เพราะการท่องเที่ยวช่วยเปิดโลกกว้าง และปัจจุบันการเดินทางก็มีความสะดวกสบาย มีทางเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางที่ใช้เวลาน้อยอย่างทางเครื่องบินก็มีราคาถูกลง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงเป็นทางเลือกที่ดีหากคุณแม่จะพาลูกเที่ยวทางเครื่องบิน แต่การพาเด็กเล็กขึ้นเครื่องบินครั้งแรกอาจมีปัญหาบ้างหากไม่ได้เตรียมตัวหรือหาข้อมูลไว้บ้าง เรามาดูกันค่ะว่าการพาลูกเที่ยวทางเครื่องบินต้องเตรียมอะไรกันบ้าง
คุณแม่ควรตรวจสอบกฎของทางสายการบินว่าอนุญาตให้เด็กอายุเท่าไหร่ขึ้นเครื่องได้ โดยทั่วไป ทางสายการบินจะอนุญาตให้เด็กอายุ 14 วัน สามารถเดินทางได้ โดยเด็กอายุตั้งแต่ 14 วัน แต่ไม่ถึง 2 ปีนั้นสามารถนั่งบนตักพ่อแม่ได้ โดยทางสายการบินจะจัดการเรื่องเข็มขัดนิรภัยเสริมให้ สำหรับค่าตั๋วเครื่องบินขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบินว่าจะต้องจ่ายเพิ่มหรือไม่ บางสายการบินคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องจ่ายค่าตั๋วเพิ่มเล็กน้อย เพื่อให้ลูกนั่งบนเบาะพิเศษสำหรับเด็กที่ทางสายการบินจะจัดไว้ข้างๆ ที่นั่งคุณพ่อคุณแม่
สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 14 วัน แต่ไม่ถึง 7 ปีบริบูรณ์ คุณแม่ต้องเตรียมใบสูติบัตรฉบับจริง (เดินทางในประเทศ) หรือพาสปอร์ต (เดินทางต่างประเทศ) สำหรับการเช็คอิน
การพาลูกขึ้นเครื่องบินที่ต้องใช้เวลาเดินทางนานๆ ต้องห้ามให้ลูกหิวเด็ดขาด เพราะถ้าเด็กๆ หิวขึ้นมา เขาจะร้องงอแง คุณแม่จึงต้องเตรียมนมและอาหารให้เพียงพอและตรงตามเวลาที่ลูกเคยกิน ก็จะเป็นการช่วยทำให้ลูกของเราไม่งอแง สำหรับของเหลวที่เป็นอาหารหรือนมของเด็กสามารถถือติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับลูกเล็ก คุณแม่จะแบ่งนมผงเอาไว้และค่อยไปขอน้ำร้อนชงบนเครื่องบินก็ได้ ส่วนลูกวัยเตาะแตะที่กินนมกล่องได้แล้ว การจัดเตรียมนมยูเอชทีให้ลูกกิน พร้อมอาหารว่างง่ายๆ อย่างแซนด์วิช จะสะดวกสำหรับคุณแม่และลูกค่ะ
สำหรับลูกเล็ก คุณแม่อาจเตรียมของเล่นที่สามารถเอาเข้าปากได้ไปสัก 1-2 ชิ้น ส่วนลูกวัยเตาะแตะ คุณแม่ควรเตรียมของเล่นชิ้นโปรดไปสัก 2-3 ชิ้น โดยเลี่ยงของเล่นที่มีเสียงดัง เพราะอาจก่อความรําคาญให้ผู้อื่นได้, ของเล่นใหม่ 1-2 ชิ้น เพราะของเล่นเก่าลูกอาจจะเบื่อ จึงควรมีของเล่นใหม่ๆ มาดึงความสนใจลูก โดยอาจห่อเป็นของขวัญให้สวยงาม เมื่อลูกได้รับจะได้ตื่นเต้นและต้องใช้เวลาในการแกะเพิ่มขึ้น ทำให้คุณพ่อคุณแม่มีเวลาทำสิ่งต่างๆ ได้เพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งเตรียมกระดาษ สีเทียน สมุดวาดรูประบายสี สติ๊กเกอร์ เพื่อให้ลูกได้เพลิดเพลินขณะอยู่บนเครื่อง ไม่อย่างนั้นลูกอาจเบื่อและงอแงได้
คุณแม่ควรเลือกที่นั่งที่ออกง่ายและใกล้ห้องน้ำ เพราะหากมีเหตุฉุกเฉิน เช่น ลูกอาเจียนต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือเปลี่ยนแพมเพิร์ส จะได้ไม่เป็นการรบกวนผู้โดยสารท่านอื่น และสะดวกสำหรับตัวคุณแม่เองด้วย
นอกจากการเตรียมสิ่งของพร้อมแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ไว้ด้วย คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของลูก เพราะนั่นจะทำให้ไม่เครียดและเตรียมรับมือได้
