นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดิอนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ​Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

Laryngomalacia คืออะไร รู้ทันอาการหายใจครืดคราดในลูกน้อย

Enfa สรุปให้

  • Laryngomalacia คือ อาการของโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจของเด็ก เรียกเป็นชื่อไทยว่า กล่องเสียงอ่อนตัว, โรคหลอดลมอ่อนตัว, โรคหลอดลมหย่อน, ภาวะกล่องเสียงอ่อนยวบ, ท่อลมอ่อน, และกระดูกอ่อนของหลอดลมยังไม่แข็งแรง
  • โรค Laryngomalacia ปัจจุบัน ยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่นอนว่าทำไมทารกบางคนถึงมีภาวะนี้ แต่เชื่อได้ว่าภาวะนี้อาจได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม (แต่ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอนมารองรับทฤษฎีนี้)
  • Severe Laryngomalacia คือ เด็กมีอาการ Laryngomalacia รุนแรงที่รบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันของเขา หรืออาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การขาดออกซิเจน หรือการกินนมยากลำบาก

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

คุณแม่และคุณพ่อมือใหม่หลายคนคงเคยตกใจเมื่อได้ยินเสียงหายใจครืดคราดของลูกน้อย โดยเฉพาะในช่วงแรกเกิดหรือไม่กี่เดือนหลังคลอด บางครั้งอาจเข้าใจผิดคิดว่าลูกเป็นหวัด มีเสมหะ หรือเกิดจากหลอดลมตีบตัน 

แต่ความจริงแล้วอาการเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับ laryngomalacia หรือ ภาวะอ่อนตัวของกล่องเสียงในทารกแรกเกิด ซึ่งบางคนเอาจรู้จักในชื่ออาการอ่อนตัวของเนื้อเยื่อบริเวณกล่องเสียง จนส่งผลให้การหายใจมีเสียงผิดปกติ

หลายครอบครัวกังวลว่าภาวะนี้อันตรายไหม รักษาอย่างไร ลูกจะหายขาดได้หรือเปล่า เรามาลองทำความรู้จักว่า laryngomalacia คืออะไร ความผิดปกตินี้คุณพ่อคุณแม่ต้อกังวลแค่ไหนควรดูแลลูกน้อยอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาตามมา 


Laryngomalacia คืออะไร


จริงๆ แล้ว laryngomalacia คือ ความผิดปกติที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มความผิดปกติแต่กำเนิดของทางเดินหายใจส่วนบนของทารก และส่วนใหญ่สามารถหายเองได้เมื่อเด็กโตขึ้น คำว่า Laryngomalacia มาจากภาษากรีกและละตินผสมกัน “Laryngo” หมายถึงกล่องเสียง (Larynx) และ “malacia” หมายถึงอ่อนตัว ภาวะนี้เรียกเป็นชื่อไทยว่า กล่องเสียงอ่อนตัว, โรคหลอดลมอ่อนตัว, โรคหลอดลมหย่อน, ภาวะกล่องเสียงอ่อนยวบ, ท่อลมอ่อน, และกระดูกอ่อนของหลอดลมยังไม่แข็งแรง

โดยปกติแล้วกระดูกอ่อนจะช่วยเสริมความแข็งแรงของท่อหลอดลม ทำให้ไม่แฟบแบนขณะมีลมหายใจผ่านเข้าออก แต่จะคงความเป็นท่ออยู่ได้ แต่ทารกบางคนอาจมีการพัฒนาส่วนกระดูกอ่อนช้ากว่าปกติ ดังนั้นเวลาหายใจเข้าออก ท่อหลอดลมจะแฟบทำให้เกิดเสียงครืดคราดในลำคอได้

สาเหตุของ Laryngomalacia ปัจจุบัน ยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่นอนว่าทำไมทารกบางคนถึงมีภาวะนี้ แต่เชื่อได้ว่าภาวะนี้อาจได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม (แต่ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอนมารองรับทฤษฎีนี้) โดยภาวะหลอดลมอ่อนตัวนี้ มักจะเกี่ยวข้องกับโรคที่ถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น ภาวะต่อมเพศไม่เจริญ โรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 11 (Costello Syndrome) เป็นต้น 

