Enfa สรุปให้
- การตรวจเลือดตั้งครรภ์ เป็นวิธีการตรวจการตั้งครรภ์ที่ได้รับความนิยมและมีความแม่นยำสูงมาก เพราะเป็นการตรวจวัดระดับค่าฮอร์โมน hCG
- เจาะเลือดเพื่อตรวจการตั้งครรภ์ เป็นวิธีตรวจการตั้งครรภ์ที่สามารถบอกผลได้ 100% ว่าท้องหรือไม่ท้อง โดยใช้เวลาในการฟังผลเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมง
- การเจาะเลือดนอกจากจะบอกว่าท้องหรือไม่แล้ว สามารถตรวจเช็กโรคต่าง ๆ ระหว่างการตั้งครรภ์ได้ ไม่ว่าจะเป็น ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ตรวจคัดกรองหมู่เลือด ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้ด้วย
- เจาะเลือดตรวจการตั้งครรภ์ ผลตรวจมีทั้งลบและบวก คือ ผลบวก แสดงว่าพบระดับ hCG ในเลือดสูงกว่าค่าปกติ หมายถึงการตั้งครรภ์ แต่ถ้าผลลบ แสดงว่าไม่พบระดับ hCG ในเลือด หรือพบในระดับต่ำมาก หมายถึง ไม่ตั้งครรภ์ หรือถ้าไม่แน่ใจอาจต้องตรวจซ้ำอีกครั้งภายใน 48 ชั่วโมง
- การตรวจครรภ์ด้วยการเจาะเลือดตรวจครรภ์ (Blood Test) มีความแม่นยำมากและสามารถรอฟังผลได้ภายใน 1 - 2 วัน รวดเร็วทันใจมาก ๆ

ประจำเดือนขาดหรือไม่มาตรงตามรอบปกติ สงสัยว่าท้องหรือไม่ท้อง? การตรวจเลือดตั้งครรภ์เป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะให้คำตอบเรื่องนี้ได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากการตรวจเลือดตั้งครรภ์ เป็นวิธีการตรวจการตั้งครรภ์ที่มีผลการตรวจค่อนข้างแม่นยำสูงและได้รับความนิยมตรวจกันมาก โดยอาศัยการตรวจวัดระดับฮอร์โมนเอชซีจี (hCG) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายจะผลิตขึ้นมาหลังจากการปฏิสนธินั่นเอง ดังนั้น บทความวันนี้ Enfa จะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับตรวจเลือดตั้งครรภ์ ทุกคำถามที่สงสัยมาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยค่ะ
การตรวจเลือดตั้งครรภ์คืออะไร
การจะตรวจว่าตัวเองท้องหรือไม่ท้อง? สามารถตรวจได้หลายวิธี การตรวจเลือดตั้งครรภ์ เป็นอีกหนึ่งวิธีตรวจการตั้งครรภ์ที่มีความแม่นยำสูง เมื่อมีการปฏิสนธินั้นร่างกายของผู้หญิงจะมีฮอร์โมน hCG (Human Chorionic Gonadotropin) หรือฮอร์โมนของผู้ตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกิดจากตัวรกหลังการปฏิสนธิ 6 วันขึ้นไป โดยระดับของฮอร์โมน hCG จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ทำให้แพทย์สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้นและมีความแม่นยำค่อนข้างสูง
ตรวจเลือดการตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับฮอร์โมน hCG
การเจาะเลือดเพื่อจะตรวจว่าตั้งครรภ์หรือไม่นั้น แพทย์จะทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมน hCG ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นโดยเซลล์ของรกหลังจากที่ไข่ที่ปฏิสนธิฝังตัวในผนังมดลูกแล้ว โดยระดับปริมาณฮอร์โมน hCG สามารถบ่งบอกได้ถึงการตั้งครรภ์และอายุครรภ์คร่าว ๆ กี่สัปดาห์ โดยทางการแพทย์หากพบว่าร่างกายมีค่าฮอร์โมนเอชซีจีมากกว่า 25 mIU/mL ขึ้นไป หมายถึง การตั้งครรภ์
การเจาะเลือดตรวจครรภ์ มีความแม่นยำมากน้อยแค่ไหน?
