ตรวจสอบข้อมูลโดย : ผศ.พญ.ดิษจี ลุมพิกานนท์
กุมารแพทย์ สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล
ทารกไม่ถ่ายหรือถ่ายยาก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในเด็กเช่นเดียวกับในผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในเด็กที่กินนมผงมักพบปัญหานี้มากกว่าเด็กที่กินนมแม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายใจของลูก และสร้างความกังวลใจให้คนเป็นแม่เป็นอันดับต้นๆ เมื่อทารกไม่ถ่ายหรือถ่ายยากคุณแม่ก็อาจมีคำถามว่าลูกของตนกำลังมีปัญหาท้องผูกอยู่หรือไม่ เรามาหาคำตอบกันว่าอาการทารกไม่ถ่ายหรือถ่ายยากแบบไหนที่เรียกว่า “ท้องผูก”
ก่อนอื่นเรามารู้จักธรรมชาติการขับถ่ายของทารกกันสักนิด ในช่วงสัปดาห์แรก ทารกจะถ่ายบ่อย คือประมาณ 8-10 ครั้ง แตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคน โดยเด็กที่กินนมแม่จะถ่ายบ่อยกว่าเด็กที่กินนมผง และอุจจาระที่ถ่ายออกมาจะนิ่มหรือเหลว ขณะที่เด็กกินนมผงจะถ่ายน้อยครั้งกว่า ลักษณะของอุจจาระจะแข็งและเป็นรูปทรงมากกว่า เมื่ออายุมากขึ้นจำนวนการถ่ายก็จะลดลง เนื่องจากร่างกายมีการดูดซึมเพิ่มมากขึ้น หรืออาจเรียกได้ว่าร่างกายมีการกักเก็บกากสารอาหารที่มากขึ้นนั่นเอง เด็กบางคน 2-3 วันอาจจะถ่ายสักครั้งก็ได้ แต่จำนวนการถ่ายที่ลดลงก็ไม่ได้บอกว่าลูกท้องผูกหรือถ่ายยาก
จำนวนการขับถ่ายแต่ละวันของเด็กแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน บางคนถ่ายมากบางคนถ่ายน้อย หากสังเกตว่าลูกถ่ายยาก อุจจาระน้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณของท้องผูกได้
หากลักษณะอุจจาระที่ลูกถ่ายออกมาเป็นก้อนแข็ง แห้ง หรือถ่ายเป็นเม็ดแข็ง แม้ลูกจะถ่ายทุกวัน ลักษณะอุจจาระแบบนี้อาจเป็นสัญญาณว่าลูกท้องผูกได้ ในทางกลับกัน หาก 2-3 วัน ถ่ายหนึ่งครั้งแต่อุจจาระนิ่มไม่แข็งก็ไม่เรียกว่าท้องผูก
เด็กที่ท้องผูกอาจมีเลือดปนมากับอุจจาระได้ เนื่องจากผนังทวารหนักฉีกขาดจากการออกแรงเบ่งอุจจาระ เมื่อการเบ่งทำให้เจ็บ เด็กจึงไม่อยากเบ่ง นั่นทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการท้องผูกเรื้อรัง
พ่อแม่ควรสังเกตว่าขณะถ่ายลูกต้องออกแรงเบ่งอุจจาระมากกว่าปกติ ลูกถ่ายยาก หรือมีอาการเจ็บขณะถ่ายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การเบ่งถ่ายอาจพบได้ในทารกปกติที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน โดยทารกอาจมีการเบ่งถ่าย หรือบางครั้งมีร้องหรือหน้าแดงร่วมด้วย แต่อุจจาระมีลักษณะนิ่มหรือเหลว โดยมักมีอาการเริ่มต้นในเดือนแรกและหายได้เอง ลักษณะแบบนี้ไม่ใช่อาการท้องผูก
ลูกจะไม่ค่อยกินนมหรืออาหาร กินน้อย และมักรู้สึกอิ่มเร็ว เนื่องจากอึดอัดและไม่สบายท้องจากการไม่ได้ขับถ่ายของเสียเดิมออกมา
ลักษณะท้องของลูกจะตึง แน่น หรือแข็ง ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นร่วมกับการท้องผูก
คุณแม่ลองสังเกตลูกน้อยนะคะว่าเข้าข่ายข้อใดบ้าง แล้วปรึกษาแพทย์เมื่อสงสัยว่าลูกท้องผูกหรือไม่ สิ่งสำคัญที่คุณแม่ควรตระหนักคือ จำนวนของการอุจจาระในแต่ละวันไม่ได้บอกว่าลูกท้องผูก สิ่งสำคัญคุณแม่ต้องดูลักษณะของอุจจาระลูกว่าแข็งทำให้ลูกถ่ายลำบาก ต้องออกแรงเบ่ง และมีเลือดปนออกมาหรือไม่ เด็กบางคนถ่ายทุกวัน แต่หากลักษณะอุจจาระเข้าข่ายดังกล่าวถือว่าท้องผูกถ่ายยาก เด็กบางคน 2-3 วันอาจจะถ่ายสักครั้ง แต่ถ้าอุจจาระนิ่ม ถ่ายง่าย ถ่ายคล่องก็ไม่ถือว่าท้องผูก
