จ้างพี่เลี้ยงเด็กต้องดูอะไรบ้าง เพื่อลูกน้อยเติบโตปลอดภัย

เลือกอ่านตามหัวข้อ

• จ้างพี่เลี้ยงเด็กต้องพิจารณาอะไรบ้าง
• คัดเลือกคุณสมบัติพี่เลี้ยงอย่างไร
  
• ข้อควรรู้เมื่อจ้างคนเลี้ยงเด็กรายเดือน
• ข้อควรรู้เมื่อจ้างพี่เลี้ยงรายวัน

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ หลายคนต้องทำงานนอกบ้านเต็มเวลา หรือมีภาระหน้าที่หลายอย่างที่ต้องจัดการ การหาเวลามาเลี้ยงลูกด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมงอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คุณพ่อคุณแม่บางคนจึงอาจกำลังคิดเรื่องการจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาช่วยเลี้ยงลูก  เพราะถ้าได้ผู้ช่วยที่มีประสบการณ์และมีหัวใจรักเด็ก ก็จะช่วยแบ่งเบาคุณพ่อคุณแม่ได้เยอะ

แต่การจ้างพี่เลี้ยงเด็ก ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องตัดสินใจอย่างระมัดระวัง ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ความเชื่อใจ และการปรับตัวเข้ากับครอบครัวของเรา เมื่อได้พี่เลี้ยงเข้ามาในบ้าน ก็เท่ากับว่าให้เขามีส่วนร่วมในการดูแลลูกอันเป็นที่รักของเราตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ ป้อนข้าว พาลูกเข้านอน รวมถึงสอนการบ้านหรือเล่นกิจกรรมต่างๆ บทความนี้จะมาเจาะลึกทุกมิติของการจ้างพี่เลี้ยง ว่าจะต้องพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง เพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่วางแผนดูแลลูกอย่างมีประสิทธิภาพ 

จ้างพี่เลี้ยงเด็ก ต้องพิจารณาอะไรบ้าง

การจ้างพี่เลี้ยงเด็กมีลักษณะการจ้างงานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น พี่เลี้ยงเด็กที่ดูแลลูกเราเป็นหลักตลอดทั้งวัน  หรือแม่บ้านกึ่งพี่เลี้ยง ที่นอกจากจะดูแลลูกเราแล้วยังสามารถคอยดูแลคอยทำความสะอาดบ้านให้เราได้อีกด้วย

โดยลักษณะของพี่เลี้ยงเด็กจะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังต่อไปนี้

• พี่เลี้ยงเด็กแบบเดินทางไป-กลับ : จะเหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ทำงานออฟฟิศ คือ ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ผู้ว่าจ้างสามารถตกลงเวลาเริ่มงานและเลิกงานได้ เช่น เข้างาน 8.00 น. เลิกงาน 17.00 น. เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้วจะจ้างเพื่อดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดในเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ไปทำงานนอกบ้าน
• พี่เลี้ยงเด็กแบบพักประจำที่บ้าน : ผู้ว่าจ้างต้องจัดหาที่นอนให้กับพี่เลี้ยงเด็กและทำการตกลงเรื่องระยะเวลาการทำงานให้ชัดเจน ส่วนใหญ่แล้วจะจ้างเพื่อดูแลเด็กและดูแลบ้านไปในตัว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน
  

การจะตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเลี้ยงลูก ไม่ใช่แค่ดูว่าเราสามารถจ่ายค่าจ้างได้ แต่ยังต้องพิจารณาอีกหลายปัจจัย เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้คนที่เหมาะสมและไม่เกิดปัญหาภายหลัง ดังนี้

1. ความต้องการและความคาดหวังของครอบครัว
ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ควรนั่งลงคุยกันอย่างจริงจังว่า ต้องการให้พี่เลี้ยงดูแลลูกในด้านใดบ้าง เช่น ต้องการคนดูแลลูกเต็มเวลาไหม หรือแค่ช่วงเช้าถึงบ่าย บางบ้านอยากได้พี่เลี้ยงที่ทำอาหารได้ด้วย บางบ้านอยากได้คนที่พูดภาษาอังกฤษกับลูกได้เล็กน้อย ต้องกำหนดความต้องการให้ชัดเจน เพื่อหาได้ตรงความต้องการของครอบครัว