ลักษณะเสียง และอาการที่พบบ่อยของ Laryngomalacia นั้นมักพบว่า เสียงหายใจดังครืดคราด โดยเฉพาะเวลาหายใจเข้า อาการมักชัดเจนมากขึ้นเมื่อร้องไห้ ตื่นเต้น หรือตอนกินนม เพราะกล่องเสียงจะถูกกระตุ้น โดยเสียงจะลดลงเมื่อเด็กนอนคว่ำหรือนั่งตัวตรง เพราะแรงโน้มถ่วงช่วยดึงเนื้อเยื่อไม่ให้หย่อนลง

ส่วนใหญ่แสดงอาการตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรกหลังคลอด แต่บางรายอาจเห็นชัดเจนหลัง 1 เดือน อาการมักเป็นมากขึ้นในช่วง 4-8 เดือนแรก และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่ออายุ 12-18 เดือน
สำหรับการวินิจฉัย Laryngomalacia แพทย์อาจตรวจโดยการส่องกล้อง (Flexible Fiberoptic Laryngoscopy) ผ่านทางจมูกหรือปาก เพื่อดูว่าเนื้อเยื่อบริเวณขอบกล่องเสียงหย่อนลงระหว่างหายใจเข้าจริงหรือไม่ ในกรณีที่อาการไม่ชัดเจนหรือเด็กมีปัญหาระบบหายใจอื่น ๆ ร่วม แพทย์อาจตรวจภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์หรือใช้เทคนิคเพิ่มเติม

 

Severe Laryngomalacia คืออะไร

แม้ว่า Laryngomalacia ส่วนใหญ่จะเป็นชนิดไม่รุนแรง และหายได้เองเมื่อกล่องเสียงพัฒนาแข็งแรงขึ้นตามอายุ แต่ก็ยังมีบางรายที่เกิดภาวะรุนแรง หรือ Severe Laryngomalacia คือ เด็กมีอาการ Laryngomalacia รุนแรง ที่รบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันของเขา หรืออาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การขาดออกซิเจน หรือการกินนมยากลำบาก

เกณฑ์ที่บ่งชี้ว่าอาจเป็น severe laryngomalacia

  • หายใจลำบากอย่างเห็นได้ชัด เด็กร้องหายใจฟืดฟาด แม้ในช่วงที่สงบ ไม่ได้ร้องไห้หรือออกแรง
  • มีภาวะหยุดหายใจชั่วขณะ (Apnea) โดยเฉพาะขณะหลับ หากนานเกินไปอาจทำให้ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ
  • น้ำหนักตัวขึ้นช้า หรือมีปัญหาในการกินนม เนื่องจากต้องหยุดหายใจระหว่างดูดนมหรือเหนื่อยง่าย ทำให้กินได้น้อย
  • ภาวะรุนแรงด้านอื่น ๆ เช่น กระดูกซี่โครงบุ๋มเวลาหายใจ (Chest Retractions), ตัวเขียวเมื่อร้องไห้นาน ๆ


อาการมีความรุนแรงมากแค่ไหน
ในเด็กที่เป็น Severe Laryngomalacia อาจมีความผิดปกติที่กว้างขวางหรือมากกว่าในโครงสร้างกล่องเสียง เช่น ขอบกล่องเสียงด้านบน (Supraglottic) หย่อนไปมาก หรือเนื้อเยื่อขยายเกินกว่าปกติ ส่งผลให้ทางเดินหายใจตีบในระดับที่อันตราย กระทบต่อการแลกเปลี่ยนออกซิเจน

จำเป็นต้องรักษาเฉพาะทางหรือไม่
เมื่อวินิจฉัยแล้วว่าอยู่ในระดับรุนแรง แพทย์หู คอ จมูก หรือศัลยแพทย์ทางเดินหายใจเด็ก อาจแนะนำวิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดลดเนื้อเยื่อส่วนเกิน (Supraglottoplasty) เพื่อเปิดทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น หรือในกรณีรุนแรงมากอาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจชั่วคราว

 

