Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
• สาเหตุที่เด็กพูดช้า
• พัฒนาการด้านการพูดของเด็ก ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 4 ขวบ
• ลูกพูดช้า ผิดปกติไหม
• รู้รับมืออย่างไรเมื่อลูกพูดช้า ลูกไม่ยอมพูด
• วิธีฝึกพัฒนาการด้านการพูด
• เด็กไม่พูด ถือว่าพัฒนาการช้าหรือเปล่า
• ลูกพูดช้า จะสามารถกลับมาพูดปกติได้ไหม
• ลูกพูดช้า...ควรพาไปพบแพทย์หรือไม่?
• ไขข้อข้องใจเรื่องเด็กพูดช้ากับ Enfa Smart Club
พัฒนาการด้านต่าง ๆ ของเด็กจะมีลำดับขั้นขึ้นไปตามช่วงอายุ หรือที่เราอาจจะคุ้นเคยกันกับคำว่า เติบโตสมวัย กล่าวคือวัยเท่านี้ควรมีพัฒนาการด้านนี้ และวัยเท่านี้พัฒนาการด้านนี้ควรจะเพิ่มขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าแม้เด็กส่วนใหญ่จะมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ สมวัย แต่ก็มีเด็กอีกหลายคนที่มีพัฒนาการช้ากว่าที่ควรจะเป็น
หนึ่งในนั้นคือปัญหาเด็กพูดช้า หรือเด็กไม่ยอมพูด แม้จะถึงวัยที่สามารถพูดเป็นคำและประโยคยาว ๆ ได้แล้วก็ตาม ซึ่งปัญหาลูกพูดช้า หรือลูกไม่ยอมพูด ก็มักจะทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนรู้สึกเป็นกังวลใจ กลัวว่าลูกจะมีปัญหาด้านพัฒนาการ บทความนี้จาก Enfa จะพามาดูกันว่า ทำไมเด็กถึงพูดช้า แล้วลูกพูดช้าในลักษณะไหนที่ถือว่าผิดปกติ มาหาคำตอบกันได้ที่บทความนี้เลยค่ะ
ปัญหาเด็กพูดช้า เกิดขึ้นได้จากหลากหลายเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน ดังนี้
พัฒนาการด้านการพูดของเด็ก ควรจะมีลำดับพัฒนาการตามช่วงวัย ดังนี้
หากลูกอายุได้ 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่สามารถพูดคำที่มีความหมายได้ หรือพูดแต่คำเดิมซ้ำ ๆ ไม่สามารถที่จะรวมคำ หรือพูดโต้ตอบได้ หรือเรียกชื่อแล้วเด็กไม่ตอบสนอง ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่ค่อนข้างแน่นอนว่าลูกมีความผิดปกติ หรือมีพัฒนาการด้านการพูดที่ไม่เป็นไปตามวัย
มีหลายกรณีที่เด็กไม่เพียงแต่พูดช้า แต่ว่าเด็กไม่ยอมพูดเลย หรือพูดบ้าง แต่ก็พูดน้อยจนเกือบจะเรียกได้ว่าไม่พูดเลย ซึ่งในกรณีเช่นนี้สิ่งสำคัญในการรับมือขั้นต้นก็คือพ่อและแม่ต้องสามารถที่จะยอมรับความจริงให้ได้เสียก่อนว่าลูกมีพัฒนาการช้า หรือมีพัฒนาการที่ผิดปกติ เพราะมีพ่อแม่หลายคนที่ไม่เข้าใจและไม่พอใจที่ลูกไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ซึ่งการแสดงออกที่รุนแรงต่อเด็ก จะไม่ช่วยให้เด็กพูดได้แต่อย่างใด
เมื่อพ่อแม่สามารถทำความเข้าใจในความแตกต่างนี้ของลูกได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการพาลูกไปพบกับกุมารแพทย์ เพื่อที่แพทย์จะได้ทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุว่าทำไมเด็กจึงพูดช้า หรือทำไมเด็กไม่ยอมพูด
การฝึกพัฒนาด้านการพูดของเด็กนั้นควรอยู่ในความดูแลของกุมารแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ เพื่อที่เด็กจะได้รับการบำบัดฟื้นฟูที่เหมาะสม โดยกุมารแพทย์ และเด็กอาจจำเป็นต้องได้รับการบำบัดเพื่อฟื้นฟูพัฒนาการด้านการพูดจากนักแก้ไขการพูด (speech-Language pathologist)
อย่างไรก็ตาม สมาชิกในครอบครัวก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางด้านการพูดของเด็กได้ โดยการเล่นเกม การอ่านหนังสือและโต้ตอบด้วยภาษาและท่าทางต่าง ๆ การฝึกใช้เสียงและพยางค์ต่าง ๆ การพยายามพูดคุยด้วยบ่อย ๆ ยิ่งคุยด้วยมากเท่าไหร่ เด็กก็มีโอกาสที่จะพัฒนาการพูดให้เร็วขึ้นมากเท่านั้น
มากไปกว่านั้น เด็กยังอาจจำเป็นที่จะต้องเข้าเรียนในโรงเรียนเฉพาะที่มีการดูแลในเรื่องของเด็กที่มีพัฒนาการช้าโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้เด็กได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับพัฒนาการของตนเอง ทำให้เด็กได้รับการดูแลเฉพาะทาง และเสริมพัฒนาการเฉพาะทางด้วย