เวลานั่งเครื่องบินสิ่งที่ต้องเจอคือ อาการหูอื้อจนปวดจี๊ด ซึ่งเกิดจากความกดอากาศ หรือความดันในชั้นบรรยากาศขณะเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้า หรือ Take off ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ยังมีอาการ เด็กๆ ก็ต้องเกิดอาการหูอื้อแน่นอน ซึ่งเมื่อเกิดอาการนี้ลูกจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาอาจร้องไห้งอแงได้
วิธีป้องกันก็คือ ใช้ที่อุดหูสำหรับว่ายน้ำดำน้ำ (จำหน่ายตามร้านขายอุปกรณ์กีฬา) หรือให้ลูกดื่มน้ำหรือนมระหว่างที่เครื่องบินกำลัง Take off ถ้าลูกกินอาหารไม่ลง ให้เขาดูดอมยิ้มหรือกินขนมขบเคี้ยว จะช่วยลดอาการหูอื้อและปวดหูได้
การอยู่ในที่นั่งแคบๆ เป็นเวลานาน อาจทำให้ลูกอึดอัด ยิ่งหากเดินทางระยะไกลอย่างการเดินทางไปต่างประเทศ คุณแม่จึงควรเบี่ยงเบนความสนใจของลูก ด้วยการเตรียมของเล่นหรือตุ๊กตาสุดรักของลูกไปด้วย รวมทั้งหนังสือนิทาน สมุดภาพระบายสี ดินสอสี แท็บเล็ตหรือโน้ตบุ้คไว้เปิดการ์ตูนเรื่องโปรดของลูก หรือจะชี้ชวนลูกนั่งดูวิว ดูหมู่เมฆหมอกพร้อมจินตนาการสร้างสรรค์ ก็ช่วยให้ลูกเกิดความคิดสร้างสรรค์ และเพลิดเพลินจนลืมเบื่อไปได้บ้าง
ด้วยการเตรียมการที่ดีของคุณแม่จะทำให้ปัญหาพาลูกเที่ยวด้วยเครื่องบินที่จะเกิดลดน้อยลงได้ และขอแนะนำให้คุณแม่ไปถึงสนามบินก่อนเวลาขึ้นเครื่องอย่างน้อยสัก 2 ชั่วโมง เพื่อจะได้รู้สึกสบายๆ ไม่เร่งรีบกันจนเสียบรรยากาศกันไปหมดค่ะ
เมื่อเดินทางพาลูกเที่ยว เพื่อความสะดวก นม UHT จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณแม่ โดยเลือกนม UHT ที่มีสารอาหารพัฒนาสมองอย่าง MFGM ซึ่งประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ ที่พบในนมแม่ เช่น โปรตีนต่างๆ และไขมันเชิงซ้อน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารที่มีประโยชน์ส่งผลดีต่อร่างกายและสมองเด็ก, ดีเอชเอ กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดสายโซ่ยาว ที่พบมากในเยื่อหุ้มสมองและจอประสาทตา
จากงานวิจัยทางคลินิกพบว่า เด็กที่ได้รับ MFGM ร่วมกับดีเอชเอ มีระดับคะแนนพัฒนาการทางสติปัญญาสูงกว่าเด็กที่ได้รับดีเอชเอเพียงอย่างเดียว นอกจากนั้นจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ เพื่อศึกษาการทำงานของ MFGM พบว่า เมื่อใช้สารอาหาร MFGM ทำงานร่วมกับดีเอชเอ ที่เวลา 21 วัน จะช่วยเพิ่มโอกาสการเชื่อมต่อเซลล์สมองมากกว่าการใช้ดีเอชเอ เพียงอย่างเดียว* เรียกว่าลูกได้ท่องเที่ยวเรียนรู้โลกกว้างแล้วยังได้รับสารอาหารพัฒนาสมองอย่างต่อเนื่องด้วยค่ะ
*Reference: NeuroProof report for Mead Johnson Nutrition Veereman-Wauters G, Staelens S, Rombaut R, et al. Milk fat globule membrane (INPULSE) enriched formula milk decreases febrile episodes and may improve behavioral regulation in young children. Nutrition. 2012;28:749-752.Enfa สรุปให้ แคปชันรักผัวกวน ๆ ถึงจะกวนจิต กวนใจ น่าหยิกแค่ไหน ก็ยังน่ารักเสมอ สามีที่น่ารักขนาด...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ วันเด็กวันที่เท่าไหร่? สำหรับวันเด็กประจำปี 2569 จะตรงกับวันเสาร์ที่ 10 มกราคม ซึ่ง...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ร้านตัดผมส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยให้บริการกับเด็ก เพราะเด็กมักจะอยู่ไม่นิ่ง ...
อ่านต่อ