โรค Laryngomalacia อันตรายไหม

เมื่อได้ยินชื่อว่าเป็น “โรค” หรือ “ภาวะผิดปกติ” เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจของลูกน้อย ก็อาจสร้างความวิตกให้คุณพ่อคุณแม่ไม่น้อย สำหรับ โรค Laryngomalacia อันตรายไหม ส่วนใหญ่เป็นชนิดไม่รุนแรง โดยกรณี “Mild Laryngomalacia” หรือชนิดไม่รุนแรง จะมีสัดส่วนในการเป็นมากถึง 90% ขึ้นไปของผู้ป่วย โดยโรค Laryngomalacia เด็กมักมีเสียงหายใจครืดคราด แต่สามารถกินนมได้ปกติ เจริญเติบโตตามวัย เมื่อโตขึ้นประมาณ 1-2 ปี อาการจะลดลงอย่างชัดเจน และหายไปเองในที่สุด

ส่วนกรณีที่ต้องเฝ้าระวัง คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตอาการในกลุ่ม Severe Laryngomalacia เช่น หายใจลำบาก ไซนัสอักเสบเรื้อรัง หรือหยุดหายใจขณะหลับ บางกรณีอาจมีการขาดออกซิเจนเรื้อรัง หรือมีภาวะกรดไหลย้อน (GERD) ร่วมด้วย ก็เป็นสิ่งที่ต้องประเมินอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหากรดไหลย้อนอาจกระตุ้นอาการหายใจครืดคราดมากขึ้น หรือทำให้มีปัญหาในการกิน นี่คือตัวชี้ว่าควรพาไปพบแพทย์ทันที

นอกจากนั้น ควรต้องระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้ 

  • หยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) ในบางรายที่กล่องเสียงตีบมาก อาจมีภาวะหยุดหายใจสั้น ๆ ระหว่างนอนหลับ
  • เติบโตช้า (Failure to Thrive) เพราะเด็กเหนื่อยง่าย กินนมน้อย หรือมีกรดไหลย้อน ส่งผลต่อการได้รับสารอาหาร
  • ปอดอักเสบหรือการติดเชื้อทางเดินหายใจ เนื่องจากเด็กอาจต้องออกแรงหายใจมากกว่าปกติ ทำให้เสี่ยงต่อการสำลักหรือเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ถ้าไม่ระวัง

ดูแลอย่างไรเมื่อลูกน้อยเป็นโรค Laryngomalacia

เมื่อรู้แล้วว่าโรคนี้ไม่ถึงกับอันตรายมากในกรณีทั่วไป แต่ก็ยังต้องการการใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ เพราะเกี่ยวข้องกับระบบหายใจ และอาจกระทบต่อพัฒนาการในช่วงแรกของลูก เรามาดูแนวทางการดูแลเบื้องต้นที่สามารถทำได้ที่บ้าน รวมถึงวิธีการรักษาที่แพทย์อาจแนะนำ


การดูแลเบื้องต้นที่บ้าน

1.สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
จดบันทึกความถี่ของเสียงหายใจครืดคราด หรือเวลาที่เสียงดังขึ้นชัดเจน เช่น หลังร้องไห้นาน ๆ หรือหลังดูดนม สังเกตสีหน้าหรือสีผิวของลูก หากมีอาการตัวเขียว (Cyanosis) หรือซีดลง อาจบ่งบอกว่าขาดออกซิเจน

2.ปรับท่าการนอนและการอุ้ม
เด็กที่มีภาวะ Laryngomalacia มักหายใจได้ดีขึ้นเมื่ออยู่ในท่ากึ่งตั้ง หรือท่านอนคว่ำบนอกแม่ (แต่ควรระวังความปลอดภัยเรื่องการหายใจในท่านอนคว่ำ) หากลูกชอบนอนหงาย ลองปรับหัวเตียงให้ยกสูงเล็กน้อย ช่วยลดแรงกดบริเวณคอ

3.จัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
รักษาอากาศให้ปลอดโปร่ง หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น ฝุ่น ควันบุหรี่ หรือกลิ่นฉุน ที่อาจทำให้ลูกหายใจลำบาก ปรับอุณหภูมิห้องไม่ให้ร้อนหรือเย็นเกินไป เพราะอากาศแห้งอาจกระตุ้นให้เกิดความระคายเคืองของทางเดินหายใจ

4.บริหารการกินนม
เด็กบางคนจะเหนื่อยหอบหลังดูดนมได้สักระยะ คุณแม่อาจต้องแบ่งเวลาการป้อนนมให้ถี่ขึ้น แต่ปริมาณลดลง เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารเพียงพอโดยไม่เหนื่อยเกินไป หากลูกมีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางในการดูแลอาการนี้

