ลูกชอบกัดเล็บ หยุดกัดเล็บไม่ได้ แก้ไขยังไงดี

เลือกอ่านตามหัวข้อ

• เด็กกัดเล็บเกิดจากอะไร
• การกัดเล็บ จิตวิทยา อธิบายไว้อย่างไร
• ลูกชอบกัดเล็บ ส่งผลเสียอย่างไร
• วิธีทำให้ลูกเลิกกัดเล็บ
• คำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่เมื่อลูกชอบกัดเล็บตัวเอง
• นมแม่ที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า

รู้หรือไม่ว่าอาการลูกชอบกัดเล็บอาจเป็นสัญญาณของปัญหาด้านจิตเวชได้ ทั้งยังอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมาอีกมากมาย รวมทั้งส่งผลต่อบุคลิกภาพในระยะยาวอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลไม่ให้ลูกน้อยติดนิสัยการกัดเล็บตั้งแต่เนิ่นๆ วันนี้เอนฟาจะพามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกัดเล็บของลูกกันค่ะ

เด็กกัดเล็บเกิดจากอะไร

ในบางครั้งลูกน้อยอาจทำพฤติกรรมบางอย่างที่ยากที่จะเข้าใจ การชอบกัดเล็บก็เป็นอีกพฤติกรรมที่พบได้บ่อยในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น ซึ่งอาจจะหยุดทำไปเองเมื่อโตขึ้น แต่ในบางคนก็กัดเล็บเป็นประจำจนกลายเป็นนิสัยติดตัวไปจนโต

ในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของการกัดเล็บเกิดจากอะไรกันแน่ แต่อาจเกิดได้จากปัญหาด้านจิตใจ เด็กมักจะกัดเล็บเมื่อรู้สึกวิตกกังวล ไม่ปลอดภัย เบื่อหน่าย เครียดจากปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เป็นต้น จึงระบายออกมาด้วยการกัดเล็บ บางครั้งเด็กอาจกัดเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้แผ่นเล็บด้วยเช่นกัน ทำให้เล็บฉีกเป็นแผล หรือจนถึงขั้นเลือดออก หรือบางครั้งก็เป็นนิสัยส่วนตัวของเด็กที่ต้องการทำอะไรสักอย่างไม่ให้ตัวเองว่าง

ลักษณะการกัดเล็บของเด็ก อาจแบ่งได้เป็นประเภทต่างๆ ได้หลายประเภท เช่น

• เด็กที่กัดเล็บโดยไม่รู้ตัว
• เด็กที่กัดเล็บเพื่อรับมือกับความวิตกกังวล
• เด็กที่กัดเล็บเพื่อเรียกร้องความสนใจ
• เด็กที่กัดเล็บเนื่องจากบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
• เด็กที่กัดเล็บเนื่องจากมีภาวะของการมีความคิดที่หมกมุ่น เช่น ภาวะย้ำคิดย้ำทำ
  

การกัดเล็บ จิตวิทยา อธิบายไว้อย่างไร

หากพูดถึงการกัดเล็บในเชิงจิตใจและอารมณ์ การกัดเล็บ จิตวิทยา มีชื่อเรียกทางเทคนิคว่า โรคกัดเล็บ (Onychophagia) จัดอยู่ในกลุ่มโรคทางจิตเวชประเภทเดียวกับอาการย้ำคิดย้ำทำ เนื่องจากเป็นการทำพฤติกรรมเดิมเป็นประจำ ย้ำๆ ซ้ำๆ จนติดเป็นนิสัย ซึ่งอาจเป็นพฤติกรรมตอบสนองต่อความเครียด โดยภาวะทางจิตเวชที่พบบ่อยซึ่งเกี่ยวข้องกับการกัดเล็บในเด็ก ได้แก่ โรคสมาธิสั้น โรคดื้อต่อต้าน โรควิตกกังวลเมื่อต้องแยกจากกับคนหรือสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย 

ลูกชอบกัดเล็บ ส่งผลเสียอย่างไร

การกัดเล็บของลูก หากทำต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันอย่าง ฟันหน้าไม่สบกัน ฟันเบียด ฟันหมุน หรือสึกกร่อน ฟันหน้าแถวล่างสึกจากการเสียดสี ฟันหน้าแถวบนยื่นออก การสูญสลายของรากฟัน เป็นต้น

