Enfa สรุปให้
- ทารกเป็นหวัดหายใจครืดคราดหรือทารกเป็นหวัดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยหลักแล้ว เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของทารกนั้นยังไม่ได้มีความแข็งแรงมากพอจะต่อสู้กับเชื้อไวรัสหรือเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ไม่เต็มที่
- อาการที่สามารถสังเกตได้เมื่อทารกเป็นเป็นหวัด หรือเป็นไข้หวัดในเด็ก เช่น ทารกเป็นหวัดหายใจครืดคราด ทารกจะมีน้ำมูกไหล หรือน้ำมูกของทารกมีสีที่เปลี่ยนไปจากปกติจะเป็นสีใส ๆ แต่กลายเป็นสีเหลือง หรือสีเขียว
- ทารกวัยตั้งแต่ 0-3 เดือนมีไข้สูง และมีอาการร่วมอื่น ๆ ที่คล้ายกับอาการเป็นหวัด จำเป็นต้องพาไปพบแพทย์ทันที เพราะในเด็กทารกที่อายุน้อยเดือนมาก ๆ เช่นนี้ แม้จะแค่มีไข้ก็ถือว่าอันตราย
เลือกอ่านตามหัวข้อ
• ทารกเป็นหวัดหายใจครืดคราด
• อาการหวัดในเด็กเป็นยังไง
• เด็กเป็นหวัด อันตรายแค่ไหน
• ลูกเป็นไข้หวัดธรรมดา หรือ ไข้หวัดใหญ่ในเด็ก
• อาการหวัดแบบไหนที่ต้องพาลูกไปหาหมอ
• วิธีดูแลเมื่อลูกเป็นไข้หวัด
• ทารกเป็นหวัด กินยาได้ไหม
• วิธีป้องกันไข้หวัดในทารก
• ไขข้องข้องใจเมื่อลูกน้อยเป็นหวัดกับ Enfa Smart Club
ทารก เป็นช่วงวัยแห่งความบอบบางและเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยง่าย อากาศเปลี่ยนนิดหน่อย หรือสัมผัสกับสิ่งสกปรกก็ส่งผลให้เจ้าตัวเล็กไม่สบายได้ โดยเฉพาะหวัดหรือไข้หวัด ซึ่งพบได้บ่อยมากในเด็กทารก ซึ่งแม้จะเกิดขึ้นบ่อยจนเป็นเป็นเรื่องปกติ แต่คุณแม่ก็ไม่ควรชะล่าใจปล่อยผ่านไป เพราะถ้าไม่ดูแลหรือป้องกัน ก็อาจจะส่งผลในระยะยาวกับสุขภาพของลูกน้อยได้
บทความนี้ของ Enfa มีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับอาการทารกเป็นหวัด มาดูกันว่าอาการแบบไหนนะที่กำลังบอกว่าลูกเป็นหวัด แล้วเด็กเป็นหวัดลักษณะไหนที่เข้าขั้นอันตรายและต้องไปพบแพทย์
ทารกเป็นหวัดหายใจครืดคราด เกิดจากอะไร?