การรักษาทางการแพทย์
1.การใช้ยาลดกรดไหลย้อน
อาการกรดไหลย้อนอาจกระตุ้นอาการ Laryngomalacia ให้แย่ลงได้ การให้ยาลดกรดช่วยทำให้อาการครืดคราดเบาลง

2.การเฝ้าติดตามด้วยอุปกรณ์วัดออกซิเจน
ในรายที่สงสัยว่ามีปัญหาการหายใจขณะหลับหรือขณะดูดนม อาจต้องเฝ้าระวังด้วยการวัดค่าออกซิเจนในเลือดอย่างสม่ำเสมอ

3.การผ่าตัด 
หากภาวะ Severe Laryngomalacia มีอาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดเปิดขยายหรือเล็มเนื้อเยื่อที่หย่อน เพื่อเปิดทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น หลังผ่าตัด เด็กมักฟื้นตัวได้ดีในเวลาไม่นาน และอาการหายใจครืดคราดจะดีขึ้น

4.การดูแลพิเศษใน ICU
ถ้าเด็กมีภาวะหยุดหายใจบ่อย ๆ หรือขาดออกซิเจนขั้นวิกฤติ อาจต้องอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤติเด็ก เพื่อเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงอาจใช้เครื่องช่วยหายใจในบางช่วง

การดูแลขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค Laryngomalacia หากไม่รุนแรงมาก คุณแม่สามารถสังเกตอาการและปรับสภาพแวดล้อมได้เองเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเข้าข่ายมีภาวะ Severe Laryngomalacia อาจต้องมีการรักษาในอีกระดับ

 

ลูกหายใจครืดคราด อาการสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรสังเกต

การได้ยินเสียงหายใจครืดคราดในเด็กแรกเกิดไม่ใช่เรื่องปกติเสมอไป แต่อาจเกิดจากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นไขในจมูก เสมหะ หรือภาวะอย่าง Laryngomalacia การแยกแยะอาจไม่ง่ายสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ดังนั้น การหมั่นสังเกตและบันทึกอาการจะช่วยให้เราทันกับอาการได้เร็วขึ้น ดังนี้ 

1.ลักษณะของเสียงหายใจที่ควรระวัง

  • เสียงครืดคราด (Stridor) โดยเฉพาะเมื่อเด็กหายใจเข้า ถือเป็นหนึ่งในอาการที่มักพบกับความผิดปกติบริเวณทางเดินหายใจ
  • เสียงหวีดแหลม (Wheezing): มักเป็นลักษณะที่คล้ายคลึงกับปัญหาหลอดลมเล็กในปอด เช่น หอบหืด หรือหลอดลมอักเสบ
  • เสียงคัดจมูกตลอดเวลา: อาจเกิดจากน้ำมูกหรือแพ้อากาศ ควรเช็กดูว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมในจมูก

2.ปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวกับลักษณะการหายใจ

  • ท่านอน: หากเสียงหายใจเบาลงเมื่อลูกนอนคว่ำหรือเอียงข้าง อาจบ่งบอกถึงภาวะที่เกี่ยวข้องกับกล่องเสียงหรือลำคออย่างอาการ Laryngomalacia ได้
  • อารมณ์/การร้องไห้: หากร้องไห้แล้วเสียงหายใจดังขึ้น อาจเป็นอีกสัญญาณว่าทางเดินหายใจส่วนบผิดปกติ
  • กินนม: เด็กอาจหยุดหรือสะดุ้งตอนกินนมเพราะหายใจไม่ทัน ถ้าเกิดบ่อย ๆ ควรสงสัยถึงปัญหาโครงสร้างของทางเดินหายใจ

ข้อควรทำเมื่อได้ยินเสียงหายใจครืดคราดบ่อย ๆ

  • จดบันทึกลักษณะเสียงและช่วงเวลาที่เกิด เช่น เกิดหลังตื่นนอนหรือหลังร้องไห้
  • สังเกตสีผิวและพฤติกรรม ถ้าเด็กดูปกติ ร่าเริง น้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์ ไม่มีอาการตัวเขียว ก็อาจไม่น่าห่วงเท่ากับกรณีที่ลูกดูอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรือหยุดหายใจเป็นพัก ๆ
  • ปรึกษากุมารแพทย์ เพื่อหาต้นตอที่แท้จริง หากจำเป็นอาจต้องส่องกล้องดูหรือทำการตรวจอื่น ๆ


