นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

ผื่นทารกมีกี่แบบ ลูกเป็นผื่นทารกจะรับมืออย่างไรดี

Enfa สรุปให้

  • ผื่นทารกมีกี่แบบ? ผื่นทารกนั้นมีหลายชนิด ทั้งผื่นทารกที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปและไม่ก่อให้เกิดอันตราย กับผื่นที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือเกิดจากอาการภูมิแพ้ ซึ่งจำเป็นต้องมีการรักษาเฉพาะทาง
  • ผื่นทารก ส่วนใหญ่มักจะหายเองได้ภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ โดยไม่ต้องมีการรักษาเฉพาะทาง เช่น ผื่นร้อน ไขบนหัวทารก สิวทารก เป็นต้น
  • การหมั่นบำรุงผิวทารกให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอด้วยโลชัน ออยล์ หรือมอยส์เจอไรเซอร์ มีส่วนช่วยทำให้ผิวแข็งแรง ลดโอกาสในการระคายเคืองหรืออักเสบง่าย ป้องกันผื่นแพ้ในทารก

เลือกอ่านตามหัวข้อ

ผิวของทารกนั้นบอบบาง จึงเกิดการระคายเคือง การอักเสบ หรือมีอาการแพ้ได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่จึงมักพบว่าลูกน้อยเป็นผื่นเด็กทารกอยู่บ่อย ๆ แต่ผื่นทารกเกิดจากอะไร ผื่นทารกมีกี่แบบ แล้วคุณพ่อคุณแม่จะดูแลผิวของลูกให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงของปัญหาผื่นในทารกได้อย่างไรบ้าง บทความนี้จาก Enfa มีคำตอบค่ะ

ผื่นทารกมีกี่แบบกันนะ


ผื่นเด็กทารก มีหลายชนิด โดยผื่นทารกที่พบได้โดยทั่วไป มีดังนี้

  • สิวเด็กทารก (Baby Acne)

ทารกก็เป็นสิวได้เหมือนกันนะ ในช่วงเดือนแรกของชีวิต ทารกอาจมีสิวบริเวณแก้ม จมูก และหน้าผาก แต่สิวทารกนี้ไม่จำเป็นต้องแคะ แกะ บีบ หรือทายาอะไรค่ะ แม้ในระยะแรก ๆ อาการอาจจะดูค่อนข้างรุนแรง แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายกับลูกน้อย และสิวทารกสามารถที่จะหายไปได้เองภายใน 3 สัปดาห์ หรือ 3 เดือนหลังคลอดโดยไม่ต้องรับการรักษาเฉพาะทางแต่อย่างใด

  • ไขบนหัวทารก (Cradle Cap)

ไขบนหัวทารก จะมีลักษณะเป็นเกล็ดปื้น ๆ สีเหลืองบนศีรษะหรือบริเวณหน้าผากของทารก ในทารกบางคนอาจลามมาถึงบริเวณใบหน้า ใบหู และลำคอด้วย

ไขบนหัวทารก ไม่จำเป็นต้องรับการรักษาเฉพาะทางค่ะ เพราะนอกจากจะไม่ส่งผลเสียต่อทารกแล้ว ไขนี้ก็จะค่อย ๆ หลุดออกไปเองในช่วง 2-3 สัปดาห์ หรือ 2-3 เดือนแรกหลังคลอด

  • ผื่นผ้าอ้อม (Diaper Rash)

ผื่นผ้าอ้อมเด็ก มักพบบริเวณง่ามขา ก้น และอวัยวะเพศของทารก เกิดจากความอับชื้น หรือเกิดจากการเสียดสีของผ้าอ้อมกับผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นผื่นแดงระคายเคือง

ผื่นผ้าอ้อมทารก สามารถรักษาได้ด้วยการหมั่นทำความสะอาดผิวของทารก ทาโลชันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น คอยดูแลให้ผิวของลูกแห้งเสมอ เปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอับชื้นและหมักหมมสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรีย

  • ผื่นน้ำลาย (Drool Rash)

