Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ควรไปฝากครรภ์ที่สถานพยาบาลเพื่อติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์และตรวจภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ โดยระหว่างตั้งครรภ์แพทย์จะทำการตรวจอัลตราซาวด์เป็นระยะเพื่อติดตามพัฒนาการทารก โดยเฉพาะการคาดคะเนน้ำหนักทารกในครรภ์ (Estimate fetal weight) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า EFW ซึ่งมีประโยชน์ในการดูแลสุขภาพของทั้งคุณแม่และลูกน้อยอย่างมาก
วันนี้ Enfa จะพาคุณแม่มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Estimate fetal weight หรือ EFW คืออะไร และ Estimate fetal weight มีสูตรการคำนวณอย่างไร เพื่อให้คุณแม่ได้ติดตามพัฒนาการทารกน้อยในครรภ์ รวมถึงจะได้บำรุงร่างกายให้เต็มที่เพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกรักอีกด้วย
EFW คือ การคาดคะเนน้ำหนักทารกในครรภ์ ย่อมาจากคำว่า Estimated Fetal Weight หมายถึง การคำนวณน้ำหนักของทารกในครรภ์โดยใช้เทคนิคการตรวจอัลตราซาวด์ แพทย์จะใช้ข้อมูลที่ได้จากการวัดขนาดต่าง ๆ ของทารก เช่น เส้นผ่านศูนย์กลางของศีรษะ (BPD), เส้นรอบวงศีรษะ (HC), เส้นรอบวงช่องท้อง (AC) และความยาวของกระดูกต้นขา (FL) เพื่อคำนวณน้ำหนักทารก
โดยทั่วไปแพทย์จะเริ่มทำ EFW ในช่วงการตั้งครรภ์ไตรมาสสาม โดยทำห่างกันอย่าง 2-4 สัปดาห์ เพื่อประมาณน้ำหนักของทารกในครรภ์ก่อนคลอด การประเมินน้ำหนักทารกระหว่างการตั้งครรภ์ไม่เพียงเป็นการประเมินสุขภาพและการเจริญเติบโตของทารกเท่านั้น แต่ยังมีความจำเป็นต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดและหลังคลอดด้วย โดยเฉพาะในทารกที่มีน้ำหนักแรกคลอดต่ำและสูงเกินไป
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทราบคือ การเจริญเติบโตของทารกทั้งขณะตั้งครรภ์ ก่อนคลอด และหลังคลอด มีทั้งปัจจัยภายในและภายนอกที่ส่งผล เช่น น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์, จำนวนการตั้งครรภ์, กิจกรรมที่ปฏิบัติระหว่างการตั้งครรภ์, โรคประจำตัวคุณแม่, ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์เป็นพิษ, อายุครรภ์ ณ เวลาที่คลอด, เพศของทารก, เชื้อชาติ, ความสูงของพ่อและแม่ เป็นต้น
EFW จากการอัลตราซาวด์สามารถบอกได้ว่าทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตที่เหมาะสมหรือไม่ หากค่า EFW แสดงว่าทารกมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ อาจหมายถึงทารกมีปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตหรือสุขภาพ เช่น ภาวะการเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (IUGR) หรือถ้าน้ำหนักมากกว่าเกณฑ์ปกติ ก็อาจเป็นสัญญาณของภาวะทารกใหญ่เกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการคลอด หรือเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนระหว่างคลอด ซึ่งการทำ EFW นี้จะช่วยให้แพทย์ตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการคลอดที่เหมาะสมเพื่อให้ปลอดภัยทั้งคุณแม่และลูกน้อย
นอกจากทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดต่ำ (Low Birth Weight) และ ทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดสูง (Macrosomia) จะเพิ่มความเสี่ยงระหว่างการคลอดและการดูแลหลังคลอดแล้ว แพทย์ยังต้องใช้ EFW ในการประเมินโอกาสการผ่าคลอดฉุกเฉินทางหน้าท้องในกรณีที่ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดสูง หรือมีการเกิดความแตกต่างของขนาดศีรษะทารกและอุ้งเชิงกราน ทำให้ทารกไม่สามารถคลอดทางช่องคลอดได้
น้ำหนักแรกเกิดต่ำ (low birth weight)
ทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดสูง (macrosomia)
ปัจจุบัน Estimated Fetal Weight มีสูตรคำนวณที่นิยมใช้กัน 2 สูตร คือ สูตรการคาดคะเนน้ำหนักทารกในครรภ์ของ Johnson และสูตรการคาดคะเนน้ำหนักทารกในครรภ์ของ Dare ซึ่งทั้งสองสูตรนั้นแตกต่างกันโดยสูตรของ Johnson ใช้การคำนวณจากความสูงของยอดมดลูก ส่วนสูตรของ Dare จะนำข้อมูลทั้งในส่วนของเส้นรอบท้องและความสูงของยอดมดลูกมาใช้ในการคำนวณด้วย
น้ำหนักของทารกในครรภ์ หรือ Fetal weight (กรัม) = 155 x [ความสูงของยอดมดลูก หรือ Fundal height (cm.)]
น้ำหนักของทารกในครรภ์ หรือ Fetal weight (กรัม) = HF (cm.) x AC (cm.)
โดย HF คือ ความสูงยอดมดลูก (Height of Fundus) และ AC คือ เส้นรอบท้อง (abdominal circumference)
ทั้งสองวิธีนี้มีข้อดีคือสามารถทำได้ง่าย รวดเร็ว และไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ แต่อาจต้องใช้การตรวจภายในเพื่อตรวจวัดความสูงของยอดมดลูกและตรวจวัดเส้นรอบท้องร่วมด้วย เพื่อให้ผล EFW แม่นยำหรือใกล้เคียงมากที่สุด ทั้งนี้ต้องอาศัยแพทย์หรือพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญสูงในการทำ เพราะอาจมีความคลาดเคลื่อนได้ในกรณีต่างๆ เช่น มารดาอ้วนหรือผอมเกินไป ครรภ์แฝด หรือมีภาวะน้ำคร่ำผิดปกติ
การดูแลสุขภาพคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ขึ้นอยู่กับการติดตามการเจริญเติบโตทารกผ่านอัลตราซาวด์หรือ EFW เท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่อีกด้วย
ระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกและเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่ ควรเป็นอาหารปรุงสุกที่ถูกสุขอนามัย งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน นอกจากนี้ ยังสามารถเสริมด้วยนมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ดีเอชเอ โฟเลต โคลีน และแคลเซียม รวมถึงการดื่มน้ำสะอาดและพักผ่อนให้เพียงพอด้วย
Enfa สรุปให้ การตรวจเลือดตั้งครรภ์ เป็นวิธีการตรวจการตั้งครรภ์ที่ได้รับความนิยมและมีความแม่นยำสู...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ควรเริ่มฝากครรภ์ภายในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 12 สัปดาห์แรก แ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ฝากครรภ์ไม่จำเป็นต้องให้สามีไปด้วยเสมอไป แต่หากคุณหมอได้ตรวจเลือดของคุณพ่อด้วย ก็จะ...
อ่านต่อ