Enfa สรุปให้
การฝากครรภ์สามารถทำได้ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และคลินิก ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการเดินทางและงบประมาณในการจ่ายเป็นสำคัญ
การฝากครรภ์ควรเลือกสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด เดินทางสะดวก เพราะคุณแม่จะต้องเดินทางไปพบแพทย์ทุก ๆ เดือน ดังนั้น เลือกคลินิกที่เดินทางไปมาได้ง่ายจะดีที่สุด
หากเป็นไปได้ ควรเลือกฝากครรภ์กับคลินิกที่มีสูตินารีแพทย์ เพื่อให้ได้รับการดูแลและคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการตั้งครรภ์โดยตรง
เลือกอ่านตามหัวข้อ
แม่ท้องทุกคนควรจะต้องไปฝากครรภ์ทันทีที่รู้ตัวว่าตั้งท้อง เพื่อให้แพทย์สามารถติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้ตลอดการตั้งครรภ์
รวมถึงช่วยประเมินความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ในแต่ละไตรมาส และการลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ที่อาจผิดปกติ เพื่อให้การตั้งครรภ์นั้นปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก
แต่เวลาฝากครรภ์นี่ ควรไปฝากครรภ์ที่ไหนถึงจะดีที่สุด ฝากท้องคลินิกได้ไหม หรือฝากท้องที่โรงพยาบาลดีกว่า?
จริง ๆ แล้วความแตกต่างของการฝากครรภ์ที่คลินิกกับโรงพยาบาลนั้น ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันมากนักในแง่ของการดูแลการตั้งครรภ์ค่ะ เพราะแพทย์ก็จะมีการเช็กประวัติคุณแม่ ติดตามการเจริญเติบโตของทารก ช่วยดูแล ประเมิน และป้องกันความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติเหมือนกันทุกที่
แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้างในบางกรณี ดังนี้
การฝากครรภ์กับโรงพยาบาลนั้นมักจะไม่สามารถเลือกแพทย์ได้ ขึ้นอยู่กับว่าแพทย์ที่อยู่เวรในวันนั้นเป็นใคร แต่การฝากครรภ์กับคลินิกจะสามารถเลือกแพทย์ได้เลยว่าต้องการจะฝากครรภ์กับแพทย์คนไหน
ระยะเวลาและกระบวนการในโรงพยาบาลอาจจะใช้เวลานาน เนื่องจากโรงพยาบาลมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่คลินิกจะมีขั้นตอนและกระบวนการต่าง ๆ ที่น้อยลง และไม่ต้องเสียเวลารอนาน
การฝากครรภ์กับโรงพยาบาลนั้นจะไม่สามารถได้อัลตราซาวนด์ท้องทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์เป็นสำคัญ แต่ถ้าฝากครรภ์กับคลินิก มักจะได้รับการอัลตราซาวนด์ทุกครั้ง
การฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล กระบวนการตรวจเลือดสามารถที่จะทำได้เลย แต่ถ้าเป็นการฝากครรภ์ที่คลินิก บางคลินิกอาจจะต้องให้คุณแม่มาตรวจเลือดที่โรงพยาบาลแล้วนำผลเลือดกลับไปที่คลินิกอีกครั้ง ทำให้เสียเวลาได้ค่ะ
ฝากครรภ์กับคลินิก สามารถใช้เวลาในการพูดคุยและปรึกษาได้นานกว่าที่โรงพยาบาล เพราะจำนวนผู้มาเข้าใช้บริการที่คลินิกนั้นจะไม่ได้มีจำนวนมากเท่ากับโรงพยาบาล แพทย์จึงสามารถพูดคุยและให้คำแนะนำได้นานกว่า
ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ที่คลินิกจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่การฝากครรภ์กับโรงพยาบาลมักจะได้รับสิทธิ์ประกันสังคม หรือบัตรทอง ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า หรือฟรี
เอกสารโดยทั่วไปที่มักใช้ในการฝากครรภ์ แต่อาจจะแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล มีดังนี้
บัตรประจำตัวประชาชนของคุณแม่และคุณพ่อ
ประวัติการรักษา การใช้ยา โรคประจำตัว การผ่าตัด
ประวัติการตั้งครรภ์ เคยแท้งมาก่อนไหม ตั้งครรภ์มาแล้วกี่ครั้ง
ข้อมูลการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย เพื่อนำมาใช้ในการคำนวณอายุครรภ์
สถานที่คลอด กับ สถานที่ฝากครรภ์ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นที่เดียวกันค่ะ ฝากครรภ์กับคลินิก ก็สามารถไปคลอดที่โรงพยาบาลรัฐ หรือจะไปคลอดที่โรงพยาบาลเอกชนก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับความสะดวกและทุนทรัพย์ของแต่ละครอบครัวค่ะ
โดยถ้าฝากครรภ์กับคลินิก ส่วนมากจะสามารถเลือกฝากครรภ์แบบพิเศษได้ และเลือกที่จะคลอดกับแพทย์ที่ฝากครรภ์ ในโรงพยาบาลที่แพทย์ทำงานอยู่ประจำได้ด้วย
แต่ถ้าไม่ได้ต้องการจะทำคลอดกับแพทย์ที่ฝากครรภ์ และอยากไปคลอดที่โรงพยาบาลในสังกัดรัฐบาล แพทย์อาจสามารถช่วยแนะนำให้คุณแม่ไปทำประวัติไว้ก่อนได้เหมือนกันค่ะ
เพื่อลดขั้นตอนต่าง ๆ คุณแม่อาจจะต้องมีการไปทำประวัติกับโรงพยาบาลที่ต้องการจะคลอดลูกเอาไว้ก่อนล่วงหน้า เพื่อจะได้ไม่เสียเวลามากนักเมื่อมาโรงพยาบาลตอนใกล้คลอด
หรือเพื่อลดขั้นตอนต่าง ๆ ลงไปอีก คุณแม่สามารถเลือกทำคลอดกับแพทย์คลินิกที่ฝากครรภ์ไว้ โดยแพทย์ก็จะช่วยแนะนำและติดต่อทำประวัติเอาไว้ให้
เมื่อถึงเวลาคลอด ก็นำของเตรียมคลอด สมุดฝากครรภ์ ใบนัดแพทย์ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และอย่าลืมชื่อสำหรับแจ้งเกิดลูกด้วยนะคะ จากนั้นก็ไปโรงพยาบาลเพื่อรอเข้าสู่กระบวนการทำคลอดได้เลย
ฝากท้องที่โรงพยาบาลมักจะเป็นการฝากครรภ์ฟรีตามสวัสดิการต่าง ๆ ที่คุณแม่ได้รับ แล้วถ้าจะฝากท้องคลินิกเสียเงินเท่าไหร่?
