นมแคลเซียมสูง แหล่งอาหารเสริมสร้างกระดูกของลูกให้พัฒนาสมวัย

เลือกอ่านตามหัวข้อ

• นมแคลเซียมสูง คืออะไร
• นมที่มีแคลเซียมสูง ช่วยอะไรบ้าง
• นมที่มีแคลเซียม เหมาะกับใคร
• นมแคลเซียม และแหล่งแคลเซียมในอาหารธรรมชาติ 
  
• นมแม่ที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า

คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะว่าแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่พบมากที่สุดในร่างกายมนุษย์เลย โดยแคลเซียมส่วนใหญ่จะอยู่สะสมอยู่ในกระดูกทั่วร่างกาย การเสริมสร้างให้ลูกมีกระดูกและฟันที่แข็งแรงเริ่มต้นได้ที่การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอในแต่ละวัน ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการดูแลให้ลูกได้ดื่มนมแคลเซียมสูงและกินอาหารที่มีแคลเซียมและอุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนควบคู่ไปด้วยกัน

นมแคลเซียมสูง คืออะไร

นมแคลเซียมสูง คือนมที่มีส่วนประกอบของแคลเซียมในปริมาณสูง โดยในนมวัว 1 แก้วปริมาณ 250 มิลลิลิตร จะมีแคลเซียมประมาณ 300 มิลลิกรัม โดยทางกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้เด็กดื่มนมวันละ 2 แก้ว เนื่องจากเด็กๆ ต้องการแคลเซียมเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกนั่นเองค่ะ 

การดื่มนมยังช่วยให้เด็กๆ สูงตามวัยอีกด้วย หากลูกน้อยมีการแพ้นมวัวหรือแพ้น้ำตาลแลคโตส สามารถกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงชนิดอื่น ๆ ทดแทนได้เช่นกันค่ะ

นมที่มีแคลเซียมสูง ช่วยอะไรบ้าง

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญสำหรับลูกน้อยในวัยกำลังโต การให้ลูกน้อยดื่มนมที่มีแคลเซียมสูงจะช่วยเรื่องพัฒนาการของกระดูกและฟัน เสริมสร้างระบบประสาท ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ และส่งเสริมในระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ 

การกินนมที่มีแคลเซียมเยอะ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกอ่อนในเด็ก (Rickets) ที่เกิดจากการขาดวิตามินดีและแคลเซียม ทำให้แผ่นสร้างกระดูกพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์ จนเกิดเป็นความผิดปกติของโครงสร้างกระดูก 

โรคนี้มักเกิดในเด็กอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 2 ปี จึงควรให้ลูกได้กินนมที่มีแคลเซียม โดยคุณแม่สามารถให้ลูกน้อยกินนมเต็มมันเนยเพื่อเสริมแคลเซียมได้ตั้งแต่ 1 ขวบเป็นต้นไปนะคะ สำหรับเด็กที่อายุ 2-5 ขวบขึ้นไป ควรดื่มนมนมพร่องมันเนย ประมาณ 2 แก้ว หรือ 2 แก้วครึ่ง ต่อวัน

นมที่มีแคลเซียม เหมาะกับใคร

นมที่มีแคลเซียมเหมาะกับคนทุกช่วงวัย โดยคนแต่ละช่วงวัยมีความต้องการแคลเซียมที่แตกต่างกันดังนี้

คุณแม่ตั้งครรภ์

ต้องการแคลเซียมอย่างมากประมาณ 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน และควรกินอาหารที่มีแคลเซียม ดื่มนมที่มีแคลเซียมเป็นประจำ หรือรับยาเสริมแคลเซียมตามที่คุณหมอแนะนำ เพราะขณะตั้งครรภ์ลูกน้อยจะดึงแคลเซียมในร่างกายของคุณแม่ไปใช้ในการพัฒนาอวัยวะและส่วนต่างๆ เช่น หัวใจ กล้ามเนื้อ ระบบประสาท การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอยังช่วยลดความเสี่ยงของภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์และภาวะครรภ์เป็นพิษอีกด้วย

