นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดิอนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ​Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

ไขข้อข้องใจ ผื่นแพ้ฮอร์โมนตั้งครรภ์ puppp พร้อมวิธีรับมือ

Enfa สรุปให้

  • ผื่นแพ้ฮอร์โมนตั้งครรภ์ puppp เป็นหนึ่งในผื่นยอดฮิตที่พบได้ช่วงไตรมาสสุดท้าย ซึ่งคุณแม่ที่ตั้งครรภ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งก่อให้เกิดผื่นแพ้ผิวหนังในคุณแม่บางราย
  • puppp มักพบบ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ครั้งแรก หรือคุณแม่ที่อุ้มครรภ์แฝด ซึ่งท้องจะขยายเร็วและมากกว่าปกติ ทำให้ผิวหนังมีการยืดตัวอย่างรวดเร็ว
  • ตั้งครรภ์ ผื่นขึ้นที่ท้องอันตรายไหม มักไม่อันตรายต่อแม่และลูก แต่สร้างความรำคาญและไม่สบายตัวได้ การรักษาส่วนใหญ่เน้นบรรเทาอาการคันและดูแลผิว การปรึกษาแพทย์เป็นทางที่ดีที่สุด

เลือกอ่านตามหัวข้อ

คุณแม่มือใหม่หลายคน คงเคยเจอปัญหาผื่นขึ้นที่ท้องขณะตั้งครรภ์ใช่ไหมคะ เพราะเมื่อเข้าสู่ช่วงตั้งท้อง ร่างกายของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงหลากหลายอย่าง บางคนเจอภาวะแพ้ท้อง คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ผมร่วง หรือแม้กระทั่งเกิดผื่นคันตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

ผื่นแพ้ฮอร์โมนตั้งครรภ์ หรือ PUPPP (Pruritic Urticarial Papules and Plaques of Pregnancy) ถือเป็นปัญหาผิวหนังประเภทหนึ่งที่แม่ท้องหลายคนเจอ แม้ส่วนใหญ่จะไม่ถึงขั้นอันตราย แต่ก็สร้างความรำคาญและอาจทำให้คุณแม่วิตกกังวลว่าอาจจะมีผลกระทบต่อเจ้าตัวเล็กในครรภ์หรือไม่ บทความนี้จะชวนคุณแม่มาทำความรู้จักกับอาการผื่น PUPPP แบบเจาะลึก และแนวทางการป้องกันหรือบรรเทาอาการได้ด้วยตนเอง เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่ราบรื่นสำหรับคุณแม่


ตั้งครรภ์ ผื่นขึ้นที่ท้องอันตรายไหม

เมื่อคุณแม่เริ่มสังเกตเห็นผื่นหรือจุดแดงๆ โผล่ขึ้นมาบริเวณหน้าท้อง โดยเฉพาะช่วงท้องที่กำลังขยายใหญ่ในไตรมาสสุดท้าย คุณแม่อาจสงสัยว่า ผื่นขึ้นที่ท้องอันตรายไหม เพราะผื่นบางประเภทอาจเกิดจากการติดเชื้อ หรือบ่งบอกความผิดปกติบางอย่างในร่างกายได้

สาเหตุทั่วไปของผื่นขึ้นที่ท้องในช่วงตั้งครรภ์

  • การขยายตัวของผิวหนัง: ท้องที่ใหญ่ขึ้นทำให้ผิวหนังถูกยืดออก เกิดการระคายเคืองหรือคันได้ง่าย ยิ่งถ้าผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ก็มีแนวโน้มผื่นขึ้นได้
  • ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง: ขณะที่ตั้งครรภ์ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนหลายชนิดมากขึ้น เช่น เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งอาจกระตุ้นปฏิกิริยาบางอย่างของผิวหนัง จนนำไปสู่ผื่นแพ้ฮอร์โมนตั้งครรภ์ puppp หรือผื่นชนิดอื่นๆ
  • ภูมิคุ้มกันเปลี่ยนแปลง: ช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่มีการปรับสมดุลภูมิคุ้มกันเพื่อไม่ให้ร่างกายต่อต้านทารกในครรภ์ ซึ่งอาจทำให้คุณแม่บางคนไวต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกมากขึ้น เช่น ไรฝุ่น แบคทีเรีย หรือสารเคมี

