Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
เด็กแต่ละคนมีความต้องการกินนมในปริมาณที่แตกต่างกันออกไป เมื่อคุณแม่ต้องให้นมลูก เราจะรู้และสังเกตได้อย่างไรว่าต้องให้ลูกเข้าเต้าบ่อยขนาดไหน หรือเมื่อไหร่ที่ลูกน้อยอิ่มแล้ว จะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการวัดสิ่งเหล่านี้ วันนี้เอนฟามีคำตอบมาไขข้อสงสัยคุณแม่กันค่ะ
เด็กทารกในแต่ละช่วงอายุมีความต้องการในการกินนมที่แตกต่างกันออกไป ความถี่ในการให้ลูกเข้าเต้าจึงยังขึ้นอยู่กับความหิว หรือความต้องการกินนมของลูกน้อยอีกด้วย ถึงแม้ว่าความต้องการกินนมของเด็กแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันออกไป แต่สามารถประมาณความถี่ให้ลูกเข้าเต้าได้ดังนี้
• เด็กแรกเกิด: คุณแม่อาจสงสัยว่า ทารก 1 สัปดาห์ กินกี่ออนซ์ สำหรับเด็กแรกเกิดส่วนใหญ่ จะต้องการเข้าเต้าทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง หรือ 8 – 12 ครั้ง ใน 24 ชั่วโมง ซึ่งการให้ลูกน้อยเข้าเต้าในวันแรกหลังคลอด ยังสามารถช่วยกระตุ้นเต้าให้ผลิตน้ำนมได้อีกด้วย
• สัปดาห์แรก – 5 เดือน: ในช่วงเวลานี้ กระเพาะของลูกน้อยจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ปริมาณน้ำนมที่ลูกน้อยต้องการก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยลูกน้อยจะต้องการเข้าเต้าทุก ๆ 3 – 4 ชั่วโมง ในบางรายอาจจะต้องการเข้าเต้าทุก ๆ ชั่วโมง ซึ่งความถี่ของการเข้าเต้า ยังมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวันตามความต้องการของลูกน้อย เช่น บางวันอาจจะเข้าเต้าบ่อย แต่ปริมาณที่กินในแต่ละครั้งอาจจะน้อย หรือเข้าเต้าไม่บ่อย แต่ปริมาณที่กินในแต่ละครั้งมาก เป็นต้น
• 6 – 12 เดือน: เมื่อเริ่มเข้าสู่เดือนที่ 6 ความต้องการและปริมาณในการกินนมของลูกน้อยก็จะเปลี่ยนไปจากเดิมไม่มากนัก และเป็นช่วงวัยที่เริ่มกินอาหารเสริมตามวัย (Solid Foods) ควบคู่กับการให้นมแม่ ซึ่งความถี่ในการเข้าเต้าจะเปลี่ยนเป็นทุก ๆ 4 – 5 ชั่วโมง
• 12 – 24 เดือน: เด็กในช่วงวัยนี้ จะเริ่มเข้าเต้าน้อยลงกว่าเดิม เนื่องจากสามารถรับประทานอาหารตามวัยได้แล้ว บางรายอาจจะต้องการเข้าเต้าในช่วงเช้าหรือก่อนเข้านอน และในบางรายอาจจะเปลี่ยนไปกินผลิตภัณฑ์นมอื่น ๆ เช่น นมวัว การให้นมแม่ หรือการเข้าเต้าจึงค่อย ๆ ลดลงไป
ปริมาณนมที่เด็กต้องการในแต่ละมื้อ จะปรับเปลี่ยนไปตามแต่ละช่วงอายุ ดังนี้
• เด็กแรกเกิด: เด็กแรกเกิดจะดื่มนมประมาณ 1 – 2 ออนซ์ ต่อการเข้าเต้าแต่ละครั้ง และจะเพิ่มปริมาณการดื่มนมเป็นครั้งละ 2 – 3 ออนซ์ เมื่ออายุ 2 สัปดาห์
• 2 เดือน: เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 2 เด็กทารกจะเพิ่มปริมาณการดื่มนมในแต่ละครั้งที่เข้าเต้าเป็น 4 – 5 ออนซ์
• 4 เดือน: เด็กทารกวัย 4 เดือน จะเพิ่มปริมาณการดื่มนมในแต่ละครั้งที่เข้าเต้าเป็น 4 – 6 ออนซ์
• 6 เดือน: ในวัยนี้จะต้องการดื่มนมในแต่ละครั้งที่เข้าเต้าเป็น 8 ออนซ์
สำหรับเด็กทารกอายุ 6 เดือนขึ้นไป ถึงแม้ว่าจะเริ่มการให้อาหารเสริมตามวัยเด็กทารก (Solid Foods) แล้ว ปริมาณการให้นมแม่ยังควรให้ปริมาณเดิม และตามความหิวของลูกน้อย
