Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
การเป็นพ่อแม่ของใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวนั้นยากยิ่งกว่า นอกจากความเหนื่อยล้าและความเครียดในการเลี้ยงลูกคนเดียวแล้ว แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือซิงเกิ้ลมัมยังต้องรับมือกับภาระการงานและการเงิน หัวใจของลูกที่แม่ต้องคอยโอบอุ้ม ความโดดเดี่ยว การเปรียบเทียบ และปัญหาอีกนานัปการที่บางครั้งก็ยิ่งเหนื่อยยากเป็นเท่าทวีเมื่อแม่คนหนึ่งต้องเดินบนเส้นทางนี้เพียงลำพัง
ซิงเกิ้ลมัม (Single Mom) หรือแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยทั่วไปหมายถึงคุณแม่ที่เลี้ยงลูกคนเดียวโดยไม่มีคู่สมรส หรือคู่ที่อยู่กินด้วยกันคอยช่วยเหลือและสนับสนุนการเลี้ยงดูลูก สาเหตุของการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอาจเกิดจากการแยกทาง หย่าร้าง ถูกทอดทิ้ง คู่สมรสหรือคนรักเสียชีวิต ความรุนแรงในครอบครัว ไปจนถึงการถูกข่มขืน
การเป็นซิงเกิ้ลมัมไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคม หากมองย้อนกลับไปในโลกยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมซึ่งมีทั้งสงคราม โรคระบาด การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ รวมถึงการแพทย์ที่ล้าหลัง ทำให้อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ต่ำกว่าปัจจุบันหลายสิบปี อีกทั้งอัตราการตายของแม่ในระหว่างคลอดลูกหรือหลังจากคลอดก็สูงกว่าปัจจุบันมาก การที่เด็กคนหนึ่งมีพ่อแม่อยู่ครบถ้วนจนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่นั้นถือว่าต้องมีอภิสิทธิ์และความโชคดีอย่างมาก
ในวันที่โลกพัฒนามาไกล การเข้าสู่บทบาทแม่เลี้ยงเดี่ยวมักเป็นทางเลือกของแม่ มากกว่าการถูกบีบบังคับจากโชคชะตาหรือสภาพแวดล้อม คุณแม่บางคนตัดสินใจเดินออกจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ บางคนเลือกที่จะหย่าร้าง ซึ่งกลุ่มหลังนี้มีสัดส่วน 1 ใน 3 ของคู่สมรสในประเทศไทยเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกคนเดียวจึงถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติมาก เพราะสเต็ปหลังการหย่าร้าง ก็คือการที่คนใดคนหนึ่งในระหว่างพ่อแม่ที่อาจต้องรับบทบาทหลักในการเลี้ยงดูลูก
ซิงเกิ้ลมัมมักเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพบกับเรื่องท้าทายสุขภาพจิต ปัญหาของแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของแม่อาจเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการยุติความสัมพันธ์กับคู่ของตัวเอง โดยเฉพาะกรณีที่จบความสัมพันธ์ไม่ดี มีการทะเลาะเบาะแว้ง และไม่สามารถสะสางปัญหาให้จบลงอย่างไม่ยืดเยื้อได้ ก็จะยิ่งทำให้เกิดความเครียด อารมณ์ไม่มั่นคง และใช้เวลาปรับตัวกับการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวนานขึ้น
ความตึงเครียดจะยิ่งพุ่งสูงขึ้นอีก หากคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวต้องแบกรับภาระการเลี้ยงดูลูกและภาระทางการเงินด้วยตัวคนเดียวโดยไม่มีคนช่วยเหลือ
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงประเด็นปัญหาสุขภาพจิตพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวว่า “ปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดขึ้นกับพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว ส่วนใหญ่ที่เห็นได้ชัดเจน คือ ความรู้สึกหวาดกลัว ขาดความเชื่อมั่นกับอนาคตที่จะก้าวเดินต่อไป เช่น เงินที่ต้องนำมาเลี้ยงดูบุตร การบริหารจัดการเวลาในการดูแลบุตร ทำให้พ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว เกิดความเครียด ซึมเศร้า เกิดสารพัดรูปแบบอารมณ์ด้านลบ”
พ่อของลูกควรมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูลูกด้วยเช่นกันแม้จะยุติความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาแล้ว หากขอความช่วยเหลือจากพ่อของลูกไม่ได้ ก็ถึงเวลาแล้วค่ะที่ต้องออกปากขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท อาจจะบอกกล่าวให้พวกเขาเหล่านี้ทราบล่วงหน้าว่าเราหวังพึ่งพาเขาเมื่อถึงคราวจำเป็น เช่น คุณแม่เจ็บแผลผ่าคลอด ไม่สามารถจัดการเรื่องบางอย่างด้วยตัวเองได้ หรือคุณแม่มีธุระในที่ทำงาน จำเป็นต้องมีคนช่วยไปรับลูกที่โรงเรียน หรือลูกร้องไห้ไม่หยุดจนแม่เครียด อยากขอเวลานอก เป็นต้น
