แพ้ท้องแทนเมีย เรื่องจริง หรืออุปาทานไปเอง

อาการแพ้ท้อง เป็นปัญหาที่คนท้องด้วยกันเท่านั้นถึงจะเข้าใจกันได้ คุณแม่บางท่านแพ้ท้องหนักมาก ขณะที่คุณแม่อีกหลายท่านไม่เคยแพ้ท้องเลย ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องน่าอิจฉาสำหรับหลาย ๆ คน เพราะคนที่แพ้ท้องอย่างหนักก็จะรู้ดีว่า อาการแพ้ท้องนั้นไม่ค่อยน่าพิสมัยสักเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตาม มีหลายกรณีที่คุณแม่ไม่แพ้ท้องเลย เพราะสามีรับอาการ แพ้ท้องแทนเมีย ไปเสียเอง แต่อาการแพ้ท้องแทนเมียในผู้ชาย มีอยู่จริง ๆ หรือว่าอุปทานหมู่กันไปเอง มาลองหาคำตอบกันเลย

แพ้ท้องแทนเมีย คืออะไร

ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์บางราย มักพบว่ามีอาการแพ้ท้องขณะตั้งครรภ์ เช่น วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย แต่ในบางกรณีกลับพบว่าเมื่อตั้งครรภ์ไปแล้ว ผู้หญิงไม่มีอาการแพ้ท้องเลย แต่กลับเป็นสามีที่มีอาการคล้ายกับแพ้ท้อง จึงมักเรียกกรณีเช่นนี้อย่างติดปากว่า แพ้ท้องแทนเมีย

ผู้ชายแพ้ท้องได้จริงหรือ แพ้ท้องแทนเมียมีจริงไหม

ผู้ชายที่มีอาการคล้ายกับอาการแพ้ท้องเองก็ไม่สามารถที่จะบอกได้ชัดเจนว่าอาการที่เป็นอยู่นั้น เรียกว่าแพ้ท้องจริง ๆ หรือว่าเป็นเพียงการอุปาทานไปเอง แต่จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ชายสามารถมีอาการแพ้ท้องร่วมกับภรรยาที่กำลังตั้งท้องได้จริง และไม่ใช่อาการทางจิต หรืออุปาทานหมู่

ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่าคู่รักชายหญิงที่อยู่ร่วมกันบางคู่ และฝ่ายหญิงมีการตั้งครรภ์ คู่ครองฝ่ายชายสามารถมีอาการคล้ายกับอาการแพ้ท้องของหญิงตั้งครรภ์เกิดขึ้นจริง ๆ ซึ่งหากนับเฉพาะผลการศึกษาในประเทศไทยเมื่อปี 2536 นั้น พบว่ามีผู้ชายไทยที่มีอาการแพ้ท้องขณะที่ภรรยากำลังตั้งครรภ์สูงถึง 61 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อจำแนกอาการเช่นนี้ว่า เป็นปัญหาสุขภาพที่ควรต้องได้รับการเยียวยารักษา หรือเป็นปัญหาทางสุขภาพจิตที่จำเป็นต้องรับการตรวจรักษา

อาการแพ้ท้องแทนเมียเป็นอย่างไร

อาการแพ้ท้องในผู้ชาย หรือแพ้ท้องแทนเมีย โดยทั่วไปแล้วอาจพบอาการดังนี้

อาการทางกาย

• ปัญหาที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด ท้องร่วง หรือท้องผูก

• อ่อนเพลีย

• ปวดท้อง

• ปวดหลัง

• ปวดขา

• ปวดฟัน

• มีอาการกรดไหลย้อน หรือแสบร้อนกลางอก

• รู้สึกอยากอาหารมากขึ้น

• น้ำหนักขึ้น

• ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

• ปัญหาที่ระบบปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะบ่อย หรือรู้สึกอึดอัดที่อวัยวะเพศ

