ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
how-to-choose-a-baby-formula

เลือกนมผงยังไงให้คุ้มค่า และ SMART ที่สุด

Enfa สรุปให้

  • นมแม่เป็นโภชนาการที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย แต่ในกรณีที่คุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ นมผงจึงเป็นอีกทางหนึ่งสำหรับคุณแม่ เพื่อให้ลูกน้อยได้รับโภชนาการที่ครบถ้วน
  • นมผงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากน้ำนม ครีม หรือหางนม นำมาผ่านกรรมวิธีจนได้ผลิตภัณฑ์ในลักษณะที่เป็นผงแห้ง มีเนื้อละเอียด เมื่อนำมากินจะต้องนำมาชงผสมกับน้ำเพื่อละลาย
  • นมผงสำหรับเด็กมีหลากหลายสูตรและมีความแตกต่างกัน ได้แก่ นมผงสูตร 1 เป็นนมผงสำหรับเด็กทารกแรกเกิด – 6 เดือน นมผงสูตร 2 เหมาะสำหรับทารกวัย 6 – 12 เดือน นมผงสูตร 3 เหมาะสำหรับเด็กวัย 1 ขวบชึ้นไปและทุกคนในครอบครัว และนมผงสูตรพิเศษ เป็นนมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เช่น เด็กที่มีอาการแพ้โปรตีนนมวัว เด็กเกิดก่อนกำหนด เป็นต้น

เลือกอ่านตามหัวข้อ

     • นมผงเด็กคืออะไรและมีกี่สูตร
     • วิธีเลือกซื้อนมผงที่ดีที่สุด 
     • วิธีชงนมผงทำอย่างไร
     • เข้าใจวิธีเปลี่ยนนมผงเด็ก
     • ไขข้อข้องใจเรื่องนมผงกับ Enfa Smart Club

นมแม่ เป็นนมที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยและเด็กทุก ๆ คน โดยนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญมากมายที่เป็นประโยชน์กับลูก แต่มีกรณีไหนบ้างที่คุณแม่อาจจะต้องพิจารณาให้นมผงสำหรับเด็กกับลูกน้อย เพื่อทดแทนนมแม่ เช่น มีโรคประจำตัว การกินยาบางชนิดที่ทำให้ไม่สามารถให้นมได้ หรือเปลี่ยนสูตรนมให้เหมาะสมกับช่วงวัย การให้นมผงสำหรับเด็ก เพื่อทดแทนนมแม่จึงเข้ามาเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับคุณแม่

นมผงเด็กคืออะไร และนมผงแต่ละสูตรแตกต่างกันยังไงบ้าง

นมผง คือ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากน้ำนม ครีม หรือหางนม มาทำการระเหยน้ำออก จนได้ลักษณะที่เป็นผงแห้ง มีเนื้อละเอียด เมื่อนำมากินจะต้องนำนมผงมาชงผสมกับน้ำอุ่นหรือน้ำที่อุณหภูมิห้อง และคนให้เข้ากัน ซึ่งนมผงสำหรับเด็กนั้น ยังสามารถแยกออกเป็นหลายสูตร โดยแต่ละสูตรมีความแตกต่างกัน ดังนี้

1. นมผงสูตร 1 หรือนมผงเด็กแรกเกิด
นมผงสูตร 1 เป็นนมผงดัดแปลงสำหรับเด็กทารกวัยแรกเกิด – 6 เดือน ซึ่งสารอาหารสำคัญของเด็กทารกวัยนี้ คือ “น้ำนมแม่” เพียงอย่างเดียว แต่ในกรณีที่คุณแม่มีความจำเป็นต้องให้นมผงเพื่อทดแทนนมแม่ ควรเลือกใช้นมผงที่ลูกน้อยสามารถกินได้ตั้งแต่วัยแรกเกิด

โดยนมผงสูตร 1 เป็นนมที่มีการดัดแปลงสารอาหารให้เหมาะกับทารกวัยแรกเกิด โดยนมผงเด็กแรกเกิดนี้ประกอบไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ ในปริมาณที่เหมาะสมกับช่วงอายุของเด็กทารก ระบบการย่อย และการดูดซึมของร่างกายที่กำลังพัฒนาของเด็ก