2. งบประมาณในระยะยาว
การจ้างพี่เลี้ยงเป็นค่าใช้จ่ายต่อเนื่องทุกเดือน หรือถ้าเป็นรายวันก็ต้องตกลงอัตราที่แน่นอน ถ้างานเลี้ยงดูลูกมีความยืดหยุ่นบ้าง ก็อาจจ้างพี่เลี้ยงรายวัน ถ้าต้องการคนมีประสบการณ์สูง หรือมีทักษะพิเศษ เช่น พูดภาษาที่สอง หรือผ่านการอบรมเลี้ยงเด็กแรกเกิด ค่าใช้จ้างอาจสูงขึ้นตามไปด้วยค่ะ

3. ประสบการณ์และความน่าเชื่อถือ
การดูแลเด็กเป็นงานที่อาศัยทั้งทักษะ การสังเกต และการจัดการสถานการณ์เฉพาะหน้า หากพี่เลี้ยงมีประสบการณ์ทำงานกับเด็กในวัยที่ใกล้เคียงกับลูกเรา ก็จะปรับตัวได้ง่ายขึ้น หลายครอบครัวอาจเลือกจ้างพี่เลี้ยงผ่านเอเจนซี่หรือผู้ให้บริการจัดหาพี่เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย เพราะเอเจนซี่มักจะมีการตรวจสอบประวัติ และมีมาตรฐานการคัดกรองเบื้องต้น

4. บุคลิกภาพและทัศนคติ
ผู้ที่มีบุคลิกภาพอ่อนโยน ใจเย็น มักเข้ากับเด็กได้ง่ายกว่า บางครั้งการสัมภาษณ์หรือขอทดลองทำงานระยะสั้นๆ จะช่วยให้รู้จักทัศนคติของเขาดีขึ้น ถ้าเป็นคนเคร่งเครียดหรือไม่ชอบเด็กจริงๆ อาจสร้างบรรยากาศที่ไม่ดีให้ลูก เพราะเด็กอ่อนจะรับรู้ถึงสภาวะอารมณ์ของคนเลี้ยงได้รวดเร็ว

5. การตรวจสอบประวัติและอ้างอิง
ถ้าเป็นไปได้ ควรขอข้อมูลของนายจ้างเก่า หากเป็นพี่เลี้ยงที่เคยผ่านงานมาแล้ว เพื่อตรวจสอบว่าไม่มีประวัติไม่ดี เช่น ทิ้งเด็กไว้ลำพัง หรือมีพฤติกรรมรุนแรง เพราะความอุ่นใจเป็นสิ่งสำคัญ เราต้องปล่อยให้พี่เลี้ยงอยู่กับลูกของเราโดยที่เราไม่อยู่ด้วยนานหลายชั่วโมง

6. ลองให้อยู่กับลูกช่วงสั้นๆ สังเกตปฏิกิริยาของลูก
เด็กเล็กมักแสดงออกตามความรู้สึกจริง ถ้าเขาไม่ชอบหรือกลัวพี่เลี้ยง คนเป็นพ่อแม่จะสังเกตได้จากสีหน้า การยึดติดเกาะแม่แน่น ฯลฯ ทั้งนี้ในช่วงทดลองทำงานนี้ยังเป็นโอกาสให้เราดูว่าพี่เลี้ยงมีวิธีรับมือกับลูกเวลาโยเยหรือดื้ออย่างไร

จ้างพี่เลี้ยง ควรคัดเลือกคุณสมบัติพี่เลี้ยงอย่างไร

เมื่อได้ตัดสินใจหรือมีแนวโน้มแล้วว่าจะต้องจ้างพี่เลี้ยง เพื่อมาช่วยดูแลลูก ขั้นตอนสำคัญคือ การคัดเลือกคุณสมบัติของพี่เลี้ยง ให้เหมาะสมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะพี่เลี้ยงจะเป็นผู้ที่ใช้เวลากับลูกเกือบทั้งวัน โดยเฉพาะบ้านที่พ่อแม่ทำงานเต็มเวลา มีข้อแนะนำที่ควรพิจารณา ดังนี้

