นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

ประสาทสัมผัสทั้ง 5 และเคล็ดลับเสริมพัฒนาการให้ลูกน้อย

Enfa สรุปให้

  • ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เป็นเครื่องมือที่เด็กใช้ในการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว เป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าใจและรับรู้สิ่งต่าง ๆ ผ่านการใช้สัมผัสผ่านอวัยวะบนร่างกายของเด็ก ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนัง
  • ประสาทสัมผัสทั้ง 5 มีอะไรบ้าง ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ ได้แก่ การมองเห็น การได้ยิน การดมกลิ่น การลิ้มรส และการสัมผัส โดยประสาทสัมผัสทั้ง 5 จะช่วยให้ลูกน้อยสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวได้
  • ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ปฐมวัย เด็กในช่วงวัยปฐมวัยคือเด็กที่มีอายุตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์จนถึงอายุ 6 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ควรได้รับการดูแลใส่ใจอย่างเต็มที่ เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการที่สมบูรณ์สมวัย ซึ่งก็จะมีพัฒนาการที่แตกต่างไปในแต่ละช่วงวัย

เลือกอ่านตามหัวข้อ

ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เป็นวิธีที่ร่างกายรับสัญญาณจากสิ่งแวดล้อมผ่านอวัยวะรับความรู้สึก ซึ่งก็คือตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนัง อวัยวะเหล่านี้มีเส้นประสาทพิเศษที่ส่งสัญญาณไปยังสมอง 

จากนั้นสมองจะประมวลผลแล้วส่งข้อมูลกลับไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเพื่อบอกว่าจะตอบสนองต่อสัญญาณอย่างไร เอนฟาจะพามาทำความรู้จักกับประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่สัมพันธ์กับการเรียนรู้ของลูกน้อยกันค่ะ

 

ประสาทสัมผัสทั้ง 5 มีอะไรบ้าง


สัมผัสทั้ง 5 เป็นเครื่องมือแห่งการเรียนรู้ที่สำคัญมากของเด็กในวัยช่วงปฐมวัย ลูกน้อยจะใช้ประสาทสัมผัสเหล่านี้เรียนรู้และรับประสบการณ์จากโลกภายนอก สัมผัสทั้ง 5 มีอะไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

1. การมองเห็น (Sight)

หลังคลอดทารกจะยังไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน แต่จะพัฒนาไปเรื่อย ๆ โดยสายตาและความสามารถในการตรวจจับสีและรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของลูกจะพัฒนาอย่างเต็มที่เมื่ออายุประมาณ 10-11 เดือน

2. การได้ยิน (Hearing)

เด็กสามารถรับรู้เสียงต่าง ๆ ได้ตั้งแต่ในครรภ์ และจะคุ้นเคยกับเสียงของคุณแม่เป็นพิเศษ เมื่อพวกเขาโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มเรียนรู้ที่จะแยกแยะเสียงและระบุแหล่งที่มาของเสียงได้

3. การรับรส (Taste)

เด็กจะพัฒนาต่อมรับรสตั้งแต่ในครรภ์และรับรู้รสชาติผ่านทางน้ำคร่ำ เมื่อคลอดแล้วเด็กจะรับรสหวานและเปรี้ยวได้ ซึ่งจะชื่นชอบรสชาติหวานเป็นพิเศษ โดยเฉพาะน้ำนมแม่ แต่จะไม่ชอบของเหลวรสเปรี้ยว

4. การดมกลิ่น (Smell)

เป็นประสาทสัมผัสที่เด็กสามารถรับรู้ได้ตั้งแต่ในครรภ์ ทารกใช้ประสาทรับกลิ่นในครรภ์โดยการหายใจเอาน้ำคร่ำซึ่งมีกลิ่นคล้ายกับน้ำนมแม่และอาหารที่แม่กิน หลังคลอดเด็กจะคุ้นเคยกับกลิ่นของพ่อแม่ และดึงดูดเข้าหากลิ่นน้ำนมของแม่ นอกจากนี้ยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของพ่อแม่ด้วย

5. การสัมผัส (Touch)

การสัมผัสเป็นประสาทสัมผัสแรก ๆ ที่ทารกในครรภ์จะรู้สึกถึงได้ โดยจะสัมผัสถึงความร้อน ความเย็น แรงกด ความเจ็บปวด เป็นต้น หลังคลอดเด็กจะรู้สึกถึงความสบายใจและปลอดภัยมีการสัมผัส การสัมผัสยังช่วยในเรื่องการสร้างความผูกพันและสื่อสารถึงกัน การกอดและสัมผัสตัวลูกน้อยบ่อย ๆ บบเนื้อแนบเนื้อจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