คุณแม่ให้นมบุตร

ต้องการแคลเซียมประมาณ 1,000-1,300 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับผู้หญิงให้นมบุตรอายุ 18 ปีขึ้นไปจะต้องการแคลเซียมประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน คุณแม่ควรกินอาหารที่มีแคลเซียม และดื่มนมแคลเซียมสูงเพื่อบำรุงน้ำนม ในกรณีคุณแม่ต้องการกินยาเสริมแคลเซียมให้ปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง

ทารกและเด็ก

เป็นวัยที่รับแคลเซียมจากนมแม่หรือนมผง เพื่อพัฒนาโครงสร้างของกระดูก และเสริมสร้างสุขภาพฟัน โดยเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 เดือนต้องการแคลเซียมประมาณ 200 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กตั้งแต่ 6-11 เดือนต้องการแคลเซียม 260 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนเด็กตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปสามารถดื่มนมได้วันละ 2 แก้ว เพื่อเสริมสร้างแคลเซียมให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

ผู้สูงอายุ

จะมีปริมาณที่ต่างไปตามอายุและช่วงวัย ปริมาณแคลเซียมที่ผู้สูงอายุควรได้รับ มีดังนี้ 

• ในผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไป 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เมื่ออายุ 80 ปีขึ้นไป 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน และ
• ในผู้หญิงอายุ 70 ปีขึ้นไป 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ไม่ควรเกิน 1,500 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุน

คนทั่วไป

จะต้องการแคลเซียมประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อให้กระดูกและฟันแข็งแรง และส่งเสริมการทำงานของร่างกายโดยรวมให้เป็นไปตามปกติ การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอยังช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนและเปราะเมื่ออายุมากขึ้นอีกด้วย

นมแคลเซียม และแหล่งแคลเซียมในอาหารธรรมชาติ

นอกจากการกินนมเสริมแคลเซียมแล้ว คุณแม่สามารถเลือกอาหารที่มีแคลเซียมสูงเพื่อเสริมสร้างแคลเซียมให้กับตัวเองและลูกน้อยได้เช่นกัน ซึ่งแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่พบได้ในอาหารหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นธัญพืชอย่างถั่ว งาดำ เมล็ดเซีย ผักใบเขียวอย่างบร็อกโคลี กะหล่ำปลี ผักกระเฉด ยอดแค คะน้า นมและผลิตภัณฑ์จากนม โยเกิร์ตไขมันต่ำ เต้าหู้ ปลาตัวเล็ก ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน เป็นต้น 

การกินอาหารที่หลากหลาย ยังช่วยให้ได้รับสารอาหารอื่นๆ พร้อมๆ ไปกับแคลเซียมด้วย ซึ่งช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยให้สมบูรณ์ตามวัย โดยควรเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้ครบทั้ง 5 หมู่ เลือกกินอาหารที่หลากหลายไม่จำเจ เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน 

นมแม่ที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า

น้ำนมแม่เป็นแหล่งแคลเซียมที่สำคัญที่ลูกน้อยจะได้รับ โดยควรให้น้ำนมแม่ตั้งแต่ลูกตลอดไปจนถึงอายุประมาณ 6 เดือน นอกจากนี้ในน้ำนมแม่ยังมีสารอาหารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “MFGM” หรือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในน้ำนม (Milk Fat Globule Membrane) ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด อย่างสปิงโกไมอิลีน ฟอสโฟไลปิด แกงกลิโอไซต์ เป็นต้น 

สารอาหารในนมแม่เหล่านี้ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ MFGM ในนมแม่ ยังมีงานวิจัยรองรับว่า* ช่วยให้มี IQ และ EF ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก

*สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีและศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย. นมแม่กับการพัฒนาทักษะสมองส่วน Executive Function. 2561