เมื่อทารกอายุย่าง 3-4 เดือน ต่อมน้ำลายจะทำงานมากขึ้น ทำให้ทารกมีน้ำลายไหลเยิ้มออกมามากขึ้นตามไปด้วย และก่อให้เกิดการอับชื้นที่บริเวณปากและลำคอ หากไม่เช็ดให้แห้ง และทำความสะอาด ก็จะทำให้เกิดการหมักหมมจนเกิดอาการผื่นแดงระคายเคือง หรือมีผิวลอกเป็นขุยที่บริเวณปาก คาง และลำคอได้

คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลไม่ให้ลูกน้ำลายไหลเยิ้มตลอดเวลา หมั่นซับและเช็ดทำความสะอาดอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ผิวของลูกเปียกชื้นน้ำลายเป็นเวลานาน ๆ และหมั่นทาโลชันหรือออยล์บำรุงผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และบำรุงให้ผิวทารกแข็งแรง

  • ผื่นแพ้ในทารก (Eczema)

ผื่นแพ้ในทารก ถือว่าเป็นโรคผิวหนังชนิดเรื้อรังค่ะ ลูกน้อยจะมีอาการคัน ผิวแห้ง ลอก แดง ลูกเป็นผื่นแดงทั้งตัว โดยอาจพบตามข้อพับต่าง ๆ แขน ขา ลำคอ ใบหน้า ศีรษะ หรือส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย  

หากลูกมีผื่นแพ้ทารก ควรพาลูกไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป หมั่นทาโลชันและมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเสริมความชุ่มชื้นให้ผิว และทาครีมยาเพื่อรักษาอาการผื่นแพ้ในทารก

  • ผื่นจากโรคมือเท้าปาก (Hand, Foot, and Mouth Disease)

โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส และระบาดได้ง่ายในเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง โดยอาการสำคัญที่จะปรากฎให้เห็นก็คือ  

  • เจ็บคอ

  • มีไข้สูง

  • เบื่ออาหาร

  • มีผื่นแดงขึ้นบริเวณมือ เทา ปาก คาง

  • เป็นแผลในปาก

โรคมือเท้าปากสามารถรักษาได้ตามอาการ และหายได้เองภายใน 7-10 วัน สามารถป้องกันได้ด้วยการรักษาความสะอาด ไม่พาลูกไปในแหล่งชุมชนแออัดที่มีการระบาด ไม่ให้คนอื่นหอมหรือจูบลูก ไม่สัมผัสลูกหากยังไม่ล้างมือ และที่สำคัญคือควรพาลูกไปรับวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปากตั้งแต่อายุ 6 เดือนถึง 5 ปี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ให้อาการรุนแรงหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน

  • ผดร้อนทารก (Heat Rash)

ผื่นผดร้อนทารก เกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และต่อมเหงื่อของลูกมีการอุดตัน ทำให้ไม่สามารถระบายเหงื่อออกทางผิวหนังได้เท่าที่ควร ทำให้เกิดการระคายเคือง และกลายเป็นผดผื่นแดงเล็ก ๆ ขึ้นตามใบหน้า ลำคอ หน้าอก หรือทั่วทั้งร่างกาย  

ผื่นผดร้อนสามารถหายได้เอง โดยดูแลควบคู่ไปกับการทำความสะอาดเพื่อไม่เกิดการหมักหมมของเหงื่อไคล สวมเสื้อผ้าสบาย ๆ ไม่หนาเกินไป เพื่อให้ระบายอากาศได้ดี ไม่ปล่อยให้ลูกอยู่ในอุณหภูมิร้อนจัด ก็จะช่วยป้องกันผดร้อนทารกได้

  • ผื่นลมพิษในทารก (Hives)

ผื่นลมพิษ มักมีสาเหตุมาจากอาการภูมิแพ้ในทารก เช่น แพ้นมวัว แพ้ไข่ แพ้ถั่ว แพ้ฝุ่น แพ้ละอองเกสรดอกไม้ แพ้เหงื่อ ทำให้มีผื่นลมพิษปรากฎขึ้นตามร่างกาย

หากลูกมีผื่นลมพิษบ่อย ๆ ให้รีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสารก่อภูมิแพ้ และรับการรักษาเฉพาะทางที่เหมาะสม โดยคุณพ่อคุณแม่ก็จะได้หาวิธีป้องกันไท่ให้ลูกได้รับสารก่อภูมิแพ้นั้นเข้าสู่ร่างกายอีก