ประสาทสัมผัสทั้ง 5 กับการเรียนรู้ของลูกน้อย


ลูกจะเรียนรู้และใช้ชีวิตกับโลกรอบตัวผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ซึ่งการรับรู้ของพวกเขาจะพัฒนาไปเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น โดยพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกน้อย อาจแบ่งได้ตามช่วงวัย ดังนี้

อายุ 0 ถึง 6 เดือน

  • มีการตอบสนองต่อเสียงพูดและเสียงรอบตัว
  • สามารถแยกแยะกลิ่นของน้ำนมแม่ได้
  • กลอกลูกตามองตามวัตถุที่เคลื่อนไหวได้
  • เอื้อมคว้าวัตถุที่ต้องการหยิบได้
  • สามารถแยะแยกระหว่างอุณหภูมิร้อนและเย็นได้
  • มีความสามารถในการดูด กลืน และหายใจด้วยตัวเอง (ในขณะดื่มนม)
  • แยกสีพื้นฐานได้
  • แยกรสชาติ เช่น หวาน ขม เค็ม ได้

อายุ 6 ถึง 12 เดือน

  • รับรู้รสชาติอาหารได้หลากหลาย
  • สามารถได้ยินเสียงในทุกช่วงความถี่
  • เลียนแบบท่าทางคนอื่นได้
  • พัฒนาความสามารถในการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในสามมิติ (รวมถึงความยาว ความกว้าง และความลึก) และสามารถตัดสินได้ว่าวัตถุนั้นอยู่ไกลแค่ไหน
  • มีความสามารถในการมองเห็นสีทุกสีที่มองเห็นได้ เนื่องจากจอประสาทตาสามารถพัฒนาเต็มที่และทำงานได้ดีขึ้น
  • นั่งได้เองโดยไม่ต้องมีคนช่วยจับหรือประคองตัว
  • หยิบจับสิ่งของด้วยนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือได้
  • แยะแยกความแตกต่างของเนื้อสัมผัสวัตถุด้วยการใช้มือและปาก

อายุ 1 ถึง 2 ปี

  • เดินได้แล้ว
  • จับดินสอหรือปากกาแล้วขีดเขียนได้
  • สามารถรับรสชาติอาหารได้เต็มที่
  • เลียนแบบเสียงคนหรือสิ่งที่ได้ยินได้แล้ว
  • เคี้ยวอาหารอย่างถูกต้อง
  • จดจำวัตถุที่คุ้นเคยได้ เช่น ตุ๊กตาหมี ผ้าเน่าของตัวเอง

อายุ 2 ถึง 3 ปี

  • เริ่มมีอาหารที่ชอบ
  • เตะฟุตบอลได้
  • กินอาหารด้วยช้อนได้
  • แสดงท่าทางมากขึ้น เช่น ส่งจูบ จากที่เคยทำได้แค่โบกมือหรือชี้นิ้ว
  • พลิกหน้ากระดาษหนังสือได้
  • กระโดดด้วยการใช้เท้าสองข้างขึ้นและลงพร้อมกันได้

อายุ 3 ถึง 4 ปี

  • สามารถเข้าสังคมด้วยการเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันได้
  • ระบุชื่อสีส่วนใหญ่ได้แล้ว
  • สามารถร้อยสิ่งของเข้าด้วยกันได้ เช่น ลูกปัดใหญ่ ๆ
  • สามารถแต่งตัวง่าย ๆ ด้วยตัวเองได้ แต่ยังไม่สามารถผูกเชือกรองเท้าหรือกลัดกระดุมได้
  • กินอาหารด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีคนช่วย

อายุ 4 ถึง 5 ปี

  • ระบุรูปร่างของวัตถุต่าง ๆ ได้
  • ระบุอาหารได้จากการดมกลิ่น
  • สามารถแสดงอารมณ์ที่ต้องการสื่อออกมาได้อย่างถูกต้อง
  • ปฏิบัติตามกฎหรือข้อตกลงได้
  • กระโดดขาเดียวได้
  • ตั้งสมาธิจดจ่อได้ประมาณ 5-10 นาที

พัฒนาการของลูกจะมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น ทั้งนี้ พัฒนาการด้านประสาทสัมผัสของเด็กที่กล่าวมาเป็นเพียงพัฒนาการทั่วไปที่เกิดขึ้นตามช่วงอายุ โดยคุณแม่ต้องไม่ลืมว่าเด็กทุกคนมีช่วงเวลาของการพัฒนาที่แตกต่างไปในแต่ละคน ซึ่งอาจจะเร็วหรือช้ากว่าคนอื่นได้เช่นกัน 