รักเด็กและอดทน
ข้อนี้อาจฟังดูพื้นฐาน แต่จำเป็นมากค่ะ เพราะการเลี้ยงเด็กเล็กต้องการความรัก ความใส่ใจ และความอดทนที่สูง เด็กอาจร้องไห้งอแงบ่อย หรือมีพฤติกรรมที่ผู้ใหญ่คาดไม่ถึง ถ้าพี่เลี้ยงมีใจรักเด็กจริงๆ จะไม่รู้สึกรำคาญ และจะพยายามสื่อสารกับเด็กด้วยวิธีที่อ่อนโยน

มีประสบการณ์หรือการอบรมเกี่ยวกับเด็ก
หากพี่เลี้ยงมีใบประกาศนียบัตรผ่านการอบรมการดูแลเด็ก หรือเคยมีงานเลี้ยงเด็กมาก่อน ย่อมช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้น ในบางกรณี ถ้าต้องการคนดูแลลูกเล็กมากๆ เช่น ช่วงแรกเกิด อาจต้องมองหาพี่เลี้ยงที่มีทักษะเฉพาะทาง เช่น การอาบน้ำทารกแรกเกิด การป้อนนมแม่ที่ปั๊มเก็บไว้ หรือการจัดการภาวะฉุกเฉินเบื้องต้น

สุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคติดต่อ
การตรวจสุขภาพเบื้องต้น เช่น ตรวจปอด ตรวจโรคติดต่อทางเลือด เป็นสิ่งสำคัญ เพราะพี่เลี้ยงต้องใกล้ชิดลูกตลอดเวลา หากพี่เลี้ยงมีสุขภาพไม่ดี มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเสี่ยงนำเชื้อโรคมาสู่ลูกได้
ใจเย็น สุขุม มีปฏิภาณไหวพริบในการแก้ปัญหา

เด็กเล็กอาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ เช่น หกล้ม ฟกช้ำ ไข้ขึ้นกะทันหัน พี่เลี้ยงต้องมีสติและสามารถจัดการเบื้องต้นได้ก่อนพ่อแม่จะกลับมา หรือไปถึงโรงพยาบาล หากพี่เลี้ยงมีไหวพริบดี ก็จะช่วยให้สถานการณ์ต่างๆ ไม่บานปลาย

มีทักษะการสื่อสารกับเด็ก
การพูดคุย เล่านิทาน การชวนลูกเล่นกิจกรรมที่เสริมสร้างพัฒนาการ เป็นอีกส่วนที่สำคัญมาก ไม่ใช่แค่ให้นั่งดูโทรทัศน์ทั้งวัน นอกจากนี้พี่เลี้ยงที่สามารถพูดกับเด็กอย่างนุ่มนวล และกระตุ้นการตอบสนอง จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางภาษา และสังคมที่ดียิ่งขึ้น

เข้ากับครอบครัวได้
นอกจากจะเข้ากับเด็กได้แล้ว ยังต้องเข้ากับรูปแบบ และค่านิยมของครอบครัวได้ด้วย เช่น บางบ้านต้องการเลี้ยงลูกแบบวินัยเชิงบวก ไม่ตะคอก ไม่ตี ฯลฯ หากพี่เลี้ยงมีค่านิยมต่างกันมาก อาจทำให้เกิดความขัดแย้ง เช่น บางคนเชื่อว่าต้องตีเด็กถึงจะเชื่อฟัง ในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้

มีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา
การดูแลเด็กเป็นภารกิจที่ต้องการความต่อเนื่อง พี่เลี้ยงที่ขาดงานบ่อย หรือมาสายจนพ่อแม่ไปทำงานไม่ทันจะสร้างปัญหามาก ดังนั้น ความสม่ำเสมอในหน้าที่การงานเป็นสิ่งที่ประเมินได้จากการสัมภาษณ์ หรือสอบถามนายจ้างเก่า

