Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
เหตุการณ์สุดน่ากังวลใจอย่างลูกล้มหัวฟาดพื้นด้านหลัง ถือเป็นหนึ่งในอุบัติเหตุที่ไม่ว่าครอบครัวไหน ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ แม้คุณพ่อคุณแม่จะระมัดระวังแค่ไหนก็ตาม โดยเฉพาะในช่วงของวัยหัดเดิน ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในหลายด้าน ซึ่งหากไม่ได้รับการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อลูกน้อยของเราได้
ดังนั้นในวันนี้ Enfa จึงได้นำข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุลูกล้มหัวฟาดพื้นด้านหลังมาฝากให้ เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่จะได้คลายกังวลใจ สามารถสังเกตอาการ และทราบวิธีในการปฏิบัติเมื่อลูกล้มหัวฟาดพื้นด้านหลังได้ ดูแลเจ้าตัวน้อยของบ้านได้อย่างอุ่นใจ สังเกตอาการทุกอย่างได้อย่างทันท่วงที
การที่ลูกล้มหัวฟาดพื้นด้านหลังนั้นความจริงแล้วถือเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างอันตราย โดยระดับความอันตรายที่เกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการกระแทก และอาการที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น หากเป็นการล้มหัวฟาดพื้นด้านหลังที่ไม่รุนแรง และไม่มีอาการผิดปกติที่เห็นได้อย่างชัดเจน เช่น ร้องไห้เพียงชั่วครู่แล้วกลับมาเล่นตามปกติ ไม่มีอาการซึมลง หรืออาเจียน กรณีนี้มักไม่มีอันตรายร้ายแรง แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องไม่ลืมสังเกตอาการของเจ้าตัวน้อยเป็นระยะอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
ในทางกลับกันหากลูกน้อยของเรามีอาการผิดปกติ เช่น หมดสติแม้เพียงช่วงสั้น ๆ อาเจียนซ้ำ ๆ ซึมลง ไม่ตอบสนองเหมือนปกติ เดินเซ แขนขาอ่อนแรง หรือมีอาการชัก อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของการบาดเจ็บที่สมอง ถือว่าอันตรายมาก คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องรีบพาลูกไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที
ทราบกันไปแล้วว่าเมื่อลูกล้มหัวฟาดพื้นด้านหลังก็ย่อมมีความเสี่ยงตามมา โดยความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุลูกล้มหัวฟาดพื้นด้านหลังจะมีดังต่อไปนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อลูกล้มหัวฟาดพื้นด้านหลังคุณพ่อคุณแม่ควรเฝ้าสังเกตอาการหลังเกิดอุบัติเหตุอย่างใกล้ชิด หากพบสัญญาณผิดปกติควรรีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ และดูแลอย่างเหมาะสมทันที
อาการมึนหัวหลังจากที่ลูกล้มหัวฟาดพื้นด้านหลังนั้นจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการกระแทก โดยทั่วไปแล้วหากเป็นการบาดเจ็บเล็กน้อย เช่น การกระทบกระเทือนทางสมอง (Concussion) ระดับเบา
อาการมึนหัวอาจดีขึ้นภายใน 1-3 วัน และหายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวควรให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรง หรือการเคลื่อนไหวศีรษะอย่างรวดเร็ว และติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัย
อย่างไรก็ตามหากอาการมึนหัวยังคงอยู่เป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เวียนศีรษะรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียนซ้ำ ๆ ตาพร่า ซึมลง หรือหมดสติ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะบาดเจ็บทางสมองที่ร้ายแรงขึ้น เช่น สมองบวม หรือเลือดออกในสมอง
เมื่อมีอุบัติเหตุลูกล้มหัวฟาดพื้นด้านหลังเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลลูกอย่างถูกวิธีเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยจะมีแนวทางในการดูแลลูกดังนี้
ในบางครั้งลูกอาจล้มหัวฟาดพื้นโดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ทันได้เห็นเหตุการณ์ แต่สามารถสังเกตได้จากพฤติกรรม และอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นได้ โดยสัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกอาจล้มหัวฟาดพื้น ได้แก่ อาการซึมผิดปกติ งอแงกว่าปกติ ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม มีอาการเวียนศีรษะ เดินเซ หรือเสียการทรงตัว
รวมถึงหากลูกมีอาการคลื่นไส้อาเจียนโดยไม่มีสาเหตุ ปวดศีรษะ จับศีรษะบ่อย หรือแสดงความไม่สบายตัวบริเวณศีรษะ อาจเป็นสัญญาณว่ามีการกระแทกเกิดขึ้น หากพบอาการเหล่านี้ร่วมกับอาการตัวอ่อนแรง ตอบสนองช้า รูม่านตาขยายไม่เท่ากัน หรือหมดสติ ควรรีบนำลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินโดยละเอียดทันที
หากลูกมีอาการดังที่กล่าวมานี้ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาทันทีก่อนที่อาการจะลุกลาม
คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ ว่าการดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิด ให้ลูกรับประทานอาหารที่ดีมีโภชนาการ ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ และเสริมสร้างพัฒนาการตามช่วงวัยให้ลูกโดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของลูกนั้น ถือเป็นการปูรากฐานที่สำคัญที่สุดในชีวิตให้กับลูกน้อยทุกคน
โดยเฉพาะการให้ลูกได้รับโภชนาการที่สำคัญที่สุดอย่างนมแม่ หนึ่งเดียวที่มีงานวิจัยรองรับว่า* ช่วยให้มี IQ และ EF ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก ให้ลูกพร้อมกว่าเมื่อถึงวัยเข้าเรียน โดย MFGM ในนมแม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น
*สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีและศูนย์นมแม่
แห่งประเทศไทย. นมแม่กับการพัฒนาทักษะสมองส่วน Executive Function. 2561
วัย 10 เดือนถือเป็นวัยที่ทารกน้อยหลายคนเริ่มตั้งไข่ หัดเดินก้าวแรกของตัวเอง ทำให้อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อมีอุบัติเหตุลูกล้มหัวฟาดพื้นเกิดขึ้นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรปฏิบัติในทันที คือ ตรวจสอบร่างกายส่วนต่าง ๆ ของลูกว่ามีจุดไหนได้รับบาดเจ็บบ้าง และทดสอบความผิดปกติว่ามีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นกับร่างกาย และการตอบสนองของลูกไหม หากไม่พบอาการผิดปกติใด ๆ ควรเฝ้าสังเกตอาการต่อไปอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง แต่หากพบอาการผิดปกติรุนแรงควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที
เมื่อลูกล้มหัวฟาดพื้น และมีไข้ร่วมด้วยถือเป็นอาการที่ไม่ผิดปกติ และมีความเสี่ยงอันตราย ขอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทันที
Enfa สรุปให้ ลูกไม่ฉี่หลายชั่วโมง อาจเป็นสัญญาณว่าลูกน้อยมีปัญหาสุขภาพ หากคุณแม่พบว่าลูกมีอาการไ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ผื่นไข้เลือดออกในเด็กเป็นหนึ่งในอาการสำคัญซึ่งเป็นสัญญาณบอกความรุนแรงของโรคได้โดยเฉ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ลูกล้มหัวฟาดพื้นด้านหลังเป็นอุบัติเหตุที่ค่อนข้างอันตราย โดยระดับความอันตรายจะขึ้นอ...
อ่านต่อ