  • ผื่นจากโรคติดเชื้อ เช่น โรคอีสุกอีใส โรคหัด

บ่อยครั้งที่เด็ก ๆ มีผื่นขึ้นตามร่างกายอันเนื่องมาจากเกิดการติดเชื้อต่าง ๆ ผื่นเหล่านี้มักจะพ่วงมาด้วยอาการร่วมอื่น ๆ เช่น อ่อนเพลีย มีไข้ เจ็บคอ มีอาการไอ และอาจจะต้องมีการกินยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมอาการและรักษาอาการติดเชื้อเหล่านั้นด้วย มากไปกว่านั้น คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปรับวัคซีนเด็กตามที่กำหนด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อย และป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ

ผดผื่นทารก เกิดจากสาเหตุใด


ผดผื่นทารก เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น:

  • อากาศร้อน
  • การติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ
  • อาการภูมิแพ้ในเด็ก
  • ปัญหาผิวแห้ง ลอก ผิวขาดความชุ่มชื้น
  • เกิดการระคายเคืองทั้งจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด หรือเกิดการระคายเคืองจากสารเคมี
  • การหมักหมมและความอับชื้นของผ้าอ้อม
  • โรคระบาดต่าง ๆ

ผื่นในเด็กทารก รักษายังไงดี


ผื่นในเด็กทารกนั้น ส่วนมากแล้วมักไม่อันตราย และสามารถที่จะหายเองได้โดยไม่ต้องรับการรักษาเฉพาะทาง เช่น สิวทารก ผื่นน้ำลาย ไขบนหัวทารก เป็นต้น

หรือการรักษาตามอาการ ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นตามลำดับได้ เช่น โรคมือเท้าปาก อีสุกอีใส โรคหัด ผื่นส่าไข้ เป็นต้น

ส่วนผื่นที่เกิดจากโรคติดต่อ การติดเชื้อ หรือเกิดจากภูมิแพ้ในเด็ก กรณีเช่นนี้ ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม และรับการรักษาที่เหมาะสม โดยอาจจะต้องมีการกินยาปฏิชีวนะ ใช้ครีมยาทาเพื่อรักษาผื่นตามผิวหนัง

ดังนั้น หากลูกมีผื่นขึ้นตามร่างกาย ควรสังเกตให้ดีว่าผื่นนั้นเป็นผื่นแบบไหน หรือถ้าไม่แน่ใจให้พาลูกไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมในกรณีที่ผื่นทารกเกิดจากสาเหตุที่รุนแรง

แต่ถ้าเกิดจากอาการสุขภาพโดยทั่วไป หรือเป็นผื่นทารกตามปกติ ก็ไม่จำเป็นจะต้องรับการรักษาเฉพาะทาง และไม่ต้องเพิ่มความเสี่ยงจากการรักษาลูกเองแบบผิด ๆ หรือตามที่ฟังเขามา เพราะนอกจากจะไม่ได้ทำให้ลูกหายเร็วขึ้นแล้ว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพของลูกได้ค่ะ

ดูแลอย่างไรเมื่อเกิดผื่นในทารก


หากลูกมีผื่นขึ้นตามร่างกาย คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลลูกได้ ดังนี้

  • อาบน้ำให้ลูกทุกวัน เพื่อรักษาความสะอาดของลูก ไม่ปล่อยให้เกิดการหมักหมม หรือเลอะเทอะตามร่างกาย
  • เปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย ๆ ป้องกันการอับชื้น
  • หลังอาบน้ำ บำรุงผิวลูกน้อยด้วยโลชัน ออยล์ หรือมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อบำรุงผิวลูกให้ชุ่มชื้น
  • หลีกเลี่ยงการให้คนอื่นมาหอมหรือจูบลูก เพราะเสี่ยงที่ลูกจะได้รับเชื้อโรค หรือไวรัสจากคนอื่น ๆ ได้
  • คอยดูแลไม่ให้ลูกเกา หากลูกมีอาการคัน ให้บรรเทาอาการคันด้วยการประคบผิว หรือทาครีมยาบรรเทาอาการคัน
  • ไม่ซื้อยาใด ๆ มาให้ลูกกิน หรือทาให้ลูก หากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร เพราะยาบางชนิดอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก
  • หากผื่นของลูกมีอาการแย่ลง หรือมีผื่นลุกลามมากขึ้นเรื่อย ๆ ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที

ผื่นทารกแรกเกิด ป้องกันยังไงดี


ผื่นทารกแรกเกิด หากเป็นผื่นโดยทั่วไปของทารกแรกเกิด เช่น ไขบนหัวทารก สิวทารก หรือผื่นผิวแห้งหลังคลอด สิ่งนี้เป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติ และสามารถหายเองได้ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลค่ะ

อย่างไรก็ตาม วิธีแก้ผดผื่นบนใบหน้าทารก ควรหมั่นบำรุงผิวของลูกให้สุขภาพดี ถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกเกิดผื่นผิวหนัง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันปัญหาผิวหนังของลูกน้อยได้ ดังนี้

  • ไม่ปล่อยให้ผิวของลูกอับชื้น เช็ดตัวให้แห้งอยู่เสมอ
  • อาบน้ำทุกวัน เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก ไม่ปล่อยให้เกิดการสะสมคราบเหงื่อไหล คราบน้ำนม คราบน้ำลาย
  • เปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการอับชื้น
  • เลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เป็นเส้นใยธรรมชาติ ป้องกันการเสียดสี ลดการระคายเคือง
  • บำรุงผิวลูกด้วยโลชัน ออยล์ หรือมอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ เพื่อบำรุงผิวของลูกให้ชุ่มชื้น แข็งแรง ไม่เกิดการอักเสบหรือระคายเคืองง่าย

ผื่นแพ้ทารก อย่าวางใจ อาจเป็นสัญญาณอาการแพ้นมวัว

หากลูกมีผื่นขึ้นบ่อย ๆ เอะอะก็เป็นผื่นลมพิษอีกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรหาเวลาพาลูกไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ในเด็ก เพราะการที่ลูกมีผื่นแพ้ทารกบ่อย ๆ อาจเป็นไปได้ว่าลูกกำลังมีอาการแพ้นมวัว

อาการแพ้นมวัว เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของลูกยังไม่แข็งแรง เซลล์ภูมิคุ้มกันถูกกระตุ้นให้ไวต่อปฏิกิริยาการแพ้

มากไปกว่านั้น ทารกมีผนังลำไส้ที่ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ซึ่งมีสาเหตุมาจาก “จุลินทรีย์ในทางเดินอาหารไม่สมดุล” สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ รวมถึงโปรตีนนมวัวหลุดเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้

ซึ่งแม้ว่าทารกจะยังไม่อยู่ในวัยที่กินนมวัวได้ แต่อาการแพ้นมวัวก็สามารถเกิดขึ้นได้หากคุณแม่กินอาหารที่มีส่วนผสมของนมวัว

หากลูกมีอาการแพ้นมวัวจริง คุณแม่สามารถรับมือได้ ดังนี้

  • หากคุณแม่ให้ลูกน้อยกินนมแม่อยู่แล้ว ก็จะ แนะนำให้กินนมแม่ต่อไป
  • ให้ลูกงดการกินนมวัวหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของนมวัว รวมทั้งคุณแม่ก็ควรงดกินเช่นกัน เนื่องจากลูกน้อยอาจจะเกิดอาการแพ้นมวัวผ่านน้ำนมแม่ได้
  • ในกรณีที่คุณแม่มีน้ำนมไม่เพียงพอหรือไม่สามารถให้นมแม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งแพทย์มักจะแนะนำโปรตีนที่ผ่านการย่อยอย่างละเอียด* (EHP ) ที่มีคุณสมบัติ Hypoallergenic ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และมีส่วนประกอบของโพรไบโอติก เช่น แล็กโทบาซิลลัส รามโนซัส จีจี (LGG) ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง หยุดอาการแพ้นมวัว รวมถึงลดโอกาส ในการเกิดภูมิแพ้อื่น ๆ ที่อาจจะตามมาในอนาคตได้

อาการแพ้นมวัวในเด็ก หากตรวจพบตั้งแต่อายุยังน้อย มีการป้องกันและรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เด็กมีโอกาสที่จะหายจากอาการแพ้นมวัว และกลับมาบริโภคนมวัว หรือผลิตภัณฑ์จากนมวัวได้ค่ะ



บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ดูแลลูกน้อย

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Shopee TH Lazada TH Join Enfamama