ถึงตรงนี้ คุณสมบัติพี่เลี้ยงที่ดี อาจสรุปได้ว่า รักเด็ก เป็นคนใส่ใจ มีความรู้ มีความรับผิดชอบ และเข้ากับครอบครัวได้ นั่นคือสิ่งที่จะทำให้พ่อแม่สบายใจ และลูกก็จะมีคนดูแลที่แท้จริงค่ะ

ข้อควรรู้เมื่อจ้างคนเลี้ยงเด็ก รายเดือน

สำหรับหลายครอบครัว การจ้างคนเลี้ยงเด็ก รายเดือน เป็นทางเลือกยอดนิยม เพราะต้องการคนดูแลลูกประจำ ไม่ต้องคอยหาพี่เลี้ยงใหม่บ่อยๆ หรือเจอปัญหาพี่เลี้ยงที่มักไม่ว่างตามวันที่ต้องการ โดยการจ้างแบบรายเดือนมักเป็นลักษณะ Full-Time หรืออยู่กินประจำที่บ้าน ซึ่งก็มีข้อดีและข้อเสียที่ควรรับรู้ ดังนี้

ค่าจ้าง และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 
ค่าใช้จ่ายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการจ้างคนเลี้ยงเด็กมาทำงานแบบมาเช้า-เย็นกลับ หรือการให้พักอยู่ประจำ สิ่งสำคัญข้อแรกที่คุณต้องรู้ก็คือเรื่องของกฎหมายการจ้างงาน อย่างการให้ค่าจ้างที่เหมาะสมกับภาระงานและเป็นไปตามกฎหมาย ยิ่งโดยเฉพาะการจ้างพี่เลี้ยงที่เป็นชาวต่างประเทศเรื่องนี้ก็ยิ่งสำคัญ

รูปแบบการจ้างรายเดือน
พี่เลี้ยงอาจเข้ามาทำงานตั้งแต่เช้าแล้วกลับบ้านเย็น บางกรณีอยู่ประจำ คือค้างคืนที่บ้านตลอด การจ้างแบบรายเดือนมักมาพร้อมสวัสดิการพื้นฐาน เช่น อาหาร ที่พัก วันหยุดประจำสัปดาห์ข้อดีคือเราสามารถตั้งงบประมาณเป็นรายเดือนแน่นอน คุณแม่จะรู้ว่าต้องจ่ายเดือนละเท่าไหร่ ส่วนข้อควรระวังคือ หากเกิดเดือนที่พี่เลี้ยงลาหยุดพิเศษ หรือมีค่าเดินทางเพิ่มเติม เราอาจต้องตกลงเงื่อนไขกันให้ชัดเจนแต่แรก

ความต่อเนื่องและความผูกพันระหว่างลูกกับพี่เลี้ยง
การที่พี่เลี้ยงอยู่กับลูกทุกวันช่วยให้ลูกสร้างความคุ้นเคยและความผูกพันได้เร็ว เด็กอาจรู้สึกอุ่นใจเพราะเจอคนเดิมทุกวัน แต่ถ้าพี่เลี้ยงมีปัญหากระทันหันเช่น ลาออก หรือไม่สามารถมาทำงานได้ บ้านอาจต้องหาทางออกเร่งด่วน เช่น หาพี่เลี้ยงสำรอง

การจัดการวันหยุดและวันลา
พี่เลี้ยงรายเดือนควรมีวันหยุดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน หรือ 2 วันตามตกลง และมีวันลาตามกฎหมายแรงงานหรือที่ตกลงกัน ซึ่งคุณแม่ต้องวางแผนว่า ในวันที่พี่เลี้ยงหยุด เราจะมีใครมาดูแลลูกแทน หรือเราสามารถดูแลเองได้

การวางระบบการทำงาน
ควรตกลงตารางงานพี่เลี้ยงชัดเจน เช่น เริ่มงานกี่โมง เลิกงานกี่โมง หน้าที่ใดบ้างที่ต้องทำ เป็นต้น หลายบ้านอาจให้พี่เลี้ยงทำงานบ้านเล็กน้อย แต่ถ้างานเลี้ยงลูกติดพัน หรือมีรายละเอียดที่มากกว่าก็อาจจะไม่ต้องทำในส่วนงานบ้านที่ตกลงกันก็ได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือ การสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างคุณพ่อคุณแม่กับพี่เลี้ยงเด็ก 