ถึงแม้คุณแม่จะให้ลูกเข้าเต้าแล้ว การปั๊มนมก็เป็นสิ่งที่คุณแม่ควรทำเช่นกัน เพราะการปั๊มนมควบคู่ไปกับการเข้าเต้า จะช่วยกระตุ้นเต้านมคุณแม่ให้ผลิตน้ำนมได้มากขึ้น และยังช่วยลดอาการคัดเต้านม รวมทั้งยังดีกับการเก็บสต็อกนมเพื่อใช้แทนในช่วงที่น้ำนมไม่พอ
เป็นเรื่องปกติที่พบได้ เมื่อลูกน้อยหลับคาเต้าทั้งที่ยังไม่ได้จับเรอ เราสามารถจับเรอในขณะที่ลูกน้อยยังหลับได้โดยไม่ต้องปลุก ด้วยวิธีเหล่านี้
• จับเรอระหว่างเปลี่ยนเต้า: หลายครั้งที่เด็กทารกมักจะเคลิ้มระหว่างการเข้าเต้า หากคุณแม่เห็นว่าลูกน้อยกำลังเคลิ้มแบบนี้ ระหว่างการให้นม ค่อย ๆ จับลูกน้อยในท่านั่ง ลูบหลังเพื่อไล่ลมออก ก่อนจะย้ายข้างไปให้นมอีกเต้า
• อุ้มพาดบ่า: การอุ้มพาดบ่าเป็นอีกวิธีที่ช่วยลูกน้อยที่หลับคาเต้าได้เรอ โดยคุณแม่ค่อย ๆ เปลี่ยนท่า จับตัวลูกน้อยพาดบ่า ใช้เวลาสัก 1 – 2 นาที ให้ลูกน้อยได้เรอออกมา
• อุ้มพาดอก: ท่านี้คล้ายกับท่าอุ้มพาดบ่า แต่เลื่อนระดับให้ศีรษะของลูกน้อยมาอยู่บริเวณอก ให้ร่างกายของลูกน้อยอยู่ในลักษณะตั้งตรง
• วางพาดแขน: หลังจากที่ให้นมแล้ว ค่อยจับลูกน้อยวางแขนในลักษณะคว่ำลง ยกแขนส่วนศีรษะลูกให้สูงขึ้นประมาณ 45 องศา เพื่อไม่ให้อาหารในกระเพาะไหลย้อนขึ้นไป ลูบหลังเบา ๆ จนกระทั่งเรอ
• วางพาดตัก: หากอยู่ในท่านั่ง ค่อย ๆ จับลูกคว่ำบนตัก ใช้มืออีกข้างยกส่วนอกให้สูงขึ้น มืออีกข้างลูบหลังเบา ๆ จนลูกเรอ
การจับลูกเรอเป็นสิ่งที่ควรทำ แม้ว่าลูกน้อยจะหลับคาเต้าก็ตาม เพื่อป้องการอาการไม่สบายท้อง รวมทั้งกรดไหลย้อน หากพบว่าลูกหลับคาเต้า ค่อย ๆ ลองทำตามวิธีข้างต้นประมาณ 1 – 2 นาที ก่อนจะพาเข้านอน
คุณแม่สามารถทราบได้ว่าลูกอิ่มหรือไม่ ได้จากท่าทางเหล่านี้
• จังหวะในการดูเต้าช้าลงจากปกติ ดูด หรือกลืนเป็นจังหวะยาว ๆ บางครั้งอาจจะหยุดดูด
• แก้มของลูกมีลักษณะกลม ไม่ได้มีลักษณะเป็นหลุม ซึ่งเป็นลักษณะในการดูด
• ปิดปาก และหันออกจากเต้า
• ลูกน้อยมีท่าทางผ่อนคลาย
• เต้านมคุณแม่มีลักษณะที่อ่อนยวบหลังจากให้นม
เมื่อลูกน้อยกินไม่อิ่ม คุณแม่จะสังเกตอาการที่แสดงออกมาเหล่านี้ได้
• หันศีรษะไปมา เหมือนกำลังมองหาเต้านม
• ดูดนิ้วมือ
• หันหน้าเข้าหาเต้า เมื่ออยู่ใกล้เต้าคุณแม่
• ร้องไห้ งอแง
ระยะเวลาที่น้ำนมแม่มีสารอาหารครบถ้วน และสมบูรณ์ที่สุดคือ น้ำนมระยะแรก หรือ น้ำนมเหลือง ที่จะไหลออกมาใน 1-3 วันแรกหลังคลอด ในน้ำนมเหลืองจะมีโปรตีนตัวหนึ่งชื่อว่า แลคโตเฟอร์ริน ที่ประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวจำนวนมาก ทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา จึงมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยแข็งแรง
การที่ลูกไม่เข้าเต้า อาจจะเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ เช่น
• ไม่ชอบกลิ่น หรือรสชาติบริเวณหัวนม ซึ่งอาจเกิดจากการใช้สบู่ หรือการทาครีมต่าง ๆ
• ปวดฟัน เนื่องจากฟันกำลังขึ้น
• เป็นเชื้อราบริเวณมุมปาก หรือติดเชื้อในหู ส่งผลให้เด็กเจ็บปวดจากอาการเหล่านี้เมื่อเวลาเข้าเต้า รวมถึงอาการป่วยอื่น ๆ ก็สามารถทำให้ลูกไม่เข้าเต้าได้เช่นกัน