ทารกเป็นหวัดหายใจครืดคราด หรือทารกเป็นหวัด เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักเลยก็คือ ระบบภูมิคุ้มกันของทารกนั้นยังไม่ได้มีความแข็งแรงมากพอจะต่อสู้กับเชื้อไวรัสหรือเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ไม่เต็มที่ ซึ่งอาจจะมีสาเหตุเกิดจากสิ่งเหล่านี้
- หากมีใครมาไอ หรือจามใกล้ ๆ ทารกก็เสี่ยงที่จะรับเอาเชื้อไวรัสนั้นได้โดยตรง
- ของเล่น หรือวัตถุใด ๆ ก็ตามที่ทารกหยิบเล่น หรือหยิบเข้าปาก หากไม่สะอาดหรือมีเชื้อโรคปะปน ทารกก็เสี่ยงที่จะรับเอาเชื้อโรคเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายได้
- การที่ทารกสัมผัสกับพี่น้อง พ่อแม่ หรือญาติคนอื่น ๆ ที่อาจจะมีเชื้อหวัดอยู่ ก็เสี่ยงที่จะได้รับเชื้อหวัดเช่นกัน
- ปัจจัยแวดล้อมอย่างสภาพอากาศ อุณหภูมิภายในบ้านที่เย็นเกินไป หรือไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ก็มีผลทำให้ทารกเป็นหวัดได้
อาการแบบไหนที่บอกว่าลูกเป็นหวัด
หากคุณแม่สังเกตเห็นอาการหรือสัญญาณดังต่อไปนี้ ก็เป็นไปได้ว่าเจ้าตัวเล็กอาจจะกำลังเป็นหวัด อาการเด่น ๆ ที่บอกว่าทารกอาจเป็นหวัด เช่น
- ทารกมีน้ำมูกไหล
- น้ำมูกของทารกมีสีที่เปลี่ยนไป จากปกติจะเป็นสีใส ๆ แต่กลายเป็นสีเหลือง หรือสีเขียว อาการร่วมอื่น ๆ
- มีไข้
- ปวดตามตัว ทารกรู้สึกไม่สบายตัว
- อ่อนเพลีย
- ปวดศีรษะ
- เจ็บหน้าอก
- คลื่นไส้
- อาเจียน หรือท้องเสีย
เด็กเป็นหวัดอันตรายแค่ไหน?
เด็กมักจะเป็นหวัดบ่อยอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ และโดยมากมักจะหายเองได้ภายใน 5-7 วัน วิธีบรรเทาอาการไอของลูกน้อย ด้วยการให้ยาแก้ไอ การกินยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ การล้างจมูกทารกเพื่อลดน้ำมูก การเช็ดตัว ควบคุมอุณหภูมิร่างกายของลูกน้อยให้เหมาะสมเมื่อลูกตัวร้อน ดูแลความสะอาดของสภาพแวดล้อมที่เด็ก ๆ อาศัยอยู่ ก็สามารถช่วยให้อาการหวัดของทารกทยอยดีขึ้นตามลำดับได้
สังเกตยังไงว่า ลูกเป็นไข้หวัดธรรมดา (Common Cold) หรือไข้หวัดใหญ่ในเด็ก (Influenza)
ไข้หวัดธรรมดา กับ ไข้หวัดใหญ่ในเด็กนั้นมีลักษณะอาการที่ไม่แตกต่างกันมาก แต่ก็สามารถที่จะแยกออกได้ ดังนี้
อาการเด่น ๆ ของไข้หวัดธรรมดาในเด็ก
- ทารกมีน้ำมูกไหล
- น้ำมูกของทารกมีสีที่เปลี่ยนไป จากปกติจะเป็นสีใส ๆ แต่กลายเป็นสีเหลือง หรือสีเขียว
อาการเด่น ๆ ของไข้หวัดใหญ่ในเด็ก
- ทารกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ นอนยาวกว่าปกติ
- มีไข้สูงตั้งแต่ 37.5 ขึ้นไป
- มีอาการไอและเจ็บคอ
- ปวดศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนแรงผิดปกติ
- อาเจียน และท้องเสีย
หากลูกน้อยเป็นหวัดแล้วมีอาการแบบนี้ คุณแม่ควรรีบพาไปพบแพทย์
แม้โดยทั่วไปแล้วทารกที่เป็นหวัดจะสามารถหายได้เองภายใน 5-7 วัน แต่ก็มีกรณีที่ไม่สามารถปล่อยให้หายเองได้ และจำเป็นต้องไปพบแพทย์ ได้แก่
เมื่อทารกวัย 0-3 เดือนเป็นหวัดแล้วมีอาการต่อไปนี้