เมื่อลูกไม่ถ่าย ถ่ายยาก หรือท้องผูก หากไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว จะนำไปสู่ปัญหาท้องผูกเรื้อรัง ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการด้านต่างๆ ของเขา เพราะเขาจะเกิดความรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว เช่น เด็กบางคนกินนมได้น้อย อิ่มเร็ว เพราะอึดอัดจากการไม่ได้ขับถ่ายของเสียเดิมออกมา ทำให้มีน้ำหนักน้อย ไม่โตตามวัย (พัฒนาการด้านร่างกาย) งอแง หงุดหงิดง่าย (พัฒนาการด้านอารมณ์) ไม่สนใจเรียนรู้สิ่งรอบตัว (พัฒนาการด้านสติปัญญาและการเรียนรู้) เป็นต้น
เมื่อพบว่าทารกไม่ถ่าย ถ่ายยาก หรือท้องผูก คุณแม่สามารถให้การดูแลเบื้องต้นได้เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาดังกล่าว
ทารกที่กินนมแม่จะมีปัญหาไม่ถ่าย ถ่ายยาก หรือท้องผูกน้อยกว่าทารกที่กินนมผง
หากมีความจำเป็นต้องกินนมผง ควรชงนมให้ได้สัดส่วนตามคำแนะนำข้างกล่องผลิตภัณฑ์นมชนิดนั้นๆ ไม่ชงนมเข้มหรือจางจนเกินไป
หากกินนมผงแล้วลูกไม่ถ่าย ถ่ายยาก หรือท้องผูก คุณแม่สามารถเลือกนมสูตรที่มีใยอาหารช่วยในการย่อย อย่างเช่น พีดีเอ็กซ์ (PDX) และ กอส (GOS) ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารคุณภาพ และมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก ซึ่งเป็นอาหารของจุลินทรีย์สุขภาพที่มีอยู่ในลำไส้ใหญ่ ด้วยโครงสร้างของพีดีเอ็กซ์ที่ซับซ้อนกว่าไฟเบอร์ชนิดอื่น จึงทำให้กระบวนการย่อยเป็นไปอย่างช้าๆ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการเจริญเติบโตและการทำงานของจุลินทรีย์สุขภาพ ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ได้อย่างทั่วถึง เป็นการรักษาสมดุลในลำไส้ ขณะที่กอส ก็จะช่วยกระตุ้นและเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เด็กระบบขับถ่ายที่ดี ไม่มีปัญหาท้องผูกแล้ว ยังเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับเด็กอีกด้วย
หากลูกอยู่ในวัยกินอาหารเสริมตามวัยแล้ว ควรให้ลูกกินน้ำให้มากขึ้น และเพิ่มเมนูอาหารที่เป็นผักให้มากขึ้น ให้ลูกกินผลไม้ช่วยย่อย เช่น ส้ม มะละกอสุก มะม่วงสุก ฯลฯ ระหว่างมื้อทุกวัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณแม่ควรเข้าใจก็คือเด็กไม่จำเป็นต้องถ่ายอุจจาระทุกวัน เพราะระบบขับถ่ายของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งสำคัญที่ควรสังเกตคือ แม้ไม่ได้ถ่ายทุกวัน แต่ถ้าลูกยังร่าเริง มีสุขภาพแข็งแรง น้ำหนักขึ้นดี ไม่แสดงอาการอึดอัดขณะที่ถ่าย รวมถึงลักษณะของอุจจาระยังนิ่ม ขับถ่ายสะดวก ก็แสดงว่าลูกไม่ได้ท้องผูก คุณแม่ยังไม่ต้องกังวล แต่หากพบว่าลูกมีอาการเข้าข่ายของอาการท้องผูกถ่ายยาก การแก้ไขปัญหาทารกไม่ถ่าย ถ่ายยาก หรือท้องผูกแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ลูกกลับมาขับถ่ายเป็นปกติได้ แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อช่วยวินิจฉัยและรักษาค่ะ
ตรวจสอบข้อมูลโดย : ผศ.พญ.ดิษจี ลุมพิกานนท์กุมารแพทย์ สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิดภาควิชากุมารเวชศา...
อ่านต่อตรวจสอบข้อมูลโดย : ผศ.พญ.ดิษจี ลุมพิกานนท์กุมารแพทย์ สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิดภาควิชากุมารเวชศา...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ การกินอาหารที่ไม่สะอาด การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สกปรก อาจทำให้เด็ก ๆ ได้รับเชื้อปรส...
อ่านต่อ