2. นมผงสูตร 2 หรือ นมผงเด็ก 6 เดือน
นมผงสูตร 2 เป็นนมผงที่เหมาะสำหรับเด็กทารกวัย 6 – 12 เดือน ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ต้องการพลังงานเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากร่างกายของเด็กจะเติบโต และพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีการเคลื่อนไหวร่างกาย ใช้กล้ามเนื้อมากขึ้นกว่าเดิม และยังเป็นวัยที่เริ่มกินอาหารตามวัยเด็กทารก (Solid Food) นอกเหนือจากนมแม่อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงอายุ 6 – 12 เดือน อาหารอย่างนมแม่ ยังมีคุณค่าทางอาหารที่ครบถ้วน หากคุณแม่มีความจำเป็นต้องให้ หรือเสริมอาหารด้วยนมผงเด็ก ควรเลือกใช้นมผงสูตร 2 หรือ นมผงเด็ก 6 เดือน โดยนมสูตรนี้จะประกอบไปด้วยสารอาหารที่ปรับให้เหมาะสมกับช่วงวัยที่ต้องการใช้พลังงานมากขึ้น

3. นมผงสูตร 3
นมผงสูตร 3 เป็นนมผงที่เหมาะสำหรับเด็กวัย 1 ขวบขึ้นไป เนื่องจากในวัยนี้ มีระบบการย่อยที่ดีมากขึ้น และใกล้เคียงกับของผู้ใหญ่ จึงสามารถกินอาหารที่หลากหลาย และใกล้เคียงกับอาหารของผู้ใหญ่ ดังนั้นเด็กในวัยนี้จึงกินอาหารหลักเป็นข้าวทั้ง 3 มื้อ และดื่มนมเป็นอาหารเสริม

โดยลูกน้อยสามารถดื่มได้ทั้งนมวัว และนมผงสูตร 3 หากคุณแม่ยังต้องการให้ลูกน้อยดื่มนมผงต่อไป ก็สามารถทำได้ เพราะเด็กในวัยนี้ต้องการพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพิ่มขึ้นจากช่วงอายุก่อน ร่างกายจึงต้องการสารอาหารที่ครบถ้วน ซึ่งในบางครั้งการกินอาหารอาจจะไม่เพียงพอต่อร่างกายของลูกน้อย การดื่มนมเสริม เช่น นมผงสูตร 3 จะช่วยเติม และเพิ่มสารอาหารให้กับลูกน้อยได้

นอกจากนี้ นมผงสูตร 3 ยังเหมาะสำหรับเด็กที่กินอาหารได้มาก กินอาหารได้หลากหลาย มีความสามารถลิ้มรสได้มากขึ้น รวมทั้งระบบย่อยอาหารสามารถย่อยได้ดี และใกล้เคียงกับผู้ใหญ่

4. นมผงเด็กสูตรพิเศษ
นมผงเด็กสูตรพิเศษ เป็นชื่อที่มักจะใช้เรียกนมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เช่น เด็กที่มีอาการแพ้โปรตีนนมวัว เด็กที่มีปัญหาในการย่อยแลคโตส เป็นต้น สำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ คุณแม่ควรเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเลือกสูตรนมที่เหมาะสมให้กับลูกน้อย หากลูกไม่มีความต้องการพิเศษ หรือโรคประจำตัวใด ๆ คุณแม่สามารถเลือกนมผงสูตร 1, สูตร 2 หรือสูตร 3 ให้เหมาะสมตามช่วงวัยของลูกได้ตามปกติ

วิธีการเลือกซื้อนมผงที่ดีที่สุด ปัจจัยใดบ้างที่คุณแม่ควรคำนึงถึงเมื่อต้องซื้อนมผง


