นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

IDA หรือโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ที่คุณแม่ควรรู้!

Enfa สรุปให้

  • IDA (Iron Deficiency Anemia) หรือ โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เป็นปัญหาสุขภาพที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องเผชิญในระหว่างตั้งครรภ์ แต่มีการป้องกันและแก้ไขได้
  • IDA ในคุณแม่ตั้งครรภ์ จะทำให้คุณแม่อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ส่งผลต่อทารกในครรภ์ทั้งด้านสุขภาพและการเจริญเติบโต อาจรุนแรงถึงขั้นคลอดก่อนกำหนด
  • คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถป้องกัน IDA ได้โดยรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กเพียงพอที่ร่างกายต้องการ และตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อ IDA

เลือกอ่านตามหัวข้อ

IDA (Iron Deficiency Anemia) หรือ โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เป็นอีกปัญหาสุขภาพที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องเผชิญในระหว่างตั้งครรภ์ โดยโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กนี้อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพคุณแม่ตั้งครรภ์และลูกน้อยในครรภ์ แต่ยังสามารถป้องกันและรักษาได้ บทความนี้ Enfa จะพาคุณแม่ทุกท่านมารู้จักกับ IDA หรือโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กให้มากขึ้นกันค่ะ

IDA คือโรคอะไร

IDA หรือ Iron Deficiency Anemia คือ ภาวะที่ร่างกายขาดธาตุเหล็กจนไม่สามารถผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ได้อย่างเพียงพอ โดยฮีโมโกลบินเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่ในการขนส่งออกซิเจนจากปอดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อระดับธาตุเหล็กในร่างกายต่ำ จะส่งผลให้การผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงลดลงและเกิดภาวะโลหิตจางได้ในที่สุด ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำออกซิเจนไปใช้ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างเต็มที่ กรณีคุณแม่ตั้งครรภ์จึงทำให้คุณแม่เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และอาจเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด

IDA คือโรคที่มักเกิดขึ้นจากการขาดธาตุเหล็กในอาหาร ร่างกายมีการดูดซึมธาตุเหล็กที่ไม่ดี หรือการสูญเสียเลือดมากเกินไป โดยโรคนี้สามารถพบได้ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้หญิงที่มีประจำเดือน เด็กเล็ก และคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในคุณแม่ตั้งครรภ์ โรค IDA คือการขาดธาตุเหล็กที่ทำให้สุขภาพโดยรวมของคุณแม่ไม่ดี เมื่อสุขภาพของคุณแม่ไม่แข็งแรงก็จะส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของเด็กทารกอย่างมาก

Iron Deficiency คือ อะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร

Iron Deficiency คือ ภาวะที่ร่างกายมีธาตุเหล็กในปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งธาตุเหล็กเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีฮีโมโกลบินที่ทำหน้าที่ในการขนส่งออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อร่างกายขาดธาตุเหล็กจึงทำให้การผลิตเม็ดเลือดแดงมีปัญหา ส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจาง (Anemia) ซึ่งทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน และส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ

ทั้งนี้ การที่ระดับธาตุเหล็ก (Serum Iron) ต่ำเกิดจากอะไรนั้น มีด้วยกันหลายสาเหตุ เช่น

การขาดธาตุเหล็กในอาหาร

เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กต่ำ หรืออาหารที่ไม่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีเพียงพอ เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่มีแหล่งธาตุเหล็กจากสัตว์หรือผักที่มีธาตุเหล็กต่ำ การรับประทานอาหารมังสวิรัติหรืออาหารที่ไม่สมดุล ซึ่งไม่ให้ธาตุเหล็กเพียงพอต่อร่างกาย

การดูดซึมธาตุเหล็กไม่ดี

เกิดจากโรคบางชนิดหรือสภาวะที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร หรือการผ่าตัดทางเดินอาหาร เช่น การตัดกระเพาะอาหาร อาจทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กลดลง