สำหรับคุณแม่ที่สังเกตว่าลูกน้อยมีพัฒนาการที่ช้าหรือเร็วกว่าเด็กในวัยเดียวกัน และมีความกังวลว่าอาจเป็นสัญญาณของการมีพัฒนาการที่ผิดปกติ ก็สามารถไปพบคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติมได้

 

กระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ปฐมวัย


การกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ปฐมวัย เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็ก สามารถทำได้ดังนี้

กระตุ้นประสาทสัมผัสด้านการมองเห็น

คุณแม่สามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสด้านการมองเห็นของลูกน้อยได้หลายวิธี เช่น การเล่นจ๊ะเอ๋ การนำกระจกมาให้ลูกส่องเล่น การเล่นตบแปะ

นอกจากนี้ยังสามารถให้ลูกกินอาหารที่มีสารอาหาร เช่น สังกะสี ลูทีน กรดไขมันโอเมก้า 3 และวิตามิน A, C และ E ที่ช่วยบำรุงสุขภาพตา

กระตุ้นประสาทสัมผัสด้านการรับรส

เด็กสามารถใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อค้นหารสชาติใหม่และเสริมสร้างประสาทสัมผัสในทุกด้านไปพร้อมกัน ด้วยการดมกลิ่น เลีย สัมผัส และเล่นกับอาหารใหม่ๆ 

โดยปกติลูกน้อยจะคุ้นชินนมแม่ เมื่อเปลี่ยนไปกินอาหารบางอย่างที่มีรสแปลกลิ้น เช่น รสขม รสเปรี้ยว อาจทำให้ใช้เวลานานในการทำความคุ้นเคย โดยเฉพาะผักและผลไม้ต่าง ๆ ทั้งนี้ คุณแม่ควรให้ลูกลองกินผัก ผลไม้หลากหลายชนิดตั้งแต่เนิ่น ๆ และให้กินบ่อยครั้ง จะช่วยให้ลูกกินได้จนเป็นนิสัย

กระตุ้นประสาทสัมผัสด้านเสียง

คุณแม่อาจแนะนำให้ลูกน้อยได้รู้จักและสัมผัสกับเสียงที่หลากหลายเพื่อพัฒนาทักษะการได้ยิน เช่น การฟังเพลง การพาเด็กไปนอกบ้านเพื่อฟังเสียงสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เช่น ฟังเสียงนกร้อง ฟังเสียงคลื่น การฟังและภาษาต่าง ๆ การเล่นเครื่องดนตรี และอ่านหนังสือออกเสียงด้วยกัน เพื่อช่วยพัฒนาทักษะการได้ยินและการใช้ภาษา

กระตุ้นประสาทสัมผัสด้านกลิ่น

อาหารสามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสด้านกลิ่นของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี คุณแม่อาจให้ลูกลองอาหารที่มีรสชาติและกลิ่นใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นทั้งประสาทสัมผัสด้านกลิ่นและรสชาติ

นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นการรับกลิ่นของลูกได้ด้วยการให้พวกเขาได้สัมผัสกลิ่นใหม่ ๆ เช่น โลชั่นเด็ก กลิ่นหอมเย็นจากพืชหรือผลไม้อย่างเปปเปอร์มินต์ กลิ่นส้ม กลิ่นเลมอน ซึ่งช่วยให้ความผ่อนคลายได้ด้วย

กระตุ้นประสาทสัมผัสด้านสัมผัส

คุณแม่อาจกระตุ้นประสาทสัมผัสของลูกด้วยการให้เล่นวัตถุที่ปลอดภัย เช่น ของเล่นหรือบล็อกที่มีผิวสัมผัสหลากหลาย สิ่งของสำหรับให้โยนหรือบีบ หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน อย่างการระบายสีด้วยนิ้วมือ การเล่นทรายในสนามเด็กเล่น การเล่นแป้งโดว์ เป็นต้น

 

MFGM สารอาหารในนมแม่ เพื่อ IQ ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก


คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะว่า เด็กจะมีพัฒนาการ IQ และ EQ ที่ก้าวล้ำตั้งแต่ยังเล็กได้นั้น นอกจากการฝึกฝน เลี้ยงดู และอบรมสั่งสอนแล้ว การใส่ใจกับโภชนาการตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตนั้น ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ลูกพร้อมเติบโตมาเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทางความคิดและฉลาดทางอารมณ์

โดยโภชนาการที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับก็คือนมแม่ เพราะในนมแม่มีสารอาหารอย่าง MFGM หรือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในนมแม่ ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด อย่างสฟิงโกไมอิลีน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซต์ ซึ่งเป็นกลุ่มสารอาหารที่มีส่วนช่วยสำคัญต่อการเสริมพัฒนาการรับรู้ เพื่อ IQ ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก


* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Shopee TH Lazada TH Join Enfamama