ผื่นในช่วงตั้งครรภ์ที่พบบ่อย เช่น

  • PUPPP (Pruritic Urticarial Papules and Plaques of Pregnancy): ผื่นแพ้ฮอร์โมนตั้งครรภ์ที่นิยมเรียกกันว่า Puppp พบได้บ่อยในช่วงท้องไตรมาสสุดท้าย
  • Prurigo of Pregnancy: ผื่นคันที่เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน อาจมีลักษณะตุ่มแดง และมีอาการคันบริเวณหน้าท้อง แขน หรือขา
  • Pemphigoid Gestationis: เป็นผื่นตุ่มน้ำที่หายากกว่า แต่ต้องเฝ้าระวังเพราะมีความเสี่ยงทำให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดได้บ้าง

ผื่นที่ท้องอันตรายไหม
ผื่นแพ้ฮอร์โมนตั้งครรภ์ หรือ PUPPP จำนวนมากที่ปรากฏในคุณแม่ตั้งครรภ์นั้น ไม่อันตรายต่อทั้งแม่และลูก หากไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อรุนแรงหรือโรคผิวหนังอันตราย เช่น งูสวัด หรือกลุ่ม pemphigoid ที่มีการอักเสบรุนแรง อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่มีอาการคันมาก ตุ่มผื่นเห่อ มีน้ำเหลือง หรือเป็นไข้ร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

 

ผื่นแพ้ฮอร์โมนตั้งครรภ์ puppp คืออะไร 

เมื่อพูดถึงผื่นที่เกิดขึ้นในช่วงการตั้งครรภ์ วงการแพทย์มักกล่าวถึง PUPPP (Pruritic Urticarial Papules and Plaques of Pregnancy) ซึ่งเป็นผื่นที่คันและก่อความรำคาญให้กับคุณแม่ไม่น้อย PUPPP คืออะไร ทำไมถึงขึ้นชื่อว่าเป็น “ผื่นแพ้ฮอร์โมนตั้งครรภ์ puppp” เราจะมาทำความเข้าใจกันให้มากขึ้นค่ะ

PUPPP คือ อะไร

  • PUPPP ย่อมาจาก Pruritic Urticarial Papules and Plaques of Pregnancy หมายถึงผื่นลมพิษหรือตุ่มแดงที่มักเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ โดยคำว่า “Pruritic” หมายถึงคัน “Urticarial Papules” หมายถึงตุ่มคล้ายลมพิษ และ “Plaques” หมายถึงผื่นเชื่อมต่อกันเป็นปื้น
  • ผื่น PUPPP ส่วนใหญ่มักปรากฏในไตรมาสสาม (ประมาณสัปดาห์ที่ 35 เป็นต้นไป) ซึ่งเป็นช่วงที่ท้องของคุณแม่ขยายใหญ่เกือบสุด และฮอร์โมนต่างๆ ก็สูงขึ้น
  • PUPPP มักพบบ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ครั้งแรก หรือคุณแม่ที่อุ้มครรภ์แฝด ซึ่งท้องจะขยายเร็วและมากกว่าปกติ ทำให้ผิวหนังมีการยืดตัวอย่างรวดเร็ว

สาเหตุที่แท้จริงของ PUPPP
ในปัจจุบัน วงการแพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่นอนได้ 100% ว่าทำไมคุณแม่บางคนถึงเกิด PUPPP ในขณะที่คนอื่นๆ ไม่เป็น แต่อาจสันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับ:

  • การยืดขยายของผิวหนัง: เมื่อท้องใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเกิดความเครียดบนชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นคัน
  • ฮอร์โมน: ฮอร์โมนตั้งครรภ์ เช่น เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่พุ่งสูง อาจกระตุ้นการตอบสนองของร่างกายให้เกิดผื่น

บุคคลที่เสี่ยงเป็น PUPPP มากกว่าปกติ

  • คุณแม่ตั้งครรภ์ครั้งแรก
  • คุณแม่ที่ท้องลูกแฝดหรือลูกน้ำหนักมาก (ท้องใหญ่มาก)
  • คุณแม่ที่มีประวัติอาการภูมิแพ้ หรือแพ้ผิวหนังจากฮอร์โมนง่าย