การสูญเสียเลือด

เกิดการสูญเสียเลือดจากการมีประจำเดือนมากเกินไป การบาดเจ็บ การมีเลือดออกจากแผลในระบบทางเดินอาหาร สามารถทำให้ระดับธาตุเหล็กในเลือดลดลงได้เช่นกัน

ภาวะอักเสบหรือการติดเชื้อ

เมื่อร่างกายมีการติดเชื้อหรือภาวะอักเสบจะมีการปล่อยสารบางอย่างออกมาทำให้ธาตุเหล็กในเลือดลดลง เนื่องจากร่างกายจะเก็บธาตุเหล็กไว้ในเกล็ดเลือดแทนการปล่อยออกมาสู่ระบบเลือด

การตั้งครรภ์

การตั้งครรภ์ทำให้ร่างกายของคุณแม่ต้องการธาตุเหล็กมากขึ้น เนื่องจากต้องมีการผลิตเลือดเพิ่มขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของทั้งตัวเองและทารกในครรภ์ หากไม่เสริมธาตุเหล็ก อาจทำให้ระดับธาตุเหล็กในเลือดต่ำได้

โรคเกี่ยวกับไต

การทำงานที่ผิดปกติของไต เช่น ไตเสื่อมอาจส่งผลให้การสร้างฮอร์โมนที่กระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดแดงลดลง ซึ่งจะทำให้ระดับธาตุเหล็กต่ำ
ภาวะธาตุเหล็กสะสมในร่างกาย (Iron Overload)

หากมีการสะสมธาตุเหล็กมากเกินไปในร่างกาย อาจทำให้ระดับธาตุเหล็ก (Serum Iron) ลดลง เนื่องจากการดูดซึมธาตุเหล็กจะถูกกระตุ้นให้น้อยลงด้วย
ในทางการแพทย์ การตรวจระดับ serum iron เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจวินิจฉัยโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ซึ่งหากระดับธาตุเหล็กต่ำ แพทย์จะตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป

Iron Deficiency Anemia กับคุณแม่ตั้งครรภ์และลูกน้อยในครรภ์

Iron Deficiency Anemia (IDA) หรือโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เป็นภาวะที่มีผลกระทบต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ ดังนี้

Iron Deficiency Anemia กับคุณแม่ตั้งครรภ์

  • ส่งผลต่อสุขภาพของคุณแม่ ทำให้เหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย
  • เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนในการคลอด เช่น การคลอดก่อนกำหนด หรือการคลอดที่มีปัญหาซับซ้อน
  • เสี่ยงต่อภาวะโลหิตจางรุนแรง ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงหัวใจ

Iron Deficiency Anemia กับลูกน้อยในครรภ์

  • การเจริญเติบโตช้า เนื่องจากไม่สามารถได้รับออกซิเจนที่เพียงพอจากแม่
  • น้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ
  • มีผลต่อการพัฒนาของสมองทารกในระยะยาว อาจส่งผลต่อความสามารถทางสติปัญญาและพัฒนาการทางการเรียนรู้ในอนาคต
  • เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนในช่วงคลอด

การเสริมธาตุเหล็กให้คุณแม่ตั้งครรภ์จึงเป็นวิธีที่สำคัญในการป้องกันและรักษาภาวะ IDA โดยแนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อแดง ตับ ไข่ ผักใบเขียว และธัญพืช มีการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อเช็กระดับธาตุเหล็ก และอาจมีการเสริมธาตุเหล็กในกรณีที่จำเป็น โดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์


Anemic Symptom คือ อะไรบ้าง

Anemic Symptoms คืออาการของโรคโลหิตจาง ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามระดับความรุนแรงของ แต่โดยทั่วไปมักมีอาการ ดังนี้

