หนึ่งในความวิตกกังวลขณะตั้งครรภ์ก็คือ การตั้งครรภ์นั้นอาจนำไปสู่การแท้ง หรือ ภาวะแท้งคุกคาม ได้ ซึ่งมักจะนำมาซึ่งความสูญเสียจนยากจะทำใจ แต่ภาวะแท้งคุกคามเกิดขึ้นได้บ่อยแค่ไหน แล้วมีโอกาสที่จะป้องกันภาวะแท้งคุกคามได้หรือไม่ มาหาคำตอบกันค่ะ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ภาวะแท้งคุกคาม (Threatened Abortion) เป็นลักษณะความผิดปกติของการตั้งครรภ์รูปแบบหนึ่ง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ โดยจะมีเลือดออกทางช่องคลอด ซึ่งเลือดที่ออกทางช่องคลอดในระยะนี้มักพบได้ในผู้หญิงตั้งครรภ์มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์
หรืออาจกล่าวได้ว่า การมีเลือดออกในช่วงแรกของการตั้งครรภ์นั้นเป็นอาการที่พบได้โดยทั่วไป แต่ทว่าจะมีหญิงตั้งครรภ์ราว ๆ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่สามารถอุ้มท้องต่อไปได้จนกระทั่งครบกำหนดคลอด ขณะที่อีกรายหลายพบว่ามีการแท้งไปก่อน
ภาวะแท้งคุกคามนั้นไม่มีสาเหตุการเกิดที่แน่ชัด อีกทั้งการมีเลือดออกทางช่องคลอดในระยะแรก ๆ ของการตั้งครรภ์นั้น ก็สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
เป็นช่วงที่ตัวอ่อนกำลังฝังตัว
เกิดการติดเชื้อในช่องคลอด
การระคายเคืองจากการมีเพศสัมพันธ์
การแท้ง
ตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก
ดังนั้น การมีเลือดออกในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ จึงอาจหมายถึงสาเหตุหนึ่งสาเหตุใดดังที่กล่าวไปข้างต้น หรืออาจจะเป็น ภาวะแท้งคุกคาม ก็ได้
มีปัจจัยเสี่ยงบางประการที่อาจนำไปสู่ภาวะแท้งคุกคามได้ ดังนี้
เกิดความผิดปกติของการตั้งครรภ์ เช่น โครโมโซมผิดปกติ ทารกเกิดความผิดปกติตั้งแต่อยู่ในครรภ์
การตั้งครรภ์ตอนอายุมาก ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปมีโอกาสสูงที่จะเกิดการแท้ง
มีประวัติการแท้งมาก่อน อาจเพิ่มความเสี่ยงของการแท้งในครรภ์ต่อมาได้
อุบัติเหตุรุนแรง การพลัดตก หกล้ม หรือถูกกระทบกระเทือนที่ท้อง อาจนำไปสู่การแท้งได้
ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือเสพสารเสพติด อาจเพิ่มความเสี่ยงของความผิดปกติในการตั้งครรภ์
การมีเลือดออกในช่วงแรกสุดของการตั้งครรภ์ อาจหมายถึง เลือดล้างหน้าเด็ก ที่เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนลงในเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังจากที่ไข่กับอสุจิเกิดการปฏิสนธิกันผ่านไปแล้วประมาณ 7-10 วัน
ในขณะที่เลือดออกจากภาวะแท้งคุกคาม มักจะเกิดขึ้นในช่วงใดก็ได้ภายใน 20 สัปดาห์ ของการตั้งครรภ์
อาการหลัก ๆ ที่อาจแสดงถึงภาวะแท้งคุกคามคือการมีเลือดออกทางช่องคลอดในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ และมีอาการปวดท้อง ปวดท้องน้อย ปวดเป็นตะคริวที่บริเวณท้องร่วมด้วย หากมีอาการร่วมเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ทันที
โดยปกติแล้ว หากมีเลือดออกขณะตั้งครรภ์ไม่ว่าจะระยะใด หรือตั้งครรภ์ไตรมาสไหน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยทันที รวมถึงหากมีอาการดังต่อไปนี้ ก็ควรไปพบแพทย์โดยทันที
มีเลือดออกทางช่องคลอดมากผิดปกติ จนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ ชั่วโมง
มีอาการปวดท้องรุนแรง ปวดเป็นตะคริว คล้ายกับอาการปวดท้องประจำเดือน
มีไข้สูง
อาเจียนอย่างรุนแรง
เมื่อมีภาวะแท้งคุกคาม และสูญเสียทารกไปแล้ว แพทย์อาจแนะนำให้มีการดูแลตัวเองง่าย ๆ ดังนี้
หลีกเลี่ยงการออกแรง งดการเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ไม่ฉีดหรือสอดใส่สิ่งใดเข้าช่องคลอด แม้แต่ผ้าอนามัยแบบสอดก็ควรงดใช้
งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการต่าง ๆ จะดีขึ้น หรือควรรออย่างน้อย 1 สัปดาห์แล้วจึงมีเพศสัมพันธ์ หรือสอบถามกับแพทย์ก่อนเพื่อความมั่นใจ
หลังจากทำการรักษาภาวะแท้งคุกคามแล้ว ควรกลับไปพบแพทย์ตามที่นัดหมายเอาไว้ เพื่อทำการตรวจเช็กร่างกายอีกครั้ง โดยแพทย์มักจะนัดให้กลับไปตรวจอีกครั้งเมื่อผ่านไปประมาณ 2-3 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ภาวะแท้งคุกคามไม่ได้หมายความว่าจะมีการแท้งลูกจริง ๆ เสมอไป มีหลายกรณีที่การตั้งครรภ์ยังสามารถดำเนินต่อไปได้จนคลอด
ซึ่งหากได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ามีภาวะแท้งคุกคาม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เราไม่สามารถป้องกันภาวะแท้งคุกคามได้ เนื่องจากสาเหตุการเกิดภาวะแท้งคุกคามเองก็ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การหมั่นดูแลตัวเองตั้งแต่ก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์อย่างสมบูรณ์ได้ ดังนี้
ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
ไม่สูบบุหรี่
ไม่เสพสารเสพติด
หลีกเลี่ยงหรือจำกัดการดื่มหรือกินอาหารที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติเสมอ
ออกกำลังกายเป็นประจำ
ผ่อนคลายอารมณ์อยู่เสมอ
กินอาหารที่มีประโยชน์
ป้องกัน หรือรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อดังกล่าวลุกลามไปยังทารกในครรภ์
ระยะเวลาของเลือดออกจากภาวะแท้งคุกคามนั้นไม่ตายตัว บางกรณีอาจมีเลือดออกมากหรือออกน้อยแตกต่างกันไป ก็จะทำให้ระยะเวลาที่มีเลือดออกนั้นต่างกันไปด้วย
การมีเลือดออกกระปริดกระปรอยขณะตั้งครรภ์ อาจเป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวล หากเป็นกรณีที่ตัวอ่อนมีการฝังตัวในเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งจะทำให้เกิดเลือดล้างหน้าเด็กออกมาทางช่องคลอด
แต่...ถ้ามีเลือดออกกระปริดกระปรอยติดต่อกันหลายวันหรือหลายสัปดาห์ หรือมีอาการปวดหน่วงที่ท้องน้อย ปวดคล้ายเป็นตะคริวแบบเป็น ๆ หาย ๆ ที่ท้องน้อย หรือปวดท้องคล้ายมีประจำเดือนร่วมด้วย อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะแท้งคุกคาม
เลือดออกในช่วงต้นของการตั้งครรภ์สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น อาจเป็นเลือดล้างหน้าเด็ก หรือมีการติดเชื้อในช่องคลอด
แต่ถ้ามีเลือดออกในช่วงสัปดาห์ที่ 20 ของการตั้งครรภ์ และมีอาการปวดหน่วงที่ท้องน้อย ปวดคล้ายเป็นตะคริวแบบเป็น ๆ หาย ๆ ที่ท้องน้อย หรือปวดท้องคล้ายมีประจำเดือนร่วมด้วย อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะแท้งคุกคาม
เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเลือดออกขณะตั้งครรภ์นั้นเป็นการแท้งหรือไม่ เพราะการมีเลือดออกขณะตั้งครรภ์สามารถหมายถึงอาการอื่น ๆ ได้หลายอาการ อาจเป็นการแท้งหรือไม่ก็ได้
ดังนั้น หากพบว่ามีเลือดออกขณะตั้งครรภ์ ไม่ว่าในระยะใด ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยว่าเสี่ยงต่อการแท้งหรือไม่
โดยทั่วไปแล้วการมีเลือดออกขณะตั้งครรภ์นั้นไม่ควรชะล่าใจ เนื่องจากอาจหมายถึงอาการอื่น ๆ ที่ปกติต่อสุขภาพ หรือผิดปกติต่อการตั้งครรภ์ก็ได้
ดังนั้น หากมีเลือดออก จะมีอาการร่วมหรือไม่มีอาการร่วม ก็ควรไปพบแพทย์ทันที
การตรวจหาภาวะแท้งคุกคาม จำเป็นต้องมีการตรวจในหลายขั้นตอนเพื่อการวินิจฉัย โดยสามารถทำการวินิจฉัยได้ ดังนี้
การตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อดูว่าทารกยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หรือเกิดความผิดปกติในการตั้งครรภ์อื่น ๆ อยู่หรือไม่
การตรวจระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์ หรือ hCG เพื่อดูว่าระดับฮอร์โมนตั้งครรภ์ลดลงหรือไม่ ก็จะสามารถบอกได้ว่า ทารกในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