เชื่อว่าคุณแม่ทุกคนคงมองหานมผงที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อยกันอยู่แล้ว แต่เราจะเลือกนมผงยี่ห้อไหนดี เมื่อในท้องตลาดมีนมผงหลากหลายชนิด หลากหลายยี่ห้อให้เลือกตั้งมากมาย โดยสิ่งสำคัญหลัก ๆ ในการเลือกซื้อนมผงที่ดีที่สุด มีหลักข้อคำนึงถึง ดังนี้

1. วัยของลูก
วัยของลูกเป็นปัจจัยแรก ที่คุณแม่ควรคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อนมผง เพราะเด็กแต่ละช่วงวัยมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน และนมผงสูตรต่าง ๆ ก็จะมีสารอาหารที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการทางร่างกายที่แตกต่างกันไป ตามความต้องการแต่ละช่วงวัยของลูกน้อย

2. สารอาหาร
สารอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันในการตัดสินใจของคุณแม่ เพราะลูกน้อยจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอ คุณแม่ต้องมั่นใจว่า นมผงที่เลือกต้องมีสารอาหารสำคัญต่อพัฒนาการทางร่างกาย และสมองอย่างครบครัน เช่น มีส่วนผสมของ DHA โอเมก้า หรือวิตามิน บี 12 เป็นต้น

เพื่อเป็นสารอาหารช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง นอกจากนี้ควรมีธาตุเหล็ก และวิตามินดี ซึ่งจะช่วยระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง รวมไปถึงไฟเบอร์ ที่จะช่วยดูแลระบบทางเดินอาหารทั้งระบบ ช่วยให้ลูกน้อยขับถ่ายได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

3. ความคุ้มค่า
นมผงที่ดี ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงเสมอไป คุณแม่ควรจะพิจารณาเลือกนมผงจากความต้องการตามวัย และสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการของลูกน้อยเป็นหลัก โดยเลือกพิจารณาข้อมูลจากฉลากข้างกล่องผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้คุณแม่อาจจะทดลองซื้อนมผงขนาดเล็กมาให้ลูกน้อยได้กินดูก่อน หากลูกน้อยเกิดอาการ หรือไม่ถูกกับนมผงสูตร หรือยี่ห้อนั้น ๆ ขึ้นมา ก็สามารถเปลี่ยนได้ทันที โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก

วิธีชงนมผงทำอย่างไร

สำหรับวิธีชงนมผงเด็กและใช้นมผงที่ถูกต้อง ลูกปลอดภัย สารอาหารอยู่ครบนั้น มีทริคง่ายๆเพียง 10 ขั้นตอน ดังนี้ค่ะ

  1. ให้คุณพ่อ คุณแม่ ล้างมือให้สะอาด ก่อนที่จะเริ่มชง
  2. ทำความสะอาดขวดนม จุกนม และนึ่งอุปกรณ์ที่ต้องใช้ชงนมทุกชิ้นให้สะอาด และทำการนึ่งเพื่อฆ่าเชื้อโรคในอุปกรณ์ที่สามารถนึ่งได้
  3. ต้มน้ำด้วยกาต้มน้ำไฟฟ้า หรือให้เดือดจนเห็นฟองอากาศผุดขึ้นมา แล้วทิ้งน้ำไว้ให้เย็นลงที่อุณหภูมิห้อง
  4. จากนั้นอ่านฉลากนมให้ละเอียด ปฏิบัติตามคำแนะนำปริมาณการชงนมบนกล่อง ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะแตกต่างกันได้ค่ะ
  5. ใส่น้ำสุกอุ่นที่ตั้งทิ้งไว้ลงในขวดตามปริมาณที่ต้องการต่อนมปริมาณนมผงเด็กที่ฉลาก
  6. เติมนมผงตามปริมาณที่กำหนดตามฉลากนม
  7. ปิดฝาขวด แล้วแกว่งก้นขวดเบา ๆ (ไม่จำเป็นต้องเขย่าแรงๆ เนื่องจากจะทำให้เกิดฟองอากาศได้) หรือใช้ข้อมือหมุนขวดวนเป็นวง เพื่อให้นมผงละลาย และป้องกันการเกิดฟอง
  8. หยดน้ำนมลงบนหลังมือเพื่อทดสอบอุณหภูมิที่พอเหมาะ ไม่ร้อนจนเกินไป
  9. หากนมมีฟองมาก ให้ตั้งทิ้งไว้สักครู่ก่อนป้อนเด็ก เพราะหากป้อนขณะมีฟอง เด็กจะดูดฟองนี้เข้าไปทำให้ท้องอืดได้
  10. หลังจากให้ลูกกินนม ไล่ลมให้ลูกหลังมื้อนมทุกครั้ง (ควรทำทั้งในนมแม่และนมชงค่ะ)