พี่เลี้ยงเด็กเงินเดือนเท่าไหร่ 

เมื่อตัดสินใจว่าจะจ้างแบบรายเดือนแล้ว ต้องนึกถึงเรื่องจ้างพี่เลี้ยงเด็กเดือนละเท่าไหร่ถึงเหมาะสม ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีอัตราตายตัวที่กำหนดให้ทุกคนต้องจ่ายเท่ากัน บางรายอาจเริ่มต้นที่ อัตราค่าแรงขั้นต่ำ และมีการเพิ่มเติมค่าประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญ ที่มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้

ประสบการณ์และทักษะพิเศษ
หากพี่เลี้ยงมีประสบการณ์ยาวนาน หรือเคยเลี้ยงเด็กหลายวัย มีทักษะพิเศษ เช่น พูดภาษาอังกฤษได้ คล่องแคล่วกับการทำอาหารเด็ก ฯลฯ ก็มีแนวโน้มที่จะเรียกค่าจ้างสูงกว่า บางคนผ่านการอบรมหลักสูตรพี่เลี้ยงเด็กหรือพยาบาลผู้ช่วย ก็อาจมีค่าตัวที่สูงกว่าเช่นกัน

พื้นที่และค่าครองชีพ
ในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ที่ค่าครองชีพสูง ค่าแรงมักจะสูงกว่าในต่างจังหวัด หากพี่เลี้ยงต้องเสียค่าเดินทางเองเป็นประจำ อาจมีการตกลงค่าน้ำมันหรือค่าเดินทางเพิ่ม

รูปแบบและเนื้อหาการทำงาน
ถ้าต้องการพี่เลี้ยงประจำที่ต้องอยู่กับครอบครัวตลอด 24 ชั่วโมงและหยุดน้อย เงินเดือนก็อาจสูงขึ้น เพราะเป็นงานเต็มเวลาอย่างแท้จริง แต่ถ้าพี่เลี้ยงมาแค่กลางวัน แล้วกลับเย็น หรือมาช่วยเฉพาะเวลาที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน อาจมีอัตราที่ต่ำกว่าหน่อย

หน้าที่พิเศษอื่น ๆ
ถ้าต้องการให้พี่เลี้ยงทำอาหารครบมื้อ ทำงานบ้าน ซักผ้ารีดผ้า หรือสอนการบ้านลูกด้วย ค่าแรงก็จะเพิ่มขึ้น เพราะมีหน้าที่มากกว่าเลี้ยงลูกเพียงอย่างเดียว

ตัวอย่างรายละเอียดค่าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก

• อัตราพื้นฐานของพี่เลี้ยงเด็กในเขตเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ อาจเริ่มต้นตั้งแต่ 12,000 - 18,000 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ปานกลาง
• พี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์สูงหรือมีทักษะพิเศษ อาจเรียกได้ตั้งแต่ 20,000 - 30,000 บาทต่อเดือน หรือมากกว่านั้น
• ในต่างจังหวัดหรือพื้นที่ค่าครองชีพต่ำ อัตราเริ่มต้นอาจอยู่ที่ 9,000 - 15,000 บาทต่อเดือน
  

ค่าจ้างพี่เลี้ยงเด็กขึ้นกับหลายปัจจัย ทั้งประสบการณ์ รูปแบบการทำงาน พื้นที่ ฯลฯ คุณพ่อคุณแม่จึงควรเปรียบเทียบหลายตัวเลือก ดูความเหมาะสมของงบประมาณ และเจรจากันเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ทุกฝ่ายพอใจ