อาการทางอารมณ์ความรู้สึก

• วิตกกังวล หรือซึมเศร้า

• ความต้องการทางเพศลดลง

• หงุดหงิดง่าย

• อารมณ์แปรปรวน

• เก็บตัว

• ตื่นเช้าผิดปกติ

• ไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้นาน

• นอนเยอะกว่าปกติ

แพ้ท้องแทนเมียเกิดจากอะไร ทำความเข้าใจอาการผู้ชายแพ้ท้องในมุมมองแบบวิทยาศาสตร์

แม้จะมีผลการศึกษาพบว่าผู้ชายหลายคนมีอาการแพ้ท้องแทนเมียจริง ๆ แต่ผลการศึกษาและผลการวิจัยต่าง ๆ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะระบุได้ว่า อาการแพ้ท้องในผู้ชายนั้น จริง ๆ แล้ว เป็นปัญหาสุขภาพกาย หรือเป็นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต และอะไรเป็นตัวกระตุ้นทำให้ผู้ชายมีอาการแพ้ท้องขณะที่ภรรยากำลังตั้งครรภ์

อย่างไรก็ตาม กลุ่มอาการทางสุขภาพจิต เช่น วิตกกังวล หรือความเครียด ที่พบในผู้ชายแพ้ท้อง ก็อาจเป็นไปได้ว่า มีสาเหตุมาจากความวิตกกังวลหรือตื่นเต้นกับการเปลี่ยนบทบาทจากผู้ชายคนหนึ่ง มาเป็นพ่อคนครั้งแรกในชีวิต

และหากในอนาคตมีผลการศึกษามารองรับเพียงพอ อาการแพ้ท้องแทนเมียก็จะเป็นอีกหนึ่งอาการทางสุขภาพที่อยู่บนพื้นฐานความเข้าใจของคนทั่วไป และถูกทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ หรือเป็นอาการที่สามารถเข้ารับการรักษาหรือบรรเทาอาการให้ทุเลาลงได้ โดยที่ผู้ชายที่ประสบกับอาการเหล่านี้ก็จะได้ไม่รู้สึกแปลกแยก หรือเขินอายที่มีอาการแพ้ท้องแทนเมีย

แพ้ท้องแทนเมียกี่เดือนจึงจะหาย

อาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงอาการแพ้ท้องในผู้ชาย ส่วนมากแล้วมักจะพบบ่อยในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ และมักจะลดลงในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 อย่างไรก็ตาม บางกรณีผู้ชายก็แพ้ท้องแค่ช่วงไตรมาสแรก บางกรณีก็แพ้ท้องไปจนกระทั่งคลอด

เคล็ดลับให้สามีแพ้ท้องแทน: เกร็ดความเชื่อโบราณที่คุณแม่อาจอยากรู้

คุณแม่หลายท่าน โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ มักเกิดความวิตกกังวล หรือหวาดกลัวอาการแพ้ท้อง ว่าจะสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะลำพังการอุ้มท้องเด็กคนหนึ่งก็ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันไม่ค่อยสะดวกอยู่แล้ว หากมีอาการแพ้ท้องมาร่วมด้วย ก็จะยิ่งทำให้รู้สึกไม่ดีหรือท้อกับการแพ้ท้อง

ดังนั้น คุณแม่บางท่านจึงมีความเชื่อที่ถูกส่งต่อกันมาว่า จะให้สามีแพ้ท้องแทน เพื่อแบ่งเบาภาระในการตั้งครรภ์ร่วมกัน โดยความเชื่อที่นิยมปฏิบัติกันมานานก็คือ

• การให้ภรรยากลั้นหายใจเดินข้ามสามีที่กำลังนอนอยู่ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะทำให้สามีแพ้ท้องแทนก็คือช่วงเวลาเช้า แต่ถ้าเกิดเห็นใจและต้องการแก้คืน ก็ให้กลั้นหายใจก้าวข้ามสามีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะต้องข้ามคนละฝั่งกับตอนที่ข้ามในครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อนี้ไม่เคยมีผลการศึกษาพิสูจน์อย่างจริงจัง เป็นเพียงความเชื่อที่ส่งต่อกันมานานเท่านั้น คุณแม่ท่านใดที่อยากลอง ก็สามารถทำได้ไม่เสียหาย

แต่ถ้าหากลองแล้วไม่ได้ผล ก็ต้องหมั่นดูแลตัวเองให้มากขึ้น เพื่อบรรเทาอาการแพ้ท้องที่อาจจะหนักหน่วงโดยเฉพาะในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ หรือไปขอคำแนะนำจากแพทย์เพิ่มเติมถึงวิธีดูแลตัวเองเมื่อมีอาการแพ้ท้อง