PUPPP ไม่ใช่โรคติดต่อ ไม่ได้แพร่กระจายผ่านการสัมผัส การหายใจร่วมกัน คุณแม่จึงไม่ต้องกังวลว่าจะติดสมาชิกในครอบครัวนะคะ

 

Puppp  อันตรายไหม

Puppp  อันตรายไหม? เพราะบางครั้งผื่นดูน่ากลัวแดงเป็นปื้นๆ และคันมากจนนอนไม่หลับ ซึ่งอาจทำให้คุณแม่หวั่นใจว่าจะมีผลต่อทารกหรือเปล่า

จากงานวิจัยทางการแพทย์และข้อมูลที่มีในปัจจุบัน ส่วนใหญ่พบว่า Puppp ไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรง ต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ โดยเฉพาะในแง่ของโครงสร้างหรือตัวอ่อนของลูก อย่างไรก็ตาม Puppp อาจก่อให้เกิดความรำคาญและความเครียดได้มาก เพราะอาการคันอาจรุนแรงและต่อเนื่อง

ผลกระทบด้านอารมณ์และสุขภาพจิต

  • อาการคันที่รุนแรงอาจส่งผลให้คุณแม่นอนไม่หลับ เป็นเหตุให้ร่างกายพักผ่อนได้ไม่เต็มที่
  • ความเครียดและความรำคาญจากการเกาอาจส่งผลให้รู้สึกหงุดหงิด ส่งผลต่ออารมณ์ในชีวิตประจำวัน
  • หากเกาจนเกิดบาดแผลหรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผิวหนังตามมา

Puppp ส่งผลต่อสุขภาพของลูกอย่างไร

โดยทั่วไป Puppp  ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เป็นอันตราย ทารกในครรภ์มักเติบโตตามปกติ เพียงแต่คุณแม่จะไม่สบายตัว ในบางกรณีหากความคันรุนแรงจนส่งผลให้คุณแม่กินไม่ได้ นอนไม่หลับ อาจมีผลทางอ้อมต่อสุขภาพแม่ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม

อาการจะหายเมื่อไร
สำหรับ Puppp เมื่อคุณแม่คลอดลูกแล้ว ฮอร์โมนในร่างกายจะปรับลดลง ผิวหนังที่ถูกยืดออกก็จะเริ่มคืนสภาพ อาการคันและตุ่มผื่นส่วนใหญ่จะดีขึ้นและหายไปเองภายในไม่กี่สัปดาห์หลังคลอด ดังนั้น Puppp จึงถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “อาการไม่รุนแรงแต่สร้างความรบกวนชีวิตประจำวัน” ในช่วงก่อนคลอดนั่นเอง

 

ผื่น puppp  มีลักษณะอย่างไร

เมื่อต้องการสังเกตว่าผื่นคันที่ปรากฏบนท้องหรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายเราคือ puppp  หรือไม่ เราอาจต้องอาศัยการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ร่วมด้วย แต่เบื้องต้นคุณแม่สามารถสังเกตลักษณะของผื่นได้บางประการ

ลักษณะทั่วไปของผื่น puppp 

  1. ตุ่มแดงคล้ายลมพิษ : เริ่มต้นอาจเป็นตุ่มเล็กๆ สีแดง เรียงตัวกันแน่น มองดูแล้วเหมือนผดลมพิษ
  2. ปื้นแดง : เมื่ออาการเป็นมากขึ้น ตุ่มเล็กๆ อาจรวมตัวเป็นปื้นแดงขนาดใหญ่ มักมีขอบเขตไม่ค่อยชัดเจน
  3. คันมาก: จุดเด่นที่สุดคือ “คัน” คุณแม่หลายคนบอกว่าคันจนเกาทั้งวัน โดยเฉพาะตอนกลางคืน หรือเมื่ออากาศร้อน เหงื่อออก
  4. ส่วนใหญ่มักเริ่มที่ท้อง: ผื่นมักเริ่มจากหน้าท้องช่วงที่ผิวหนังถูกยืดมากที่สุด แล้วอาจลุกลามไปตามสะโพก ต้นขา ก้น หรือแขนขาอื่นๆ แต่ในหลายรายผื่นอาจไม่ค่อยปรากฏบริเวณสะดือ
  5. ช่วงอายุครรภ์: มักเกิดในช่วงไตรมาสสาม (ประมาณสัปดาห์ที่ 35 ขึ้นไป) แต่บางครั้งก็อาจเกิดในไตรมาสสองหรือประมาณสัปดาห์ที่ 28-30 ได้เช่นกัน