ลองมองในอีกมุมหนึ่งว่า ลูกไม่ได้มีเราแค่คนเดียวในจักรวาลชีวิตของเค้า นอกจากจะเป็นลูกของเราแล้ว เค้ายังเป็นหลานรักของตายาย เป็นหลานของป้าหรือน้า เป็นลูกเพื่อนที่เพื่อนของเรารักและเอ็นดู เช่นเดียวกันกับที่เราเคยได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่ ปู่ย่าตายาย และญาติๆ ในครอบครัวเมื่อครั้งยังเป็นเด็กค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือไม่ การเลี้ยงลูกจะยากขึ้นอีกหลายเท่าหากคุณแม่จัดการเรื่องการเงินได้ไม่ลงตัวค่ะ การเอาให้อยู่ไม่ได้แปลว่าคุณแม่ต้องรวยจนใช้เงินแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยควรมีการวางแผนการเงินส่วนตัวโดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกทั้งในปัจจุบันและอนาคต และออมเงินไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน
คุณแม่สามารถเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการใช้สิทธิ์ที่ตัวเองมีให้ครบ เช่น เบิกค่าฝากครรภ์ประกันสังคม เบิกเงินสงเคราะห์บุตรตามสิทธิประกันสังคม ลงทะเบียนรับเงินอุดหนุนบุตร หรือใช้สิทธิค่าลดหย่อนบุตรเพื่อลดภาระทางภาษี ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นนโยบายภาครัฐที่มีไว้ลดภาระของพ่อแม่ค่ะ
อย่ากดดันตัวเองหรือคาดหวังว่าเราจะต้องทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบเลยค่ะ ถ้าเศร้าก็หาเวลาให้ตัวเองได้ร้องไห้ ถ้าเหงาก็โทรคุยกับเพื่อน หรือวันไหนเหนื่อยๆ อาจจะลองเอาลูกไปฝา่กไว้กับคุณตาคุณยายสัก 1 วันให้แม่ได้ออกจาก “โหมดแม่” และกลับสู่ “โหมดผู้หญิงคนหนึ่ง”บ้าง
หนึ่งในข้อดีของการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวคือ ลูกเล็กของคุณแม่ไม่สนใจหรอกค่ะว่าแม่ผมยุ่ง หน้ามัน ยังไม่ได้อาบน้ำ หรือยังไม่ได้ล้างจาน คุณแม่ไม่จำเป็นต้องสวย ต้องเก่ง ต้องขยันตลอดเวลา สิ่งที่ลูกต้องการคือแม่ที่มีอารมณ์มั่นคง ซึ่งจะช่วยให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แน่นอนว่าการมีวินัยในตัวเองและการจัดการงานบ้านให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอเป็นเรื่องดีนะคะ แต่ไม่สำคัญไปกว่าการพักผ่อนให้เพียงพอ และสุขภาพกายใจของคุณแม่และลูกค่ะ
ไม่ว่าชีวิตคู่จะจบอย่างไรและต่างฝ่ายเลือกเส้นทางชีวิตแบบไหน พ่อและแม่ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการประคับประคองลูกให้ผ่านพ้นวัยเด็กไปสู่วัยที่สามารถดูแลตนเองได้ หากพิจารณาโดยไม่ใช้อคติแล้วพบว่า ชีวิตลูกจะดีกว่าเมื่อมีคุณพ่อช่วยเลี้ยงดู คุณแม่ก็ต้องพยายามเปิดใจมองข้ามความบาดหมางในอดีต ควบคุมอารมณ์ของตัวเอง สร้างกฎกติการ่วมกันเพื่อให้ลูกรู้สึกปลอดภัยหากต้องไปๆ มาๆ ระหว่าง 2 บ้าน
คุณแม่ทุกคนล้วนคาดหวังให้ลูกน้อยแข็งแรงร่าเริง เติบโตเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดและพาตนเองไปสู่เส้นทางของความสำเร็จได้ แต่รู้ไหมคะว่า 1,000 วันแรกของลูกน้อยสำคัญอย่างมากต่ออนาคตของเค้า เพราะเป็นช่วงเวลาที่สมองของลูกเติบโตถึง 80% และ 1,000 วันแรกนี้ก็เริ่มตั้งแต่วันที่คุณแม่ตั้งครรภ์ชีวิตน้อยๆ ไปจนถึงวัย 2 ขวบของเค้านั่นเอง
สมองของลูกเริ่มพัฒนาตั้งแต่ในระหว่างตั้งครรภ์ โภชนาการที่คณแม่ได้รับจะถูกส่งต่อไปยังตัวเล็กที่อยู่ในครรภ์ ซึ่งในระหว่างนี้ คุณแม่และทารกน้อยต้องการสารอาหารหลากหลายชนิดที่ช่วยให้สุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยสมบูรณ์ที่สุดตลอดการตั้งครรภ์ไปจนถึงหลังคลอด ไม่ว่าจะเป็น
และยังรวมถึงสารอาหารอื่นๆ อีกมากมายที่คุณแม่อาจจะไม่ได้รับประทานอย่างครบถ้วนจากมื้ออาหารปกติ การรับประทานนมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์จึงเป็นทางเลือกที่ดีอย่างยิ่งในการเสริมสารอาหารให้กับคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ และอย่าลืมเลือกนมที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ด้วยนะคะ
Enfa สรุปให้ ตั้งชื่อลูกสาวเกิดวันอาทิตย์ ควรคำนึงถึงอักขระมงคล ความหมายที่ดี เสียงที่ไพเราะ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ เพราะเด็ก ๆ เกิดมาแล้วเป็นทารกได้แค่ครั้งเดียว การถ่ายรูปเด็กแรกเกิดเก็บไว้เป็นความ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ท้องฟ้าจำลอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้เรื่องราวที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ...
อ่านต่อ