เข้าใจวิธีเปลี่ยนนมผงเด็ก ไม่ให้ลูกท้องอืดท้องเสีย

คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจก่อนค่ะ ว่าหลังเปลี่ยนนมแต่ละระยะ อาจพบปัญหาลูกท้องผูกได้ ควรใจเย็นค่อยๆเปลี่ยนนมทีละน้อย เพื่อให้ระบบย่อยอาหารของลูกปรับตัว

การเปลี่ยนนมแม่เป็นนมผง

นมแม่ คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก คุณแม่ควรให้นมแม่นานที่สุด แต่หากคุณแม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนจากนมแม่เป็นนมผง โดยทั่วไปสามารถให้นมผงทดแทนโดยชงตามสัดส่วนปกติได้ทันที โดยคุณแม่สามารถเปลี่ยนนมเพื่อป้องกันการท้องผูกของลูกน้อยได้ ดังนี้

  • เริ่มฝึกให้ลูกคุ้นเคยกับจุกนมและขวดนมก่อน เช่น ให้ลูกดูดหัวนมหลอก หรือนำนมแม่ใส่ขวดนมให้ลูกฝึกดูดจุกนม 
  • ให้ลูกกินนมผงแทนนมแม่ 1 มื้อ เป็นเวลา 3 วัน เพื่อให้ร่างกายลูกเกิดการการสร้างน้ำย่อยสารอาหารที่มีในนมผง หากลูกกินนมผงได้ดี ขับถ่ายเป็นปกติ ให้เพิ่มจำนวนมื้อนมผงแทนนมแม่ทุกๆ 3 วันค่ะ
  • ใช้วิธีผสมนมผงกับนมแม่ หากใช้วิธีทดแทนมื้อนมแล้วลูกปฏิเสธนมผง ให้ลองผสมนมแม่เป็นสัดส่วน ดังนี้ นมผง : นมแม่ เป็น 1:3, 2:2, 2:3, 4:0 โดยปรับสัดส่วนทุกๆ 3 วันค่ะ

การเปลี่ยนนมผงสูตรต่างๆ

การเปลี่ยนนมจากนมผงสูตร 1 เป็นสูตร 2 จากสูตร 2 เป็นสูตร 3 สามารถชงนมสูตรใหม่ตามปกติทดแทนได้ทันทีค่ะ แต่หากลูกท้องผูก ถ่ายแข็ง คุณแม่สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการให้นมได้ ดังนี้

  • ชงนมเดิมและแทรกนมใหม่ในแต่ละมื้อ โดยเพิ่มสัดส่วนของนมใหม่ขึ้นเรื่อยๆ และค่อยๆ ลดสัดส่วนนมเดิม ดังนี้ วันที่ 1-3 - ใช้นมใหม่ 1 ช้อนแทนนมเดิม, วันที่ 4-6 - ใช้นมใหม่ แทนนมเดิม 2 ช้อนในทุกขวด และ วันที่ 7-9 - ใช้นมใหม่ แทนนมเดิม 3-5 ช้อนในทุกขวด โดยค่อยๆ ลดนมเดิมลง และเพิ่มนมใหม่ไปเรื่อยๆ จนเปลี่ยนเป็นนมใหม่ทั้งขวดในวันที่ 10 เพื่อให้ลูกกินนมใหม่ได้ทั้งหมด 
  • สลับมื้อนมในแต่ละมื้อ การสลับมื้อนมเป็นการให้นมใหม่ทั้งขวดสลับกับการให้นมเดิม