ทารกวัยตั้งแต่ 0-3 เดือนมีไข้สูง และมีอาการร่วมอื่น ๆ ที่คล้ายกับอาการเป็นหวัด จำเป็นต้องพาไปพบแพทย์ทันที เพราะในเด็กทารกที่อายุน้อยเดือนมาก ๆ เช่นนี้ แม้จะแค่มีไข้ก็ถือว่าอันตราย ควรได้รับการวินิจฉัยและรับการรักษากับแพทย์ เนื่องจากอาการหวัดและมีไข้สูง อาจนำไปสู่อาการทางสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นอันตรายได้ เช่น ปอดบวม การติดเชื้อในหู เป็นต้น
เมื่อลูกน้อยวัย 3 เดือนขึ้นไปเป็นหวัดแล้วมีอาการต่อไปนี้
สำหรับทารกที่มีอายุตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป และเป็นหวัด ประกอบกับมีอาการดังต่อไปนี้ ควรพาไปพบแพทย์
- ปัสสาวะน้อยกว่าปกติจนเห็นได้ชัด
- ไข้สูงตั้งแต่ 38 องศาขึ้นไป
- ทารกมีอาการเจ็บหรือระคายเคืองที่หู
- มีอาการตาแดง หรือสีของดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หรือออกเขียวช้ำ ๆ
- หายใจลำบาก หายใจมีเสียงครืดคราด
- มีอาการไอเรื้อรัง ไอไม่หยุด
- มีน้ำมูกหนา น้ำมูกมีสีเขียวติดต่อกันหลายวัน
- มีอาการที่ผิดปกติไปจากทุกวัน เช่น ร้องไห้บ่อย ไม่กินนม ไม่กินอาหาร ตกใจง่าย
และควรไปพบแพทย์ทันที หากมีอาการดังต่อไปนี้
- ทารกไม่ยอมกินยา แม้จะเป็นยาน้ำก็ตาม
- ไอแรงจนอาเจียน หรือไอแรงมากจนกระทั่งสีผิวเปลี่ยน เช่น ผิวแดงขึ้นทั้งตัว
- ไอมีเสมหะเป็นเลือด
- หายใจไม่ออก หายใจลำบาก ริมฝีปากเริ่มมีสีคล้ำ
- นอนเยอะผิดปกติ ไม่ค่อยร่าเริง อ่อนเพลียตลอดทั้งวัน
ดูแลลูกน้อยอย่างไรเมื่อลูกเป็นไข้หวัด
ปกติแล้วถ้าลูกเป็นหวัดธรรมดา ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลอะไรมากนัก เพราะอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ และเจ้าตัวเล็กจะหายหวัดไปเองใน 5-7 วัน ซึ่งแม่สามารถดูแลลูกน้อยเมื่อเป็นหวัดเบื้องต้นได้ ดังนี้
- ให้ลูกกินยาลดไข้ เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป สามารถกินยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ได้ แต่ต้องอยู่ในปริมาณยาที่แพทย์และเภสัชกรแนะนำเท่านั้น ไม่ควรให้ลูกกินยาตามความเข้าใจไปเองของคุณแม่ และไม่ควรซื้อยาอื่น ๆ มาให้ลูกกินโดยที่ไม่ได้ปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อน
- ปรับอุณหภูมิในห้อง หากลูกเป็นหวัด คุณแม่ไม่ควรให้อุณหภูมิห้องเย็นจนเกินไป แต่ก็ต้องไม่ร้อนจนเกินไปด้วย อาจเป็นการเปิดพัดลมให้ส่ายไปมา หรือเปิดหน้าต่างเพื่อให้มีอากาศถ่ายเท
- ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำที่อุณหภูมิห้อง ระวังอย่าให้ลูกดื่มน้ำเย็น แต่ควรให้ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำที่อุณหภูมิห้องเท่านั้น และควรให้ลูกจิบน้ำอยู่บ่อย ๆ เพื่อลดไข้ ลดการสูญเสียน้ำ และป้องกันอาการขาดน้ำด้วย
- ปรุงอาหารให้สุกและสะอาด สำหรับเด็กทารกที่เริ่มกินอาหารอื่น ๆ นอกจากนมแม่แล้ว คุณแม่ต้องระวังเป็นพิเศษ อาหารที่จะให้เจ้าตัวเล็กกินควรปรุงสุกและสะอาด นอกจากจะช่วยให้ลูกฟื้นตัวเร็วจากอาการป่วยแล้ว ก็ยังหลีกเลี่ยงการรับเชื้อโรคจากอาหารที่ปรุงไม่สุกและไม่สะอาด
- เช็ดน้ำมูกบ่อย ๆ หากลูกมีน้ำมูกไหลออกมาเยอะ คุณแม่ควรดูแลและคอยเช็ดน้ำมูกอยู่เสมอ หรือจะใช้ผ้าที่นุ่มม้วนให้เป็นปลายแหลมแล้วแหย่เข้าไปในรูจมูกของทารกเพื่อซับน้ำมูกก็ได้เช่นกัน แต่ควรแหย่เข้าไปเบา ๆ และใช้ผ้าที่สะอาดเท่านั้น
ลูกเป็นหวัด หายใจไม่สะดวก คุณแม่จะรับมือยังไงดี?