  • อ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถขนส่งออกซิเจนไปยังอวัยวะต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย
  • หน้าซีดหรือผิวซีด โดยเฉพาะที่ฝ่ามือและริมฝีปาก
  • เวียนศีรษะหรือหน้ามืด โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนท่าทางเร็วๆ เช่น ลุกขึ้นจากท่านั่งหรือท่านอน
  • หายใจลำบากหรือหายใจถี่ โดยเฉพาะในระหว่างการออกแรงหรือการออกกำลังกาย
  • หิวหรืออยากกินสิ่งของที่ไม่ใช่อาหาร เช่น ดิน หรือเยลลี่
  • มือและเท้าเย็น มีอาการชาหรือเจ็บปวด หรือมีอาการบวม ในรายที่มีภาวะรุนแรง
  • ปวดศีรษะ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้บ่อยในกรณีที่ภาวะโลหิตจางรุนแรง
  • ใจสั่น โดยเฉพาะในกรณีที่ภาวะโลหิตจางรุนแรง อาจทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นเพื่อพยายามส่งออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งผลให้มีอาการใจสั่นหรือหัวใจเต้นเร็ว

อาการเหล่านี้เป็น Anemic Symptom ที่พบได้บ่อย โดยมักจะเกิดขึ้นเมื่อภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กมีความรุนแรงมากขึ้น หากพบอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

Iron Deficiency Anemia รักษาอย่างไร

ปัจจุบันการรักษา Iron Deficiency Anemia (IDA) หรือโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กมีหลายวิธี เช่น

  1. การเสริมธาตุเหล็ก โดยรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมธาตุเหล็กโดยการกินหรือฉีดตามคำแนะนำของแพทย์
  2. การเพิ่มธาตุเหล็กจากอาหาร เช่น เนื้อแดง ตับ ไข่ ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม คะน้า หรืออาหารทะเล ร่วมกับการรับประทานอาหารที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว ผักสด
  3. การรักษาโรคที่มีผลทำให้การขาดธาตุเหล็ก หากสาเหตุของการขาดธาตุเหล็กเกิดจากโรค เช่น การสูญเสียเลือด จากแผลในระบบทางเดินอาหาร หรือการมีประจำเดือนมากเกินไป ควรรักษาโรคเหล่านั้นก่อน
  4. การติดตามและตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อดูว่าอาการดีขึ้นหรือไม่ และช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างถูกต้องและตรงจุด
  5. การจัดการภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น หัวใจล้มเหลว หรือ ภาวะคลอดก่อนกำหนดในคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้จะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่าง

นอกจากนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์ยังสามารถป้องกันการขาดธาตุเหล็กได้โดยการบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและวิตามินซีอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการตรวจสุขภาพและติดตามระดับธาตุเหล็กในร่างกายอย่างสม่ำเสมอด้วย

อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่

โภชนาการที่ดีในช่วงตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของคุณแม่เท่านั้น แต่ยังมีส่งผลโดยตรงต่อทารกในครรภ์ด้วย การรับประทานอาหารที่หลากหลายและสมดุลในระหว่างตั้งครรภ์ช่วยให้ทารกได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์

คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถเลือกเสริมโภชนาการที่ดีในช่วงให้นมบุตร เพื่อส่งต่อคุณค่าสารอาหารจากแม่สู่ลูกน้อย คุณแม่ให้นมบุตรจำเป็นต้องได้รับโภชนาการครบถ้วน เพื่อให้ร่างกายผลิตน้ำนมแม่ที่มีคุณภาพ และส่งผ่านคุณค่าสารอาหารไปยังลูกน้อย ให้ลูกมีพัฒนาการดีครบรอบด้าน เพียงเสริมด้วยเอนฟามาม่า 2 แก้วต่อวัน ช่วยให้คุณแม่ได้รับแคลเซียมและโคลีน 100% ของปริมาณที่ Thai RDI แนะนำ

ทั้งนี้ คุณแม่ควรให้นมแม่ให้ได้นานที่สุด เพราะนมแม่คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย มีสารอาหารสำคัญหลายชนิด เช่น MFGM, DHA, แลคโตเฟอร์ริน

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่และลูกน้อย

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Shopee TH Lazada TH Join Enfamama