Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
วัยทารกและเด็กเล็กเป็นวัยที่ร่างกายยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูแลสุขภาพของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะดวงตาซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างมาก หากพบว่าลูกมีอาการตาแฉะ อาจทำให้พ่อแม่กังวลว่าลูกเป็นโรคร้ายแรงหรือไม่
บทความนี้ Enfa จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุของอาการลูกตาแฉะ และแนวทางการดูแลที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอาการลูกตาแฉะข้างเดียว 2 ขวบ และลูกตาแฉะข้างเดียว 5 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงวัยที่พบอาการตาแฉะมากที่สุดค่ะ
อาการตาแฉะในทารกและเด็กเล็กเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอาการลูกตาแฉะข้างเดียว 2 ขวบ และอาการลูกตาแฉะข้างเดียว 5 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงวัยที่พบอาการตาแฉะได้มากที่สุด โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุ ดังนี้
อาการท่อน้ำตาอุดตันมักพบมากในทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน เนื่องจากท่อน้ำตายังไม่เปิดเต็มที่ ทำให้น้ำตาไหลและมีขี้ตาสะสม โดยอาการมักหายเองเมื่อเด็กโตขึ้น แต่หากอาการไม่ดีขึ้น อาจต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ เพราะอาจเกิดจากสาเหตุอื่นร่วมด้วย
การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสทำให้เกิดอาการเยื่อบุตาอักเสบก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของตาแฉะ
ทำให้ตาแดง มีขี้ตาสีเหลืองหรือเขียว โดยอาจเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด หากเป็นนานไม่หาย หรือมีแนวโน้มว่าจะเกิดตาอักเสบอาการตาแฉะรุนแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์
อาการแพ้บางอย่าง เช่น ภูมิแพ้ทางตา อาจเกิดจากจากฝุ่นละออง ละอองเกสร หรือขนสัตว์ ที่กระตุ้นอาการภูมิแพ้ ทำให้ลูกตาแฉะ ตาแดง น้ำตาไหล และมีขี้ตา นอกจากนี้ อาจมีอาการคันตาร่วมด้วย ควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น ตุ๊กตา ผ้าห่มมีขนระคายเคือง
ฝุ่นละอองหรือสารระคายเคืองบางชนิดที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เช่น ควัน หรือสารเคมี ทำให้เกิดการระคายเคือง ตาแฉะ และมีน้ำตาไหล โดยหากลูกมีอาการตาแฉะเรื้อรังหรือมีอาการอื่น ๆ ร่วม เช่น ตาบวมแดง ติดเชื้อ หรือมีไข้สูง ควรพาไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาให้เหมาะสม
อาการของเด็กตาแฉะที่พ่อแม่ควรสังเกตเบื้องต้นคือ อาการลูกตาแฉะทั้ง 2 ข้าง และอาการลูกตาแฉะข้างเดียว ซึ่งโดยทั่วไปมักมีอาการที่สังเกตได้ง่าย เช่น
นอกจากนี้ หากเด็กมีอาการตาแฉะเรื้อรังหรือมีอาการอื่น ๆ ร่วม เช่น ไข้สูง ตาบวมมาก หรือมีขี้ตามากจนตาปิด ควรพาไปพบแพทย์ โดยเฉพาะอาการลูกตาแฉะข้างเดียว 2 ขวบ และ 5 ขวบ เนื่องจากลูกยังเล็กมาก อาจมีการขยี้ตา หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นรุนแรงมากขึ้น
ภาวะท่อน้ำตาอุดตันในเด็กเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการตาแฉะ โดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็กที่มีน้ำตาไหลมากผิดปกติและมีขี้ตาสะสม ซึ่งเกิดจากท่อน้ำตาที่ไม่สามารถระบายของเหลวออกจากดวงตาได้ตามปกติ ทำให้น้ำตาค้างอยู่ในถุงน้ำตาและเกิดการสะสมของเชื้อโรคได้ง่าย โดยสาเหตุของภาวะท่อน้ำตาอุดตันในเด็กที่พบได้บ่อย คือ
ภาวะท่อน้ำตาอุดตันในเด็ก มักเริ่มแสดงตั้งแต่แรกเกิดหรือภายในไม่กี่สัปดาห์หลังคลอด หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้นได้ เช่น เยื่อบุตาอักเสบ ถุงน้ำตาอักเสบ ตาดำติดเชื้อ เป็นต้น
อาการเด็กตาแฉะหรือภาวะตาแฉะที่เกิดจากท่อน้ำตาอุดตันในทารกมักหายได้เองเมื่อเด็กอายุประมาณ 1 ปี อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้นหรือเป็นเรื้อรัง หรือลูก 2-5 ขวบยังมีอาการตาแฉะ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการรักษา
เมื่อทารกมีอาการตาแฉะ คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลตาแฉะในทารกเบื้องต้นด้วยตนเองได้ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
ใช้สำลีสะอาดชุบน้ำเกลือปราศจากเชื้อ (Normal Saline) เช็ดขี้ตาเบา ๆ จากหัวตาไปหางตา วันละ 2-3 ครั้ง หรือเมื่อมีขี้ตาสะสมมาก
ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 37-40 องศาเซลเซียส เช็ดบริเวณรอบดวงตาเพื่อลดการอุดตันของท่อน้ำตา
การนวดท่อน้ำตาสามารถช่วยลดอาการตาแฉะที่เกิดจากท่อน้ำตาอุดตันได้ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยกระตุ้นให้เยื่อที่ปิดท่อน้ำตาเปิดออกและช่วยให้น้ำตาไหลเวียนได้ดีขึ้น ด้วยการนนวดตาให้ลูกเพื่อเบาเทาอาการตาแฉะ ซึ่งสามารถทำได้ ดังนี้
นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการของลูก หากมีการบวมแดง หรืออาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์
ปกติแล้วเด็กตาแฉะหากได้รับการดูแลเบื้องต้น เช่น เช็ดตาด้วยน้ำเกลือหรือน้ำอุ่น ควรมีอาการดีขึ้น แต่หากลูกมีอาการเหล่านี้ร่วมกับตาแฉะ หรือมีแนวโน้มว่าอาการไม่ดีขึ้น ควรพาไปพบแพทย์ทันที
อาการตาแฉะทั้ง 2 ข้างและลูกตาแฉะข้างเดียว 2 – 5 ขวบ เป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในเด็กที่มีภาวะท่อน้ำตาอุดตันหรือเกิดจากการติดเชื้อ แม้ว่าในบางกรณีอาการจะหายได้เอง แต่หากลูกน้อยมีอาการรุนแรง ควรรีบพบแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
Enfa สรุปให้ พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กที่ดี จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ลูกน้อย สา...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ลูกพัฒนาการช้าควรทําอย่างไร ต้องไม่กังวลเกินกว่าเหตุ เพราะเป็นเรื่...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ทารกชอบทําเสียงในลําคอ ซึ่งเป็นเสียงที่ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้ เช่น เสียง...
อ่านต่อ