การกัดเล็บยังอาจส่งผลต่อสุขภาพและสุขอนามัย ไม่ว่าจะจากการกัดขบวัตถุแข็งอย่างเล็บซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะข้อต่อขากรรไกรผิดปกติ หรือการกลืนเล็บที่อาจมีเชื้อโรคเข้าไป ซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อในกระเพาะอาหารจากการกลืนเล็บที่มึเชื้อ ติดเชื้อราที่แผ่นเล็บและผิวหนังโดยรอบ การติดเชื้อปรสิตในลำไส้ เป็นต้น นอกจากนี้การกัดเล็บ ผลเสียยังส่งผลไปถึงบุคลิกภาพของลูกอีกด้วย 

วิธีทำให้ลูกเลิกกัดเล็บ

การกัดเล็บ วิธีแก้ คุณพ่อคุณแม่อาจไม่ต้องทำอะไรมาก เนื่องจากลูกจะค่อยๆ กัดเล็บน้อยลงเมื่อโตขึ้นและจะหยุดทำไปเองโดยไม่ต้องรักษาอย่างจริงจัง แต่ก็สามารถตักเตือนตั้งแต่เริ่มเห็นลูกทำในครั้งแรกๆ และเตือนทุกครั้งที่เห็น อาจช่วยให้ลูกเลิกกัดเล็บได้ไวขึ้นก่อนจะติดเป็นนิสัย นอกจากนี้การอธิบายผลเสียต่อสุขภาพ ชี้ให้เห็นว่ามีเชื้อโรคต่างๆ อยู่รอบๆ เล็บ ซึ่งไม่ดีกับร่างกายของลูก ก็อาจจูงใจให้ลูกโดยเฉพาะเด็กโตที่พอจะรู้ความแล้วเลิกกัดเล็บได้เช่นกัน

คำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่เมื่อลูกชอบกัดเล็บตัวเอง

หากสังเกตพบว่าลูกกัดเล็บตัวเองบ่อยๆ คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลให้เล็บของลูกสั้นในระดับที่ไม่สามารถกัดเล่นได้ เพื่อไม่ให้เล็บยาวมากพอที่ลูกจะยกขึ้นมากัดเล่น เพราะเมื่อไม่มีเล็บให้กัดลูกจะหยุดไปเอง การตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอช่วยในเรื่องความสะอาดอีกด้วย

และเนื่องจากการกัดเล็บนั้นมีสาเหตุมาจากความวิตกกังวลหรือไม่สบายใจกับเรื่องบางอย่างได้เช่นกัน คุณพ่อคุณแม่อาจเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาที่ทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายใจ หรือพาไปพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างตรงจุด เพื่อให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและไม่คิดกัดเล็บอีก

หลีกเลี่ยงการดุว่า การใช้คำพูดรุนแรง การดึงมือลูกออกจากปากแรงๆ หรือตีมือลูก เพราะอาจทำให้ลูกวิตกกังวลมากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ การช่วยให้ลูกคลายความกังวลจำเป็นต้องใช้เวลา คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกวิธีที่นุ่มนวลอย่างการพูดคุยอย่างใจเย็น หรือให้รางวัล พูดชื่นชมที่ลูกหักห้ามใจไม่เอามือเข้าปากได้สำเร็จ เมื่อทำบ่อยๆ ก็จะช่วยให้ลูกเลิกกัดเล็บได้

นมแม่ที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า

คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะว่า เด็กจะมีพัฒนาการ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่าได้นั้น นอกจากการฝึกฝน เลี้ยงดู และอบรมสั่งสอนแล้ว การใส่ใจกับโภชนาการตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตนั้น ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ลูกพร้อมเติบโตมาเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทางความคิดและฉลาดทางอารมณ์

โดยโภชนาการที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับก็คือนมแม่ เพราะในนมแม่มีสารอาหารอย่าง MFGM หนึ่งเดียวที่มีงานวิจัยรองรับว่า* ช่วยให้มี IQ และ EF ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก ให้ลูกพร้อมกว่าเมื่อถึงวัยเข้าเรียน โดย MFGM ในนมแม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น

*สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีและศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย. นมแม่กับการพัฒนาทักษะสมองส่วน Executive Function. 2561