การซักประวัติ โดยจะเป็นคำถามทั่วไปเกี่ยวกับตัวคุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อดูว่าพบความผิดปกติในช่วงใด หรือมีความผิดปกติอื่น ๆ อีกหรือไม่
ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์กว่าร้อยละ 50 ที่มีภาวะแท้งคุกคาม แต่ยังสามารถอุ้มท้องต่อไปได้จนกระทั่งคลอด และผู้ที่มีประวัติภาวะแท้งคุกคามมาก่อน ก็ยังสามารถที่จะตั้งครรภ์โดยสมบูรณ์ได้อีกครั้งเช่นกัน
แต่ควรปรึกษากับแพทย์ก่อนที่จะวางแผนการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป เพื่อประเมินโอกาสและความเป็นไปได้ และเพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย
หากมีภาวะท้องคุกคาม แต่ตัวอ่อนยังมีชีวิตอยู่ และสามารถอุ้มท้องต่อไปได้จนถึงคลอด โดยมากแพทย์มักแนะนำให้งดการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือน หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
แต่ในกรณีที่มีภาวะแท้งคุกคามและสูญเสียทารกไปแล้ว แพทย์จะแนะนำให้รอจนกว่าร่างกายจะฟื้นตัวดี โดยทั่วไปก็จะประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังจากทำการรักษาภาวะคุกคาม
หากมีภาวะท้องคุกคาม แต่ตัวอ่อนยังมีชีวิตอยู่ คุณแม่ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ และลดอาหารที่เสี่ยงต่อทารกในครรภ์ เช่น อาหารที่มีรสเผ็ดจัด แอลกอฮอล์ คาเฟอีน รวมถึงสารเสพติดทุกชนิดด้วย
หากมีภาวะท้องคุกคาม แต่ตัวอ่อนยังมีชีวิตอยู่ โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะไม่แนะนำให้คุณแม่มีการเคลื่อนไหวมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน หรือการวิ่ง รวมถึงกิจกรรมที่ต้องมีการเกร็งท้องนาน ๆ หรือเพิ่มความดันในช่องท้อง หรือยกของหนัก ๆ ควรงดไว้ทั้งหมด แม้แต่การขับรถเองก็ควรจะต้องงดไปก่อน
- eMedicineHealth. Threatened Miscarriage. [Online] Accessed https://www.emedicinehealth.com/threatened_miscarriage/article_em.htm. [1 February 2022]
- Healthline. Threatened Abortion (Threatened Miscarriage). [Online] Accessed https://www.healthline.com/health/miscarriage-threatened. [1 February 2022]
- Lahey Hospital & Medical Center. Threatened Abortion. [Online] Accessed https://www.lahey.org/lhmc/department/gynecology/conditions-treatments/…. [1 February 2022]
- Medical News Today. How to care for yourself after an abortion. [Online] Accessed https://www.medicalnewstoday.com/articles/322533. [1 February 2022]
- คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. ภาวะแท้งคุกคาม (Threatened abortion). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.si.mahidol.ac.th/siriraj_online/thai_version/Health_detail…. [1 กุมภาพันธ์ 2022]
- โรงพยาบาลเปาโล. ภาวะแท้งคุกคาม…อันตรายแค่ไหนกับ “คุณแม่&คุณลูก”. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.paolohospital.com/th-TH/chokchai4/. [1 กุมภาพันธ์ 2022]
- โรงพยาบาลพญาไท. ภาวะแท้งคุกคาม. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.phyathai.com/article_detail/. [1 กุมภาพันธ์ 2022]
Enfa สรุปให้ การตรวจเลือดตั้งครรภ์ เป็นวิธีการตรวจการตั้งครรภ์ที่ได้รับความนิยมและมีความแม่นยำสู...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ควรเริ่มฝากครรภ์ภายในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 12 สัปดาห์แรก แ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ฝากครรภ์ไม่จำเป็นต้องให้สามีไปด้วยเสมอไป แต่หากคุณหมอได้ตรวจเลือดของคุณพ่อด้วย ก็จะ...
อ่านต่อ