• มีความเครียด หรือมีสิ่งเร้าให้ไขว้เขว
หากพบว่าลูกไม่เข้าเต้า คุณแม่ควรสังเกตสาเหตุข้างต้น เพื่อทำการแก้ไข หรือรักษาอาการที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับลูกน้อย อย่างไรก็ตาม การปั๊มนมทดแทนการไม่เข้าเต้าของลูกน้อย ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่อาจจะพบปัญหา เช่น นมที่ปั๊มออกมาอาจจะเน่าเสียได้ หากจัดเก็บไว้ไม่ดี หรืออาจจะต้องเสียค่าใช้ใจกับอุปกรณ์ดูแลและจัดเก็บน้ำนมที่ปั๊มมากกว่าการให้นมผ่านเต้า
ลูกดูดเต้าทุกชั่วโมง หรือที่รู้จักกันว่า “การติดเต้า” คือ รูปแบบการกินนมของเด็กทารก ที่จะกินนมหลายครั้งติดต่อกันในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น ทุก ๆ ชั่วโมง โดยการติดเต้าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับเด็กแรกเกิดในช่วงสัปดาห์แรก ๆ หลังคลอด โดยเด็กทารกที่ติดเต้าจะมีลักษณะดังนี้
• แสดงท่าทางหิว หรือร้องไห้ไม่หยุดจนกว่าจะได้กินนม
• ต้องการกินนมบ่อยครั้ง โดยในแต่ละครั้งจะใช้เวลากินไม่นาน
• ไม่อาการผิดปกติอื่น ๆ รวมทั้งสามารถขับได้ถ่ายได้ อุจจาระมีลักษณะปกติ
การติดเต้าของเด็กทารกแรกเกิด ยังช่วยป้องกันภาวะตัวเหลือง เพิ่มน้ำหนักตัวเด็ก รวมทั้งยังช่วยกระตุ้นเต้านมคุณแม่ให้ผลิตน้ำนมได้เป็นอย่างดี
คุณแม่สามารถให้นมเต้าเดียวได้ หากลูกน้อยแสดงสัญญาณว่าได้รับนมแม่อย่างเพียงพอ เช่น ขับถ่ายได้ปกติ ปัสสาวะอย่างน้อย 6 – 8 ครั้ง/วัน กินนมได้ดี ผายลมได้ ร่าเริง ก็แสดงว่าลูกอิ่ม ได้รับนมอย่างเพียงพอ
เด็กทารกแต่ละคนจะใช้ระยะเวลาในการกินนม และปริมาณนมที่กินแตกต่างกันไป นอกจากนี้ ระยะเวลาในการกิน รวมทั้งปริมาณยังขึ้นอยู่กับช่วงวัยของเด็กทารกอีกด้วย ในกรณีที่ลูกดูดเต้าแค่ 5 นาที สามารถเกิดขึ้นได้ในเด็กอายุ 3 – 4 เดือน ซึ่งใช้เวลาเฉลี่ยนในการเข้าเต้าประมาณ 5 – 10 นาที
ระยะเวลาในการเข้าเต้าของลูกอาจจะบอกได้ไม่แน่ชัดว่า ลูกจะได้รับนมเพียงพอไหม ควรสังเกตสิ่งอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ขับถ่ายได้ปกติ ปัสสาวะอย่างน้อย 6 ครั้ง/วัน กินนมได้ดี ผายลมได้ ร่าเริง ก็หมายความว่าลูกได้รับนมอย่างเพียงพอ
คุณแม่สามารถให้ลูกเข้าเต้าเฉพาะกลางคืนได้ หากกลางวันลูกน้อยได้รับนมแม่อย่างเพียงพอโดยการใช้ขวดนมแทนการเข้าเต้า
เด็กทารก 1 สัปดาห์ จะกินนมประมาณ 1 – 2 ออนซ์ ต่อการเข้าเต้าแต่ละครั้ง และจะเพิ่มปริมาณการดื่มนมเป็นครั้งละ 2 – 3 ออนซ์ เมื่ออายุ 2 สัปดาห์
เด็กทารก 1 เดือน จะกินนมประมาณ 2 – 3 ออนซ์ต่อการเข้าเต้าในแต่ละครั้ง
Enfa สรุปให้ ไวท์ดอทไม่ได้ท้อง ก็สามารถเกิดไวท์ดอทที่หัวนมได้ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากฮอร์โมนในร่างก...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ลูกซัดอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ไฟเบอร์ โปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินบี แมกนี...
อ่านต่อตรวจสอบข้อมูลโดย : ผศ.พญ.ดิษจี ลุมพิกานนท์กุมารแพทย์ สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิดภาควิชากุมารเวชศา...
อ่านต่อ