เมื่อลูกน้อยเป็น Laryngomalacia พ่อแม่ควรทำอย่างไร

  • เสียงหายใจมักเด่นชัดตั้งแต่เดือนแรก ๆ ของชีวิต แต่ถ้าไม่แน่ใจสามารถสอบถามแพทย์เกี่ยวกับลักษณะอาการเพื่อความแน่ใจได้
  • ในหลายกรณี คุณพ่อคุณแม่อาจรู้สึกว่าลูกมีเสียงหายใจดังครืดคราด หรือผิดปกติมากช่วง 4-6 เดือน แล้วค่อย ๆ หายใจเบาลง จนหายไปในช่วงขวบปีที่ 1 หรือ 2 คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างความมั่นใจด้วยการติดตามอาการร่วมกับแพทย์อย่างต่อเนื่องได้
  • ถ้าลูกไม่มีอาการอื่น ๆ แทรกซ้อน แพทย์อาจนัดติดตามดูพัฒนาการทุกเดือนหรือทุก 2-3 เดือน
    หากสงสัยว่ามีกรดไหลย้อนร่วมด้วย หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาจต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติม เช่น Sleep Study หรือการตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด
  • อาการลูกหายใจครืดคราดเป็นสัญญาณที่สำคัญ คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอย่างใกล้ชิด หากเสียงดังมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีอาการผิดปกติอื่น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าเกี่ยวข้องกับ laryngomalacia หรือไม่ หรือมีภาวะอื่นร่วมด้วย การรู้เร็วย่อมแก้ไขได้ง่ายและลดความกังวลในระยะยาว


นมแม่ที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า

นอกจากเรื่องการดูแลภาวะทางเดินหายใจอย่างภาวะ Laryngomalacia แล้ว สิ่งที่คุณแม่ไม่ควรมองข้ามคือการเตรียมโภชนาการที่เหมาะสมและมีคุณภาพในช่วง 1,000 วันแรกของลูก ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญมากต่อพัฒนาการทางสมองและสติปัญญา 

โดย 80% ของสมอง จะเติบโตสูงสุดในช่วง 2 ขวบปีแรก และ 90% จะเติบโตสูงสุดในช่วง 5 ปีแรก ด้วยเหตุนี้ โภชนาการในช่วง 1,000 วันแรกของลูกน้อย จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

โภชนาการที่ดีจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมองและการเรียนรู้ของลูกน้อย โดยคุณแม่สามารถเสริมสร้างโภชนาการที่ดีได้ด้วยการให้ลูกน้อยได้รับนมแม่ตั้งแต่ 6 เดือนแรก และให้นมแม่อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับอาหารตามวัยจนอายุ 2 ปี

เพราะในนมแม่มีสารอาหารสำคัญอย่าง MFGM หนึ่งเดียวที่มีงานวิจัยรองรับว่า* ช่วยให้มี IQ และ EF ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก ให้ลูกพร้อมกว่าเมื่อถึงวัยเข้าเรียน โดย MFGM ในนมแม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น

*สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีและศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย. นมแม่กับการพัฒนาทักษะสมองส่วน Executive Function. 2561


  • amarinbabyandkids. แม่แชร์! ลูกหายใจดังจาก “โรค Laryngomalacia” หลอดลมอ่อนตัว. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.amarinbabyandkids.com/health/laryngomalacia/2/. [31 มกราคม 2568]
  • American Thoracic Society. What Is Laryngomalacia?. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.thoracic.org/patients/patient-resources/resources/laryngomalacia.pdf. [31 มกราคม 2568]
  • pobpad.com. ลูกหายใจครืดคราด รู้จักสาเหตุและสัญญาณที่ควรรีบพาไปพบแพทย์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.pobpad.com/ลูกหายใจครืดคราด-รู้จัก. [31 มกราคม 2568]
  • มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ภาวะกระดูกอ่อนกล่องเสียงอ่อนยวบ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://ent.kku.ac.th/download/pubishfiles/publish_4_003.pdf. [31 มกราคม 2568]
  • chop.edu. Laryngomalacia. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.chop.edu/conditions-diseases/laryngomalacia. [31 มกราคม 2568]
Line TH
Shopee TH Lazada TH Join Enfamama