กรณีที่เจ้าตัวเล็กคัดจมูก หายใจไม่ออก หรือหายใจไม่สะดวก คุณแม่สามารถดูแลได้หลายวิธี ดังนี้
- ให้ทารกดื่มหรือจิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมูกข้นหรือเหนียว
- ล้างจมูกลูกด้วยน้ำเกลือ หรืออาจจะหยดน้ำเกลือเข้าไปที่รูจมูกของทารกข้างละ 2-3 หยด เพื่อให้น้ำมูกเหลว และใช้ลูกยางดูดน้ำมูกออกมา
- เปลี่ยนท่านอนให้เด็กนอนตะแคง อาจช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น
- ดูแลให้บรรยากาศในห้องนอนไม่อบอ้าวหรืออึดอัด ควรจัดห้องให้มีอากาศถ่ายเท และมีความชื้นพอเหมาะ
ทำอย่างไรเมื่อทารกมีเสมหะ?
กรณีที่ทารกเป็นหวัด มีเสมหะ คุณแม่สามารถดูแลได้หลายวิธี ดังนี้
- ให้ทารกดื่มหรือจิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อละลายเสมหะไม่ให้ข้นเหนียว และเสมหะสามารถไหลออกมาได้ง่ายขึ้น
- ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ หรืออาจจะหยดน้ำเกลือเข้าไปที่รูจมูกของทารกข้างละ 2-3 หยด เพื่อให้น้ำมูกเหลว และใช้ลูกยางดูดน้ำมูกออกมา
- การเคาะระบายเสมหะ โดยคุณแม่ใช้ผ้าขนหนูบาง ๆ วางบนบริเวณทรวงอกของลูก และขยุ้มมือเข้าหากันให้ปลายนิ้วชิดกัน จากนั้นวนเป็นวงกลมเร็ว ๆ ประมาณ 3 ครั้งต่อวินาที โดยเริ่มจากทางซ้ายและเลื่อนไปทางขวาของทรวงอก ท่านี้จะช่วยให้ทารกรู้สึกสบายตัวมากขึ้น นอนหลับได้ง่ายขึ้น
ทารกเป็นหวัด หายใจครืดคราด หรือหายใจแรง ผิดปกติหรือเปล่า?
ทารกที่เป็นหวัด หลายรายมักจะมีอาการหายใจไม่สะดวก บางครั้งก็หายใจแรงหรือลูกมีเสมหะหายใจครืดคราดไม่มีไข้ ซึ่งอาจเป็นอาการหนึ่งของไข้หวัดที่เป็นอยู่ แต่อาการเหล่านี้ก็มักจะหายไปได้เองใน 5-7วัน หรืออย่างช้าสุดก็ราว ๆ 10 วัน ไปจนถึง 2 สัปดาห์
ทารกเป็นหวัด ควรนอนท่าไหน
ทารกเป็นหวัดที่มีอายุน้อยกว่า 3 เดือน คุณแม่สามารถจับทารกนอนในท่าตะแคงเพื่อให้หายใจสะดวกขึ้นได้ แต่ถ้าทารกโตขึ้นมาสักหน่อย ก็อาจจะให้นอนตะแคง แต่นอนหนุนหมอนที่สูงขึ้น
ทารกเป็นหวัด คุณแม่สามารถให้ลูกกินยาได้ไหม?
ทารกที่เป็นหวัดกินยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวด และลดไข้ ตามปริมาณยาที่แพทย์กำหนดก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะอื่น ๆ อีก
ส่วนกรณีที่เด็กมีอาการไอร่วมด้วย หรือมีเสมหะมาก ตรงนี้อาจจะต้องปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรก่อนว่าควรให้เด็กกินยาลดเสมหะหรือยาแก้ไอร่วมด้วยหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นโดยไม่ต้องกินยาอื่น ๆ เพิ่ม และยายังอาจมีผลข้างเคียงต่อทารกด้วย
ป้องกันไข้หวัดในทารกยังไงดี?
เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกเป็นหวัดได้ง่าย ๆ คุณแม่สามารถดูแลทารกได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ดังนี้
- พาลูกไปฉีดวัคซีนเด็กเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามนัด
- หลีกเลี่ยงการให้ญาติพี่น้องและคนอื่น ๆ ที่ไม่สบาย หรือเป็นหวัดเข้าใกล้ทารก
- ก่อนที่คนอื่น ๆ จะสัมผัสกับทารก คุณแม่ควรบอกให้ล้างมือให้สะอาดก่อนเสมอ
- ทำความสะอาดของเล่นและของใช้สำหรับเด็กอยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกได้รับเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียผ่านของใช้ในชีวิตประจำวัน
- เตือนคนในบ้านว่าเวลาไอหรือจาม ควรปิดปากและจมูกด้วยทิชชู แล้วนำไปทิ้งให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เสมหะจากการไอหรือจามฟุ้งภายในบ้าน
- ระวังไม่ให้คนอื่น ๆ หอม จูบ หรือสัมผัสที่ใบหน้าของทารก
- ของใช้ของทารกควรแยะออกมาต่างหาก ไม่ควรนำมาใช้ปะปนกับของใช้ทั่วไป
ไขข้องข้องใจเมื่อลูกน้อยเป็นหวัดกับ Enfa Smart Club
1. ลูกเป็นหวัด ทุบหอมแดงไว้ที่หัวเตียงช่วยได้ไหม?
หอมแดง ไม่ถึงกับจะทำให้อาการหวัดหายเป็นปลิดทิ้งได้ในทันที แต่การดมหอมแดง หรือได้กลิ่นของหอมแดง สามารถที่จะช่วยลดอาการคัดจมูกได้ เพราะในหอมแดงมีสารระเหยที่มีสรรพคุณคล้ายกับอโรมาเธอราพี ช่วยให้อาการคัดจมูกดีขึ้นได้ค่ะ
2. ทารก 1 เดือนเป็นหวัด ผิดปกติไหม?
ทารกมักจะเป็นหวัดบ่อย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าลูกอายุน้อยกว่า 3 เดือนแล้วเป็นหวัด คุณแม่ต้องรีบพาไปพบแพทย์ เพราะอาจเสี่ยงอันตรายได้เนื่องจากทารกยังเล็กอยู่มาก และระบบภูมิคุ้มกันก็ยังทำงานได้ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์
3. ทารกเป็นหวัดอาบน้ำได้ไหม?
เมื่อลูกเป็นหวัด การเช็ดตัวจะช่วยเปิดรูขุมขน ระบายความร้อน กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้ดี ซึ่งเหมาะสำหรับการดูแลทารกที่มีไข้สูง และอ่อนเพลียมาก แต่ในส่วนของทารกที่เป็นหวัด แต่อาการไม่ได้รุนแรง และไม่ได้อ่อนเพลียจนผิดปกติ ก็สามารถอาบน้ำได้ปกติ
ข้อสำคัญคือ ไม่ว่าจะเช็ดตัว หรืออาบน้ำ ก็ไม่ควรใช้น้ำเย็น แต่ควรใช้น้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นจะดีที่สุด
4. ทารกเป็นหวัดหายใจไม่สะดวก อันตรายไหม?
อาการหายใจไม่สะดวกเมื่อทารกเป็นหวัด สามารถพบได้แทบจะเป็นปกติ แต่ในกรณีที่ทารกหายใจไม่ออกติดต่อกันหลายวัน และอาการเป็นหวัดไม่ดีขึ้น หรือทารกมีอายุน้อยกว่า 3 เดือนและมีอาการเป็นหวัด หายใจไม่ออก ควรพาไปพบแพทย์ทันที
5. ลูกเป็นหวัดหายใจแรง ต้องไปหาหมอหรือเปล่า?