ก็ต้องบอกว่าตัวเลขค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์กับคลินิกนั้นค่อนข้างมีราคาสูงค่ะ และราคาของแต่ละคลินิกก็จะแตกต่างกันไป โดยอาจเริ่มต้นตั้งแต่ 3,000 – 5,000 บาทขึ้นไป
ซึ่งคุณแม่สามารถติดต่อสอบถามกับคลินิกที่สนใจได้เลย เพื่อให้ทราบราคาปัจจุบันของแต่ละคลินิก
ฝากครรภ์กับคลินิกก็สามารถใช้สิทธิ์ประกันสังคมได้ค่ะ ถ้าหากว่าคลินิกนั้นรับสิทธิ์จากประกันสังคม
คุณแม่ควรเช็กกับทางคลินิกที่สนใจก่อนว่าสามารถใช้สิทธิ์ประกันสังคมได้หรือไม่ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาทั้งสองฝ่าย และไม่เป็นการเสียเงินโดยไม่จำเป็นนะคะ
วิธีการเลือกคลินิกฝากครรภ์ คุณแม่ควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
เลือกคลินิกที่อยู่ใกล้ที่สุด อย่าลืมว่าคุณแม่จะต้องเดินทางไปพบแพทย์บ่อย ๆ ดังนั้น เลือกที่ใกล้ที่สุด เดินทางง่ายที่สุดจะดีมากค่ะ เพราะถ้าเลือกไกลเกินไป ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้นแล้วต้องมาเดินทางไกลฝ่ารถติดทุก ๆ เดือน อาจทำให้คุณแม่เหนื่อยล้าโดยใช่เหตุ
เลือกคลินิกที่มีแพทย์สุตินารีประจำอยู่ เพราะจะได้รับข้อมูลจำเป็นในเชิงลึกโดยตรงจากแพทย์ที่มีความชำนาญในเรื่องสูตินารีเวช
เลือกคลินิกจากแพทย์ที่สนใจ หากคุณแม่มีแพทย์ที่สนใจ หรือมีความเชื่อมั่นในแพทย์คนใดเป็นพิเศษ สามารถเลือกไปฝากครรภ์ที่คลินิกของแพทย์คนนั้นได้เลยค่ะ
เลือกคลินิกตามงบการเงินที่สามารถจ่ายได้ แต่ละครอบครัวมีสถานะทางการเงินแตกต่างกัน ดังนั้น เลือกตามที่เราจ่ายไหว และไม่เดือดร้อนตนเองค่ะ
แม่ตั้งครรภ์จำเป็นจะต้องใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ ในทุก ๆ วันควรจะต้องกินอาหารให้หลากหลาย มีทั้งเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ธัญพืชต่าง ๆ นม และผลิตภัณฑ์จากนม เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็นและครบทั้ง 5 หมู่
การกินอาหารที่มีประโยชน์ นอกจากจะช่วยให้คุณแม่สุขภาพดีแล้ว ก็ยังช่วยให้ทารกในครรภ์แข็งแรง เสริมการพัฒนาอวัยวะของทารก และยังช่วยป้องกันความเสี่ยงของภาวะความพิการแต่กำเนิดของทารกอีกด้วย
นอกจากนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์ยังสามารถเสริมโภชนาการด้วยการดื่มนม หรือนมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยควรเลือกนมสำหรับคนท้องที่มีสารอาหารจำเป็นต่อการตั้งครรภ์ เช่น โคลีน ดีเอชเอ แคลเซียม ธาตุเหล็ก ก็จะช่วยให้คุณแม่สุขภาพแข็งแรง และทารกในครรภ์ก็ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอด้วย
คุณแม่ที่ฝากครรภ์กับคลินิก สามารถคลอดที่ไหนก็ได้ค่ะ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐบาล และโรงพยาบาลเอกชน
ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ที่คลินิกนั้นมีราคาที่แตกต่างกันไปค่ะ โดยอาจมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3,000-5,000 บาทขึ้นไป
แนะนำให้คุณแม่ติดต่อสอบถามกับคลินิกที่สนใจได้เลยว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ อยู่ในงบประมาณที่จ่ายได้หรือไม่
ไม่จำเป็นค่ะ คุณแม่สามารถฝากครรภ์กับคลินิกแล้วไปคลอดที่โรงพยาบาลรัฐบาลหรือเอกชนก็ได้ หรือจะฝากครรภ์โรงพยาบาลของรัฐบาล แล้วไปคลอดที่โรงพยาบาลเอกชนก็ได้เช่นกันค่ะ ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการเดินทางและงบประมาณค่าใช้จ่ายที่สามารถจ่ายได้
Enfa สรุปให้ การตรวจเลือดตั้งครรภ์ เป็นวิธีการตรวจการตั้งครรภ์ที่ได้รับความนิยมและมีความแม่นยำสู...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ควรเริ่มฝากครรภ์ภายในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 12 สัปดาห์แรก แ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ฝากครรภ์ไม่จำเป็นต้องให้สามีไปด้วยเสมอไป แต่หากคุณหมอได้ตรวจเลือดของคุณพ่อด้วย ก็จะ...
อ่านต่อ