ไขข้อข้องใจเรื่องนมผงกับ Enfa Smart Club


1. นมผงชงแล้วอยู่ได้กี่ชั่วโมง?
นมผงที่ชงแล้ว จะเสียค่อนข้างเร็ว หากคุณแม่ป้อนนมให้ลูกแล้ว ควรให้ลูกน้อยดื่มนมให้หมดภายใน 1 ชั่วโมง และหากมีนมเหลือจากการดื่ม ควรนำไปทิ้ง ไม่ควรนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อเก็บ หรือนำมาอุ่นให้ลูกน้อยดื่มใหม่อีกรอบ

หากเป็นนมที่ชงแล้ว แต่คุณแม่ยังไม่ได้ให้ลูกดื่มทันที ยังสามารถเก็บไว้ได้ โดยควรปิดฝาขวดนมอย่างมิดชิด แล้วนำไปแช่ตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2 – 4 องศาเซลเซียส ห้ามเก็บในช่องแช่แข็ง นอกจากนี้ หากเก็บเกิน 24 ชั่วโมง ควรนำไปทิ้ง ไม่ควรนำไปป้อนให้ลูกอีก

คุณแม่สามารถอ่านวิธีการชงนมที่ถูกต้อง แนะนำโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญได้ที่ เทคนิควิธีชงนมที่ถูกต้อง และการเลือกนมสูตรย่อยง่าย ช่วยป้องกันลูกไม่สบายท้อง

2. นมผงสำหรับเด็กท้องผูก ถ่ายยาก คุณแม่ควรเลือกนมแบบไหนดี?
หากลูกน้อยมีอาการท้องผูก ถ่ายยาก คุณแม่ควรเลือกโภชนาการที่ย่อยได้ง่ายอย่างนมแม่ ซึ่งดีต่อระบบย่อยอาหารของเด็กเล็กที่ยังพัฒนาไม่ได้เต็มที่ แต่ในกรณีที่คุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแนะนำโภชนาการที่เหมาะสมต่อระบบย่อยอาหารที่ยังไม่สมบูรณ์ของลูกน้อย

โดยโภชนาการที่เหมาะสมอาจมีคุณสมบัติ มีโปรตีนผ่านการย่อยบางส่วน หรือ PHP (Partially Hydrolyzed Protein) โปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วนจะมีขนาดโมเลกุลเล็กลง ทำให้ย่อยง่าย และถูกดูดซึมที่ลำไส้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ PHP ยังช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มคงตัว ไม่แข็ง ทำให้ขับถ่ายได้ง่าย

นอกจากการเลือกโภชนาการที่ย่อยง่ายแล้ว คุณแม่เองก็ควรฝึกฝนให้ลูกน้อยมีสุขลักษณะในการขับถ่ายที่ดีควบคู่ไปด้วยเช่นกัน จึงจะสามารถแก้ปัญหาอาการท้องผูกของลูกน้องได้ในระยะยาว

3. นมผงหมดอายุกินได้ไหม? อันตรายหรือไม่?
ไม่ควรนำนมผงที่หมดอายุแล้วไปชงให้ลูกกิน แม้จะเพิ่งหมดอายุไม่นาน แต่สารอาหาร กลิ่น และรสชาติของนมอาจเปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งเด็กทารกเป็นวัยที่ระบบทางเดินอาหารยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ การนำนมผงที่หมดอายุแล้วไปชงให้ลูกกินจึงอาจก่อให้เกิดอาการไม่สบายท้อง หรืออาจรุนแรงถึงขั้นอาหารเป็นพิษได้

นอกจากนี้ หากนมผงหมดอายุจนเริ่มจับตัวเป็นก้อน สารอาหารในนมก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว และยังเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของแบคทีเรียอีกด้วย

4. ปริมาณนมที่เหมาะสมกับทารกคือเท่าไหร่?
ลูกน้อยในแต่ละช่วงอายุจะมีปริมาณนมที่ต้องการแตกต่างกันไปค่ะ โดยวิธีการคำนวณประมาณนมที่เด็กทารกควรจะได้รับต่อวันไว้ดังนี้

  • สูตรคำนวณปริมาณนมของทารกแรกเกิด – 30 วัน: น้ำหนักเด็กเป็นกิโลกรัม คูณ 150 ซีซี หาร 30 เป็นปริมาณนมใน 1 วัน แบ่ง 6 มื้อ เช่น เด็กแรกเกิดหนัก 3 กิโลกรัม
    เมื่อครบ 1 เดือนควรหนัก 3.6 กิโลกรัม แต่คำนวณง่าย ๆ โดยปัดเป็น 4 กิโลกรัม คูณ 150 เท่ากับ 600 หาร 30 คือ 20 ออนซ์ (+/- ได้ไม่เกิน 4 ออนซ์ ควรแบ่งมื้อนมออกเป็น 6-8 มื้อต่อวัน)
  • สูตรคำนวณปริมาณนมของเด็กอายุ 1 – 6 เดือน: น้ำหนักเด็กเป็นกิโลกรัม คูณ 120 ซีซี หาร 30 เช่น เด็กอายุ 2 เดือน หนัก 5 กิโลกรัม คูณ 120 ได้ 600 เท่ากับ 20 ออนซ์ (+/- ได้ไม่เกิน 4 ออนซ์)
    โดยแบ่งมื้อนมเป็น 6 – 8 มื้อต่อวัน หรือคิดง่าย ๆ ว่า ภายใน 6 เดือนแรก ให้นมชั่วโมงละ 1 ออนซ์ ไม่ควรให้นมลูกมากเกินไปเพราะอาจเกิดการกินเกิน (Over feeding) ได้
  • สูตรคำนวณปริมาณนมของเด็กอายุ 6 – 12 เดือน: น้ำหนักเด็กเป็นกิโลกรัม คูณ 110 ซีซี หาร 30 เช่น เด็กอายุ 6 เดือน หนัก 6.5 กิโลกรัม คูณ 110 เท่ากับ 715 หาร 30 ปัดเป็นเท่ากับ 24 ออนซ์ 
    สำหรับเด็ก 6 – 8 เดือน คุณแม่ควรแบ่งมื้อนมเป็น 5 – 6 มื้อ และอาหารเสริม 1 มื้อ
    สำหรับเด็ก 9 – 11 เดือน คุณแม่ควรแบ่งมื้อนมเป็น 4 – 5 มื้อ และอาหารเสริม 2 มื้อ
    สำหรับเด็ก 12 เดือน ควรแบ่งมื้อนมเป็น 4 – 5 มื้อและอาหารเสริม 3 มื้อ

5. ปริมาณนมสำหรับเด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป
เด็กวัยนี้ควรกินข้าวเป็นอาหารหลัก นมเป็นอาหารเสริม เพื่อให้ได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสมตามวัย โดยเด็กในวัย 1 – 3 ขวบควรดื่มนมวันละ 2 แก้ว แก้วละ 250 cc. เนื่องจากนมเป็นแหล่งของโปรตีนที่สำคัญ รวมทั้งนมบางสูตรยังเป็นแหล่งของวิตามิน เช่น วิตามินบี 12 รวมถึงสารอาหารที่คัญอื่น ๆ เช่น โอเมก้า 3, 6, 9 หรือ DHA เป็นต้น


บทความแนะนำสำหรับคุณแม่

บทความที่แนะนำ

ลูกไม่ยอมดูดนมแม่ จะมีเทคนิคในการแก้ปัญหานี้อย่างไร?
พัฒนาการเด็ก/เตรียมตัวกลับไปทำงาน/วิธีนำนมที่แช่แข็งมาให้ลูกกิน
ปั๊มนมทำสต็อกก่อนแม่กลับไปทำงาน
Enfa Smart Club

Leaving page banner

 

Leaving page banner