อาการหายใจไม่สะดวก หายใจแรง เมื่อทารกเป็นหวัด สามารถพบได้ตามปกติ แต่ถ้าอาการดังกล่าวเป็นติดต่อกันหลายวัน หรือมากกว่า 3 วัน หรือทารกมีอายุน้อยกว่า 3 เดือนและมีอาการเป็นหวัด หายใจแรง ควรพาไปพบแพทย์ทันที
- March of Dimes. INFLUENZA (FLU) AND YOUR BABY. [Online] Accessed https://www.marchofdimes.org/complications/influenza-and-your-baby.aspx. [18 March 2022]
- WebMD. Your Baby and the Flu: FAQ. [Online] Accessed https://www.webmd.com/children/your-baby-flu-faq. [18 March 2022]
- WebMD. When Your Baby Has a Cold. [Online] Accessed https://www.webmd.com/children/guide/identify-child-cold-symptoms. [18 March 2022]
- Mayo Clinic. Common cold in babies. [Online] Accessed https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold-in-babies/sy…. [18 March 2022]
- Verywell family. Does an Onion in the Room Stop a Cold or Flu?. [Online] Accessed https://www.verywellhealth.com/will-an-onion-in-the-room-stop-a-cold-or…. [18 March 2022]
- โรงพยาบาลพญาไท. เมื่อลูกเป็นหวัด มีไข้ ดูแลอย่างไรให้หายดี. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.phyathai.com/article_detail/2729/th/. [18 มีนาคม 2022]
- คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. เมื่อลูกเป็นหวัด. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.si.mahidol.ac.th/siriraj_online/thai_version/Health_detail… [18 มีนาคม 2022]
- โรงพยาบาลกรุงเทพ. ลูกเป็นหวัดบ่อยดูแลอย่างไรให้ถูกวิธี. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.bangkokhospital.com/content/how-to-take-care-of-childrens-c… [18 มีนาคม 2022]
- โรงพยาบาลกรุงเทพ. อาการคัดจมูก ในลูกรัก. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.bangkokhospitalkhonkaen.com/mother-and-child/article/160275… [18 มีนาคม 2022]
- โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์. ไข้หวัดในเด็ก อย่าปล่อยให้เรื้อรัง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/978 [18 มีนาคม 2022]
- โรงพยาบาลวิภาวดี. ช่วยเด็กเพื่อไอเอาเสมหะออกเองได้อย่างไร. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.vibhavadi.com/Health-expert/detail/10 [18 มีนาคม 2022]
- Thai PBS. น้ำหอมแดง แก้หวัด คัดจมูก : กินดี อยู่ดี กับหมอพรเทพ (18 ธ.ค. 63). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.youtube.com/watch?v=325WcCGP02s. [18 มีนาคม 2022]
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
- ลูกท้องผูก ลูกถ่ายไม่ออก เช็กวิธีแก้ฉบับแม่มือโปร!
- ลูกอาเจียน ลูกอ้วกบ่อย ทำยังไงดีนะ
- ทารกท้องอืด ไม่สบายท้อง ร้องไห้โยเย แม่จ๋ารับมือยังไงดี
- Solid Food อาหารมื้อแรกของลูก เริ่มเมื่อไหร่ เริ่มยังไง
- ฝึกลูกกินอาหารเองด้วยวิธี BLW คืออะไร ฝึกยังไงให้ได้ผล
- ของเล่นเด็ก เลือกให้ปลอดภัย เหมาะกับวัย และเสริมทักษะ
- ลูกไม่กินข้าว เบื่ออาหาร ปัญหาชวนปวดจิต ที่รับมือได้
- ภูมิแพ้ในเด็ก คุณแม่ควรรับมืออย่างไรเมื่อลูกน้อยเป็นภูมิแพ้
- สอนลูกขออั่งเปาตั่วตั่วไก๊ และศัพท์อวยพรตรุษจีน 2567
- ลูกหายใจแรงและเร็วเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ลูกหายใจครืดคราดไหม
- ให้นมลูกอยู่ แม่เป็นหวัดทารกจะติดไหม
- โรค hMPV คืออะไร ไวรัส hMPV ติดเชื้อแล้วอันตรายจริงหรือ?