การตรวจเลือดเพื่อตรวจว่าตั้งครรภ์หรือไม่ เป็นการตรวจที่มีความแม่นยำสูงและสามารถบอกการตั้งครรภ์ได้แน่นอน 100% ด้วยการตรวจวัดระดับฮอร์โมน hCG โดยจะสามารถเข้ารับการตรวจเพื่อให้ได้ผลหลังการปฏิสนธิไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ ซึ่งจะมีความแม่นยำมากกว่าถ้าเทียบกับการตรวจปัสสาวะ แต่ค่าใช้จ่ายในการตรวจย่อมสูงกว่าการตรวจปัสสาวะด้วยตัวเอง สามารถไปตรวจได้ทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และคลินิก นอกจากนี้แล้วการตรวจครรภ์ด้วยวิธีการเจาะเลือดยังเหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการรู้ผลที่แน่นอน เช่น ผู้ที่มีภาวะมีลูกยาก หรือมีประวัติเคยแท้ลูก เพื่อจะได้นำข้อมูลมาวางแผนการดูแลให้ฮอร์โมนเสริมต่าง ๆ เพื่อป้องกันการแท้งลูก
การตรวจเลือดตั้งครรภ์สามารถตรวจอะไรบ้าง
เมื่อทราบแน่ชัดแล้วว่าตั้งครรภ์ ขั้นตอนต่อไปที่ว่าที่คุณแม่มือใหม่จะต้องทำเลยคือ การฝากครรภ์ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์จะต้องมีการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดด้วยการเจาะเลือดเพื่อให้คุณหมอตรวจรายการ ดังนี้
- ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (complete blood count) บอกระดับความเข้มข้นของเลือดในร่างกาย ขนาดและรูปร่างของเม็ดเลือดแดง รวมถึงยังบอกปริมาณเม็ดเลือดขาว และปริมาณของเกร็ดเลือดในร่างกาย
- ตรวจคัดกรองหมู่เลือด (ABO) โดยจะหากลุ่มเลือด Rh group เพื่อตรวจกรุ๊ปเลือดพ่อแม่ลูก ว่าเลือดคุณพ่อและคุณแม่มี Rh เป็นอย่างไร ปกติ หรือเป็น Negative
- ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ ได้แก่ การตรวจหาไวรัส HIV, ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) และการตรวจหาเชื้อฟิซิลิส (VDRL)
- ตรวจหาธาลัสซีเมีย (Hb typing) เพื่อเช็กว่าคุณแม่เป็นโรคโลหิตจากหรือไม่ เพื่อป้องกันลูกน้อยในครรภ์
- ตรวจคัดกรองเบาหวาน (GCT 50 gm) เพื่อดูระดับน้ำตาลในเลือด โดยปกติคนท้องจะต้องมีระดับน้ำตาลไม่เกิน 90 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
ผลตรวจเลือดตั้งครรภ์ ค่า hCG บอกอะไรบ้าง
ก่อนอื่นต้องอธิบายให้เข้าก่อนว่า hCG ไม่ใช่อุปกรณ์ตรวจครรภ์ แต่เป็นฮอร์โมน hCG หรือเรียกว่า ฮอร์โมนการตั้งครรภ์ที่เกิดจากรก ซึ่งจะประกอบด้วยความยาวของกรดอะมิโนจำนวน 237 ตัว ทั้งนี้ ฮอร์โมน hCG จะสามารถตรวจพบได้หลังจากที่ผ่านการปฏิสนธิไปแล้ว 6 วันขึ้นไป โดยมีการใช้น้ำยาสำหรับตรวจหา hCG โดยเฉพาะ และเมื่อมีการเจาะเลือดเพื่อตรวจการตั้งครรภ์ แพทย์จะทำการตรวจวัดระดับความเข้มข้นของฮอร์โมน hCG มีรายละเอียด ดังนี้
- หากมีปริมาณฮอร์โมน hCG ที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 mIU/mL แสดงว่า “ไม่ท้อง”
- หากมีปริมาณฮอร์โมน hCG อยู่ในระดับ 6-24 mIU/mL แสดงว่า “ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าท้องหรือไม่ท้อง”