ตำแหน่งที่ผื่น puppp ขึ้นบ่อย

  • หน้าท้อง: เป็นบริเวณแรกๆ ที่เห็นผื่นอย่างเด่นชัด
  • ต้นขาและสะโพก: เนื่องจากผิวหนังในส่วนนี้ก็ถูกยืดขยายเช่นกันและมีการเสียดสี
  • แขนและขา: บางครั้งผื่นอาจลามไปยังบริเวณปลายแขนและขา สร้างความคันทั่วร่างกาย

อาการแยกแยะจากผื่นอื่น ๆ

  • Pemphigoid Gestationis: มักมีตุ่มน้ำใส กลางตุ่มอาจเป็นน้ำหรือเลือด ดูรุนแรงกว่า puppp  และอาจขึ้นบริเวณสะดือก่อน
  • Prurigo of Pregnancy: ตุ่มมีลักษณะไม่เป็นปื้นกว้างเหมือน PUPPP แต่จะขึ้นกระจายเป็นตุ่มเล็กๆ และมีอาการคันมาก

อย่างไรก็ตาม หากพบผื่นลักษณะใดๆ ที่ทำให้คุณแม่กังวล ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์หรือแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เพื่อจะช่วยให้การรักษาเหมาะสม และสบายใจมากขึ้นว่าผื่นที่เป็นไม่มีอันตรายแอบแฝง

 

ผื่น puppp  รักษาอย่างไร

แม้ว่า puppp โดยส่วนใหญ่จะหายไปเองหลังคลอด แต่การรักษาและบรรเทาอาการคันก็มีความสำคัญอย่างมาก เพราะอาการคันอาจทำให้คุณแม่ใช้ชีวิตประจำวันลำบาก หลับไม่สนิท และเครียดได้ค่ะ

แนวทางการรักษาทั่วไป
1.ทายาแก้คันหรือสเตียรอยด์อ่อนๆ
แพทย์อาจจ่ายครีมหรือขี้ผึ้งสเตียรอยด์ในขนาดความเข้มข้นต่ำ ให้คุณแม่ทาบริเวณผื่นเพื่อบรรเทาอาการคัน ซึ่งคุณแม่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้ยาความเข้มข้นสูงหรือทาต่อเนื่องโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะอาจมีผลข้างเคียงกับคุณแม่และลูกในครรภ์ได้

2.ยาต้านฮิสตามีน (Antihistamines)
ในบางกรณีที่คันมาก แพทย์อาจให้ยาชนิดรับประทานเพื่อยับยั้งการหลั่งสารฮิสตามีนในร่างกาย ช่วยลดการคัน ยากลุ่มนี้มีหลายชนิด บางชนิดอาจทำให้ง่วงนอน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกยาที่เหมาะสมกับแม่ท้อง

3.อาบน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้อง
การอาบน้ำอุ่นจัดๆ อาจกระตุ้นให้ผื่นคันมากขึ้น การอาบน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็น สามารถช่วยลดอาการคันและปลอบประโลมผิว หรืออาจใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำสูตรอ่อนโยน ปราศจากสารก่อการระคายเคือง

4.ใช้ครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้น
ผิวที่แห้งเกินไปทำให้คันยิ่งขึ้น การทาโลชั่นหรือครีมที่ไม่มีสารก่อให้เกิดการแพ้ ช่วยลดการระคายเคืองได้ดี โดยคุณแม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย ปลอดสีและกลิ่นฉุน

5.สวมใส่เสื้อผ้าหลวมๆ ระบายอากาศได้ดี
เลือกเส้นใยธรรมชาติอย่างผ้าฝ้ายจะอ่อนโยนต่อผิวมากกว่า และหลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูปหรือเนื้อผ้าที่ระคายเคืองผิว

