Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เป็นวิธีที่ร่างกายรับสัญญาณจากสิ่งแวดล้อมผ่านอวัยวะรับความรู้สึก ซึ่งก็คือตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนัง อวัยวะเหล่านี้มีเส้นประสาทพิเศษที่ส่งสัญญาณไปยังสมอง
จากนั้นสมองจะประมวลผลแล้วส่งข้อมูลกลับไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเพื่อบอกว่าจะตอบสนองต่อสัญญาณอย่างไร เอนฟาจะพามาทำความรู้จักกับประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่สัมพันธ์กับการเรียนรู้ของลูกน้อยกันค่ะ
สัมผัสทั้ง 5 เป็นเครื่องมือแห่งการเรียนรู้ที่สำคัญมากของเด็กในวัยช่วงปฐมวัย ลูกน้อยจะใช้ประสาทสัมผัสเหล่านี้เรียนรู้และรับประสบการณ์จากโลกภายนอก สัมผัสทั้ง 5 มีอะไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
หลังคลอดทารกจะยังไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน แต่จะพัฒนาไปเรื่อย ๆ โดยสายตาและความสามารถในการตรวจจับสีและรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของลูกจะพัฒนาอย่างเต็มที่เมื่ออายุประมาณ 10-11 เดือน
เด็กสามารถรับรู้เสียงต่าง ๆ ได้ตั้งแต่ในครรภ์ และจะคุ้นเคยกับเสียงของคุณแม่เป็นพิเศษ เมื่อพวกเขาโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มเรียนรู้ที่จะแยกแยะเสียงและระบุแหล่งที่มาของเสียงได้
เด็กจะพัฒนาต่อมรับรสตั้งแต่ในครรภ์และรับรู้รสชาติผ่านทางน้ำคร่ำ เมื่อคลอดแล้วเด็กจะรับรสหวานและเปรี้ยวได้ ซึ่งจะชื่นชอบรสชาติหวานเป็นพิเศษ โดยเฉพาะน้ำนมแม่ แต่จะไม่ชอบของเหลวรสเปรี้ยว
เป็นประสาทสัมผัสที่เด็กสามารถรับรู้ได้ตั้งแต่ในครรภ์ ทารกใช้ประสาทรับกลิ่นในครรภ์โดยการหายใจเอาน้ำคร่ำซึ่งมีกลิ่นคล้ายกับน้ำนมแม่และอาหารที่แม่กิน หลังคลอดเด็กจะคุ้นเคยกับกลิ่นของพ่อแม่ และดึงดูดเข้าหากลิ่นน้ำนมของแม่ นอกจากนี้ยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของพ่อแม่ด้วย
การสัมผัสเป็นประสาทสัมผัสแรก ๆ ที่ทารกในครรภ์จะรู้สึกถึงได้ โดยจะสัมผัสถึงความร้อน ความเย็น แรงกด ความเจ็บปวด เป็นต้น หลังคลอดเด็กจะรู้สึกถึงความสบายใจและปลอดภัยมีการสัมผัส การสัมผัสยังช่วยในเรื่องการสร้างความผูกพันและสื่อสารถึงกัน การกอดและสัมผัสตัวลูกน้อยบ่อย ๆ บบเนื้อแนบเนื้อจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
ลูกจะเรียนรู้และใช้ชีวิตกับโลกรอบตัวผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ซึ่งการรับรู้ของพวกเขาจะพัฒนาไปเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น โดยพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกน้อย อาจแบ่งได้ตามช่วงวัย ดังนี้
พัฒนาการของลูกจะมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น ทั้งนี้ พัฒนาการด้านประสาทสัมผัสของเด็กที่กล่าวมาเป็นเพียงพัฒนาการทั่วไปที่เกิดขึ้นตามช่วงอายุ โดยคุณแม่ต้องไม่ลืมว่าเด็กทุกคนมีช่วงเวลาของการพัฒนาที่แตกต่างไปในแต่ละคน ซึ่งอาจจะเร็วหรือช้ากว่าคนอื่นได้เช่นกัน
สำหรับคุณแม่ที่สังเกตว่าลูกน้อยมีพัฒนาการที่ช้าหรือเร็วกว่าเด็กในวัยเดียวกัน และมีความกังวลว่าอาจเป็นสัญญาณของการมีพัฒนาการที่ผิดปกติ ก็สามารถไปพบคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติมได้
การกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ปฐมวัย เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็ก สามารถทำได้ดังนี้
คุณแม่สามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสด้านการมองเห็นของลูกน้อยได้หลายวิธี เช่น การเล่นจ๊ะเอ๋ การนำกระจกมาให้ลูกส่องเล่น การเล่นตบแปะ
