บรอกโคลี มันฝรั่ง มันเทศ ผลไม้กินง่ายอย่างอะโวคาโด กล้วย โดยให้อาหารตามวัยเด็กทารกตามแต่ละช่วงวัยควบคู่ไปกับการให้นมแม่เหมือนเดิม
• วัย 1 - 3 ขวบ ในวัยนี้ อาจกินนมแม่ลดลงจากเดิม เนื่องจากสามารถกินอาหารตามวัยทารกหรืออาหารปกติได้แล้ว โดยหากคุณแม่สะดวกในการให้นมแม่ก็สามารถให้นมแม่ต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถเสริมด้วยนมเสริมสารอาหารสูงหลังมื้ออาหารที่มีประโยชน์และมีโภชนาการครบถ้วน
• วัย 4 - 5 ขวบขึ้นไป เป็นวัยที่กินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ควรให้ลูกน้อยดื่มน้ำให้เพียงพอ และสามารถให้นมเสริมในแต่ละมื้อเพื่อเสริมสร้างโภชนาการที่ครบถ้วน
เมื่อลูกน้อยได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนจากอาหารมื้อหลักและนมเสริมโภชนาการในแต่ละมื้อแล้ว การกินวิตามินบำรุงอาจเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นมากนัก
นอกจากนี้ หากคุณแม่สงสัยว่าลูกน้อยได้รับสารอาหารเพียงพอหรือไม่ สามารถสังเกตอาการเด็กขาดสารอาหารได้ ดังนี้
• ปัสสาวะสีคล้ำ
• ใช้เวลาในการนอนมากกว่าตื่น
• ไม่ยอมกินนมหรือผลักตัวออกขณะให้นม
• หงุดหงิดหลังกินนมเสร็จ
• ปัสสาวะน้อยลง
• น้ำหนักน้อยกว่าปกติ
• ไม่ยอมกินอาหารหรือเบื่ออาหาร
• เหนื่อยง่ายหรือไม่มีแรง
• เซื่องซึม ไม่ขยับตัว
• กระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิ
หากพบว่าลูกมีอาการดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณว่าลูกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต ในกรณีที่คุณแม่มีความกังวลหรือข้อสงสัย สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เช่นกัน
อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าน้ำนมแม่เป็นสารอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย การให้ลูกได้รับโภชนาการที่มีประโยชน์จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองของลูกน้อยให้สมบูรณ์ โดยในนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ ดังนี้
• MFGM: สุดยอดสารอาหารสมองจากนมแม่ สารอาหารชนิดเดียวที่ช่วยให้ลูกมี IQ ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ปีแรก ประกอบไปด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด เช่น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซต์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยสำคัญต่อการเสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองและการเรียนรู้
• DHA: ดีเอชเอ คือ กรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมองและจอประสาทตา ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและส่งข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน จึงเป็นสารอาหารบำรุงสมองที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาสมองของเด็ก
นอกจากนี้ ดีเอชเอยังเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญมากที่ลูกน้อยควรได้รับอย่างเพียงพอในช่วง 2 ปีแรกของชีวิต ที่สมองกำลังเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็วมากที่สุด
คุณแม่ที่สนใจหาวิตามินบํารุงสมองวัยเรียนให้กับลูกเพื่อเป็นวิตามินบํารุงสมองอ่านหนังสือ อาจเน้นให้ลูกรับวิตามินดีและวิตามินเค ที่ส่วนช่วยเสริมเรื่องความจำ ซึ่งพบได้ทั่วไปในอาหารตามธรรมชาติ เช่น ผักใบเขียว เนื้อสัตว์ เป็นต้น
ในกรณีที่ลูกมีปัญหาสุขภาพหรือมีภาวะขาดสารอาหาร คุณแม่ควรศึกษาส่วนผสมและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนซื้อวิตามิน และควรให้วิตามินเสริมกับเด็กในกรณีที่มีแพทย์แนะนำ ไม่ควรซื้อให้ลูกกินเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
สำหรับการเลือกยี่ห้อของวิตามินบำรุงสมองเด็ก ควรเลือกยี่ห้อที่มีการรับรองว่าปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา (อย.) คุณแม่ควรดูให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนประกอบของส่วนผสมที่ลูกน้อยอาจแพ้ ควรตรวจสอบวันผลิตและหมดอายุก่อนใช้งาน เลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และอยู่ภายใต้ความดูแลหรือคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกรเท่านั้น
คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะว่า เด็กจะมีพัฒนาการ IQ และ EQ ที่ก้าวล้ำตั้งแต่ยังเล็กได้นั้น นอกจากการฝึกฝน เลี้ยงดู และอบรมสั่งสอนแล้ว การใส่ใจกับโภชนาการตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตนั้น ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ลูกพร้อมเติบโตมาเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทางความคิดและฉลาดทางอารมณ์
โดยโภชนาการที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับก็คือนมแม่ เพราะในนมแม่มีสารอาหารอย่าง MFGM หรือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในนมแม่ ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด อย่างสฟิงโกไมอิลีน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซต์ ซึ่งเป็นกลุ่มสารอาหารที่มีส่วนช่วยสำคัญต่อการเสริมพัฒนาการรับรู้ เพื่อ IQ ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก
Enfa สรุปให้ อาการไข้ขึ้นตอนกลางคืน กลางวันปกติ พบได้บ่อยในเด็ก เพราะเป็นภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ เมื่อทารกคัดจมูก คุณแม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ยาทาระเหยบรรเทาอาการคัดจมูกสูตรสำหรับทารกโ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ฟลูออไรด์ เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ตามธรรมชาติทั้งจากดิน หิน น้ำโดยเฉพาะใน...
อ่านต่อ