การดูแลสุขภาพกายและใจ

  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนน้อยหรือความเครียดอาจกระตุ้นให้ร่างกายคันมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัด: อาการคันมักกำเริบเมื่อเหงื่อออกหรืออุณหภูมิสูง
  • ระวังการเกา: หากคันมากจนเกาแรง อาจทำให้เกิดแผลถลอกหรือการติดเชื้อ ควรใช้วิธีประคบเย็นหรือทายาแทน

เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์

  • หากผื่นลุกลามอย่างรวดเร็ว หรือมีตุ่มน้ำพองใส
  • มีไข้ ปวดแสบปวดร้อน หรือหนาวสั่นร่วมด้วย
  • คันมากจนรบกวนการนอนและกิจวัตรประจำวัน ควรขอคำแนะนำจากแพทย์เพื่อปรับการรักษา

การรักษาผื่น PUPPP จะเน้นการบรรเทาอาการคันเป็นหลัก และโดยทั่วไปเมื่อคลอด อาการผื่นจะหายไปเองในระยะเวลาหนึ่ง ไม่ทิ้งร่องรอยถาวร เพียงแต่ในช่วงที่ผื่นกำเริบ คุณแม่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดบาดแผลติดเชื้อหรือความเครียดที่เกินจำเป็น

เคล็ดลับดูแลอาหารสำหรับแม่ที่มีผื่น PUPPP

  • แม้จะมีผื่น PUPPP แต่การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ก็ยังจำเป็น ควรหลีกเลี่ยงการงดอาหารหมู่ใดหมู่หนึ่งโดยไม่จำเป็น
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะช่วยให้ผิวไม่แห้งและลดอาการคัน
  • เลือกอาหารที่ปรุงสุก สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและเสี่ยงอาหารเป็นพิษ
  • ในบางรายที่สงสัยว่าตนเองอาจแพ้อาหารบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำเฉพาะ

สมดุลระหว่างจิตใจและร่างกาย

  • ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดิน โยคะคนท้อง หรือว่ายน้ำ (หากแพทย์อนุญาต) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด บรรเทาความเครียด
  • พยายามผ่อนคลายจิตใจด้วยการฟังเพลง ทำสมาธิ หรือพูดคุยกับคนในครอบครัว เพราะจิตใจที่ปลอดโปร่งช่วยลดความรู้สึกคันที่อาจรุนแรงเมื่อเครียด

อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่

แม้ว่าการมีผื่น PUPPP จะทำให้คุณแม่กังวลหรือไม่สบายตัว แต่สิ่งหนึ่งที่ควรใส่ใจควบคู่กันเสมอคือ “โภชนาการของคุณแม่” ในช่วงตั้งครรภ์ แม่ไม่ขาด…ลูกได้ครบ​ เสริมโภชนาการที่ดีในช่วงให้นมบุตร เพื่อส่งต่อคุณค่าสารอาหารจากแม่สู่ลูกน้อย​

คุณแม่ให้นมบุตรจำเป็นต้องได้รับโภชนาการครบถ้วน เพื่อให้ร่างกายผลิตน้ำนมแม่ที่มีคุณภาพ และส่งผ่านคุณค่าสารอาหารไปยังลูกน้อย ให้ลูกมีพัฒนาการดีครบรอบด้าน เพียงเสริมด้วยเอนฟามาม่า 2 แก้วต่อวัน ช่วยให้คุณแม่ได้รับแคลเซียมและโคลีน 100% ของปริมาณที่ Thai RDI แนะนำ​


  • dermnetnz. Prurigo of pregnancy. [Accessed]. https://dermnetnz.org/topics/prurigo-of-pregnancy. [28 January 2025]
  • ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. โรคผิวหนังในสตรีตั้งครรภ์ (Skin diseases in pregnancy). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก. https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/lecturestopics/topic-review/6746/.  [28 January 2025]
  • thebump. What Is PUPPP Rash in Pregnancy?. [Accessed]. https://www.thebump.com/a/puppp-rash. [28 January 2025]
  • thebump. What to Do for a Rash During Pregnancy. [Accessed]. https://www.thebump.com/a/rash-during-pregnancy. [28 January 2025]
  • verywellhealth. 10 Causes of Rash During Pregnancy. [Accessed]. https://www.verywellhealth.com/itching-and-rashes-during-pregnancy-82664. [28 January 2025]

 

Line TH
Shopee TH Lazada TH Join Enfamama