การที่ ลูกไม่พูด ไม่ยอมพูด หรือไม่พูดเลย แม้ว่าจะมีอายุถึงระดับพัฒนาการที่สามารถพูดเป็นคำที่มีความหมาย หรือพูดประโยคยาว ๆ โต้ตอบได้แล้วก็ตาม ลักษณะเช่นนี้ อาจกล่าวได้ว่าเด็กมีพัฒนาการช้า หรือพัฒนาการด้านการพูดผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เด็กไม่พูด อาจเป็นไปได้หลายกรณี คือ
กุมารแพทย์ และนักแก้ไขการพูด จะทำการวินิจฉัยถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้เด็กพูดช้าหรือไม่ยอมพูด และเริ่มกระบวนการบำบัดฟื้นฟูด้านการพูดไปตามหลักการรักษา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจัยที่ทำให้เด็กพูดช้านั้นแตกต่างกัน บางคนเกิดจากปัญหาทางด้านร่างกาย เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ มีปัญหาภายในช่องปาก หรือมีความผิดปกติที่สมอง ก็จะต้องทำการรักษาหรือทำการผ่าตัดจากสาเหตุนั้น ๆ เสียก่อน จึงจะเริ่มบำบัดการพูดต่อไป
ในกรณีที่เด็กมีปัญหาพูดช้า หรือไม่พูด อันเนื่องมาจากปัญหาทางด้านการได้ยิน แพทย์ก็จะมีการผ่าตัดที่หูชั้นในให้กับเด็ก ๆ แล้วจึงใส่เครื่องช่วยฟัง เพื่อช่วยให้เด็กได้ยินเสียงต่าง ๆ รอบตัว จากนั้นจึงเริ่มทำการบำบัดด้านการพูด
กุมารแพทย์ และนักแก้ไขการพูด จะทำการวินิจฉัยถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้เด็กพูดช้าหรือไม่ยอมพูด และเริ่มกระบวนการบำบัดฟื้นฟูด้านการพูดไปตามหลักการรักษา
หากลูกพูดช้าอันดับแรกคือพ่อแม่ควรทำความเข้าใจในความแตกต่างนี้ และยอมรับให้ได้ว่าลูกมีพัฒนาการผิดปกติ จากนั้นพาลูกไปพบกับกุมารแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการบำบัดฟื้นฟูด้านการพูด
อายุ 3 ขวบขึ้นไป สามารถที่จะพูดเป็นประโยคยาว ๆ ได้ สามารถทำความเข้าใจกับเรื่องใหม่ ๆ และเรื่องยาก ๆ ได้มากขึ้นแล้ว
แต่ถ้าเด็กยังไม่สามารถสื่อสารเป็นประโยคยาว ๆ ได้ หรือไม่ยอมพูดเลย ถือว่าเด็กมีความผิดปกติด้านการพูด ควรพาลูกไปพบกับกุมารแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการบำบัดฟื้นฟูด้านการพูด
เด็กที่อายุ 2 ขวบขึ้นไป สามารถที่จะพูดเป็นประโยคได้ สามารถพูดโต้ตอบได้ และสามารถสื่อสารในเรื่องต่าง ๆ ได้มากขึ้น
เด็กอายุ 2 ขวบสามารถพูดคำได้หลายคำ และพูดประโยคยาว ๆ ได้ แต่ถ้า 2 ขวบแล้วลูกยังไม่มีพัฒนาการดังกล่าวเกิดขึ้น ถือว่ามีพัฒนาการช้า ควรพาลูกไปพบกับกุมารแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการบำบัดฟื้นฟูด้านการพูด
โดยปกติแล้วเด็กอายุ 5 ขวบ ถือว่าโตพอที่จะพูดประโยคยาว ๆ และสามารถสื่อสารในเรื่องที่ยาก ๆ ได้หลายเรื่อง โตพอจะเข้าใจและพูดจาตอบโต้ได้อย่างฉะฉาน
อย่างไรก็ตาม อาจมีกรณีที่ลูกมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เช่น ประสาทหูพิการ ที่ส่งผลให้ไม่ได้ยินเสียง จนทำให้กระบวนการพูดหรือการสื่อสารทำไม่ได้ หรือไม่สามารถพูดได้
หรือเด็กอาจเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจบางอย่างเกิดขึ้น และทำให้เกิดอาการช็อกจนกระทั่งไม่ยอมพูดอีก หรือพูดน้อยลง
หากเด็กมีอายุได้ 5 ขวบแล้วไม่ยอมพูด หรือเคยพูดแล้วจู่ ๆ ก็ไม่ยอมพูด ควรพาลูกไปพบกับกุมารแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการบำบัดฟื้นฟูด้านการพูด
โดยมากแล้วเด็กจะเริ่มพูดตั้งแต่ 2-3 เดือนแล้ว และจะเริ่มพูดจาเป็นคำเมื่ออายุได้้ 10 เดือน หรืออย่างช้าที่สุดก็คือ 15 เดือน แต่ถ้าลูกยิ่งโตมากขึ้น แต่พัฒนาการด้านการพูดไม่พัฒนาไปตามลำดับอายุที่โตขึ้น ควรพาลูกไปพบกับกุมารแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการบำบัดฟื้นฟูด้านการพูด
เด็กอายุ 2 ขวบ ถึง 2 ขวบครึ่ง สามารถพูดเป็นคำได้หลายคำ และพูดประโยคยาว ๆ ได้ แต่ถ้า 2 ขวบครึ่งแล้วลูกยังไม่มีวี่แววว่าจะพูด ถือว่ามีพัฒนาการด้านการพูดที่ผิดปกติ ควรพาลูกไปพบกับกุมารแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการบำบัดฟื้นฟูด้านการพูด
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่และลูกน้อย