- หากมีปริมาณฮอร์โมน hCG อยู่ในระดับ 25 mIU/mL ขึ้นไป ยืนยันว่า “ท้อง”
ทั้งนี้ กรณีตรวจพบปริมาณฮอร์โมน hCG ที่ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าท้องหรือไม่ท้อง แนะนำให้ตรวจซ้ำอีกครั้งภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อความมั่นใจ เนื่องจากการตั้งครรภ์ในช่วงระยะเริ่มแรกนั้นจะมีปริมาณระดับฮอร์โมน hCG ต่ำเกินกว่าที่จะตรวจพบได้
ตรวจเลือดตั้งครรภ์ ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่
การเจาะเลือดเพื่อตรวจการตั้งครรภ์ สามารถตรวจได้ทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และคลินิกทั่วไป โดยแต่ละแห่งจะมีค่าใช้จ่ายในการตรวจแตกต่างกัน ดังนี้
- เจาะเลือดตรวจครรภ์โรงพยาบาลรัฐ ราคาประมาณ 70 - 300 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่ค่าบริการของแต่ละโรงพยาบาล
- ตรวจเลือดการตั้งครรภ์ โรงพยาบาลเอกชน ราคาประมาณ 800 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่ค่าบริการของแต่ละโรงพยาบาล
- ตรวจเลือดตั้งครรภ์คลินิก ราคาประมาณ 700 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่ค่าบริการของแต่ละโรงพยาบาล
ทั้งนี้ ราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามแต่ละโรงพยาบาลและคลินิก นอกจากนี้ยังสามารถตรวจเช็กราคาเบื้องต้นได้ที่เว็บของกรมการค้าภายใน https://hospitals.dit.go.th/app/service_price_search.php
ตรวจเลือดตั้งครรภ์รอผลนานไหม ตรวจครรภ์ด้วยวิธีการเจาะเลือดรอผลตรวจกี่วัน
โดยทั่วไปแล้วการตรวจครรภ์ด้วยการเจาะเลือดตรวจครรภ์ (Blood Test) จะสามารถทราบผลตรวจว่าตั้งครรภ์หรือไม่ภายใน 1 - 2 วันทำการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานโรงพยาบาลที่คุณเลือกตรวจด้วย
อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์และควรทานให้ครบทุกหมู่เป็นประจำวันทุกวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน เนื่องจากโภชนาการที่ดีที่คุณแม่กินเข้าไปตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์มาจนถึงในขณะตั้งครรภ์ ถือว่าเป็นด่านสำคัญที่จะปูทางให้ลูกน้อยมีสุขภาพดี แข็งแรง และเติบโตขึ้นมามีพัฒนาการที่สมวัย นอกจากนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์ยังสามารถเสริมสร้างโภชนาการเพิ่มเติมจากการดื่มนมเอนฟามาม่า เอพลัส วันละ 2 แก้ว เพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมและโคลีนตามความต้องการของคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรในแต่ละวัน (THAI DRI) เพื่อให้ได้รับโภชนาการระหว่างตั้งครรภ์ที่ครบถ้วน
สุดท้ายนี้เมื่อพบว่าตั้งครรภ์ สิ่งสำคัญสำหรับว่าที่คุณแม่ที่จะต้องทำต่อไปคือการฝากครรภ์เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแม่เองและทารกในครรภ์ นอกจากนี้แล้วอย่าลืมรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตมาอย่างแข็งแรง
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่และลูกน้อย