ข้อควรรู้เมื่อจ้างพี่เลี้ยงรายวัน 

บางบ้านอาจไม่ต้องการพี่เลี้ยงเด็กเต็มเวลา เพราะมีคุณตาคุณยายหรือญาติคนอื่นช่วยดูบางวัน หรืออาจต้องการพี่เลี้ยงเฉพาะช่วงที่พ่อแม่ต้องเดินทางไปทำธุระนอกบ้านนาน ๆ ในกรณีนี้การจ้างพี่เลี้ยงเด็กรายวัน จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีค่ะ

ความยืดหยุ่น
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ทำงานไม่เป็นเวลา หรืองาน Freelance ที่บางช่วงจะว่างเลี้ยงลูกเอง บางช่วงต้องออกไปพบลูกค้า การจ้างรายวันช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อไม่ต้องการพี่เลี้ยงทุกวัน  โดยเราสามารถเลือกจ้างเฉพาะวันสำคัญ หรือวันเร่งด่วน เช่น มีอีเวนต์ มีนัดหมอ มีประชุม ฯลฯ

การตกลงตารางล่วงหน้า
ควรแจ้งตารางการจ้างหรือความต้องการล่วงหน้า เพื่อให้พี่เลี้ยงสามารถจัดเวลาหรือคิวงานกับนายจ้างอื่นได้ ถ้าเป็นงานรายวันแบบด่วนๆ อาจต้องมีรายชื่อติดต่อพี่เลี้ยงสำรองไว้ เผื่อคนแรกไม่ว่าง

ทบทวนหน้าที่และขอบเขต
จ้างรายวันมักจะทำงานเป็นระยะสั้นๆ ไม่ได้อยู่กับเด็กตลอดเวลา ดังนั้นพ่อแม่ต้องชี้แจงหน้าที่ชัดเจน เช่น จะให้ดูแลลูกกี่ชั่วโมง ทำอะไรบ้าง อาหารเด็กใครเตรียม ฯลฯ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าพี่เลี้ยงทราบวิธีติดต่อพ่อแม่ในกรณีฉุกเฉิน

งบประมาณอาจสูงกว่าการจ้างรายเดือนเมื่อคิดเป็นรายชั่วโมง
บางครั้งการจ้างรายวันจะมีค่าแรงต่อวันหรือครึ่งวันที่สูงกว่าเป็นรายเดือน ถ้าคำนวณเฉลี่ยเป็นรายชั่วโมง เพราะเป็นงานที่ไม่ต่อเนื่อง พี่เลี้ยงต้องหางานเสริมจากหลายเจ้า อย่างไรก็ตาม ถ้าใช้บริการไม่บ่อยก็อาจคุ้มค่า เพราะไม่ต้องจ่ายเป็นก้อนใหญ่ทุกเดือน

ต้องมั่นใจในความปลอดภัย
การจ้างคนที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาดูแลลูกในบ้าน แม้เป็นระยะสั้น ก็ต้องตรวจสอบประวัติหรือรีวิวจากนายจ้างเดิมนะคะ หากเป็นไปได้ ควรอยู่บ้านด้วยในช่วงแรกๆ เพื่อสังเกตวิธีการทำงาน จนมั่นใจว่าพี่เลี้ยงรายวันนี้ไว้ใจได้

ค่าจ้างเลี้ยงเด็กรายวัน

ค่าจ้างเลี้ยงเด็กรายวันนั้นอาจมีความแตกต่างจากแบบรายเดือน เพราะเน้นความยืดหยุ่นและอาจมีงานเข้ามาไม่ต่อเนื่อง เพราะต้องพิจารณาเรื่องต่างๆ ดังนี้

1.โครงสร้างค่าจ้างรายวัน
พี่เลี้ยงบางคนอาจกำหนดราคาต่อวัน เช่น 500-800 บาท ต่อ 8 ชั่วโมง หรือคิดเป็นรายชั่วโมง เช่น 70-100 บาทต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับพื้นที่และประสบการณ์ ถ้าต้องการทำงานล่วงเวลา อาจมีค่าตอบแทนเพิ่ม เช่น 50 บาทต่อชั่วโมง หลังจากครบกำหนด 8 หรือ 9 ชั่วโมง