นอกจากนี้ยังสามารถให้ลูกกินอาหารที่มีสารอาหาร เช่น สังกะสี ลูทีน กรดไขมันโอเมก้า 3 และวิตามิน A, C และ E ที่ช่วยบำรุงสุขภาพตา
เด็กสามารถใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อค้นหารสชาติใหม่และเสริมสร้างประสาทสัมผัสในทุกด้านไปพร้อมกัน ด้วยการดมกลิ่น เลีย สัมผัส และเล่นกับอาหารใหม่ๆ
โดยปกติลูกน้อยจะคุ้นชินนมแม่ เมื่อเปลี่ยนไปกินอาหารบางอย่างที่มีรสแปลกลิ้น เช่น รสขม รสเปรี้ยว อาจทำให้ใช้เวลานานในการทำความคุ้นเคย โดยเฉพาะผักและผลไม้ต่าง ๆ ทั้งนี้ คุณแม่ควรให้ลูกลองกินผัก ผลไม้หลากหลายชนิดตั้งแต่เนิ่น ๆ และให้กินบ่อยครั้ง จะช่วยให้ลูกกินได้จนเป็นนิสัย
คุณแม่อาจแนะนำให้ลูกน้อยได้รู้จักและสัมผัสกับเสียงที่หลากหลายเพื่อพัฒนาทักษะการได้ยิน เช่น การฟังเพลง การพาเด็กไปนอกบ้านเพื่อฟังเสียงสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เช่น ฟังเสียงนกร้อง ฟังเสียงคลื่น การฟังและภาษาต่าง ๆ การเล่นเครื่องดนตรี และอ่านหนังสือออกเสียงด้วยกัน เพื่อช่วยพัฒนาทักษะการได้ยินและการใช้ภาษา
อาหารสามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสด้านกลิ่นของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี คุณแม่อาจให้ลูกลองอาหารที่มีรสชาติและกลิ่นใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นทั้งประสาทสัมผัสด้านกลิ่นและรสชาติ
นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นการรับกลิ่นของลูกได้ด้วยการให้พวกเขาได้สัมผัสกลิ่นใหม่ ๆ เช่น โลชั่นเด็ก กลิ่นหอมเย็นจากพืชหรือผลไม้อย่างเปปเปอร์มินต์ กลิ่นส้ม กลิ่นเลมอน ซึ่งช่วยให้ความผ่อนคลายได้ด้วย
คุณแม่อาจกระตุ้นประสาทสัมผัสของลูกด้วยการให้เล่นวัตถุที่ปลอดภัย เช่น ของเล่นหรือบล็อกที่มีผิวสัมผัสหลากหลาย สิ่งของสำหรับให้โยนหรือบีบ หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน อย่างการระบายสีด้วยนิ้วมือ การเล่นทรายในสนามเด็กเล่น การเล่นแป้งโดว์ เป็นต้น
คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะว่า เด็กจะมีพัฒนาการ IQ และ EQ ที่ก้าวล้ำตั้งแต่ยังเล็กได้นั้น นอกจากการฝึกฝน เลี้ยงดู และอบรมสั่งสอนแล้ว การใส่ใจกับโภชนาการตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตนั้น ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ลูกพร้อมเติบโตมาเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทางความคิดและฉลาดทางอารมณ์
โดยโภชนาการที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับก็คือนมแม่ เพราะในนมแม่มีสารอาหารอย่าง MFGM หรือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในนมแม่ ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด อย่างสฟิงโกไมอิลีน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซต์ ซึ่งเป็นกลุ่มสารอาหารที่มีส่วนช่วยสำคัญต่อการเสริมพัฒนาการรับรู้ เพื่อ IQ ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก
Enfa สรุปให้ พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กที่ดี จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ลูกน้อย สา...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ลูกพัฒนาการช้าควรทําอย่างไร ต้องไม่กังวลเกินกว่าเหตุ เพราะเป็นเรื่...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ทารกชอบทําเสียงในลําคอ ซึ่งเป็นเสียงที่ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้ เช่น เสียง...
อ่านต่อ