2.ตัวแปรที่ส่งผลต่ออัตราค่าจ้าง

• จำนวนชั่วโมงที่ต้องการ: ถ้าแค่ 3-4 ชั่วโมง พี่เลี้ยงอาจคิดราคาต่อชั่วโมงที่สูงกว่าปกติ เพราะเป็นงานระยะสั้น
• ลักษณะงาน: ถ้าต้องดูแลเด็กเล็กมากๆ ที่ต้องอาบน้ำ ป้อนนม หรือทำงานบ้านบางส่วน ค่าจ้างอาจสูงขึ้น
• ประสบการณ์พี่เลี้ยง: ถ้าพี่เลี้ยงมีโปรไฟล์ดี ผ่านงานอบรมอย่างเป็นทางการหรือเคยทำงานกับครอบครัวต่างชาติมาก่อน ก็อาจเรียกค่าจ้างสูงกว่า
  

3.การเจรจาและตกลงเงื่อนไข
สำหรับการจ้างรายวัน หลายครั้งไม่ได้มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเหมือนจ้างรายเดือน พ่อแม่จึงควรจดบันทึกเงื่อนไขให้ชัดเจน เช่น อัตราค่าจ้างต่อวัน ระยะเวลาทำงาน เวลาพัก หากมีความต้องการพิเศษ เช่น ต้องออกไปพาลูกเที่ยวข้างนอก หรือทำกิจกรรมเสริม ปกติจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เว้นแต่ต้องเดินทางไกลหรือค้างคืน

4.ข้อดีของการจ้างรายวัน
ยืดหยุ่น ประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวที่ไม่ได้ต้องการพี่เลี้ยงทุกวัน หากไม่พอใจก็สามารถเปลี่ยนคนใหม่ได้ง่ายกว่า ไม่ต้องมีภาระเลิกจ้างระยะยาว

5.ข้อจำกัดของการจ้างรายวัน
บางครั้งอาจหาพี่เลี้ยงได้ยากในช่วงเทศกาลหรือวันหยุด เพราะพี่เลี้ยงคิวเต็มหรือไม่สะดวก หรือเด็กอาจไม่คุ้นเคยกับพี่เลี้ยงเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ ทำให้เกิดความสับสน ขาดความต่อเนื่อง

ค่าจ้างเลี้ยงเด็กรายวันไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมง ลักษณะงาน และประสบการณ์พี่เลี้ยง คุณพ่อคุณแม่ควรตกลงกันชัดเจนเพื่อลดความขัดแย้ง และเตรียมเผื่อว่าบางวันอาจหาพี่เลี้ยงไม่ได้หากไม่จองล่วงหน้า

นมแม่ที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า

หัวใจสำคัญสำหรับการเลี้ยงลูกให้เติบโตแข็งแรงและมีพัฒนาการที่ดี คือการใส่ใจโภชนาการอย่างเหมาะสม ในช่วง 1,000 วันแรกของลูก เป็นช่วงเวลาสำคัญมากต่อพัฒนาการทางสมองและสติปัญญา โดย 80% ของสมอง จะเติบโตสูงสุดในช่วง 2 ขวบปีแรก และ 90% จะเติบโตสูงสุดในช่วง 5 ปีแรก ด้วยเหตุนี้ โภชนาการในช่วง 1,000 วันแรกของลูกน้อย จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

โภชนาการที่ดีจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมองและการเรียนรู้ของลูกน้อย โดยคุณแม่สามารถเสริมสร้างโภชนาการที่ดีได้ด้วยการให้ลูกน้อยได้รับนมแม่ตั้งแต่ 6 เดือนแรก และให้นมแม่อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับอาหารตามวัยจนอายุ 2 ปี

เพราะในนมแม่มีสารอาหารสำคัญอย่าง MFGM หนึ่งเดียวที่มีงานวิจัยรองรับว่า* ช่วยให้มี IQ และ EF ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก ให้ลูกพร้อมกว่าเมื่อถึงวัยเข้าเรียน โดย MFGM ในนมแม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น

*สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีและศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย. นมแม่กับการพัฒนาทักษะสมองส่วน Executive Function. 2561