นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดิอนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ​Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

สเต็มเซลล์คืออะไร สเต็มเซลล์รักษาโรคอะไรได้บ้าง

Enfa สรุปให้

  • สเต็มเซลล์คือเซลล์ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการแบ่งตัวและพัฒนาเป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ ใช้ในการรักษาโรคบางชนิด และช่วยเสริมสร้างการฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย
  • สเต็มเซลล์คือเซลล์ที่สามารถแบ่งตัวเองและสร้างเซลล์ที่มีหน้าที่เฉพาะ เช่น เซลล์เลือด เซลล์สมอง หรือเซลล์กระดูก ทำให้สามารถใช้ในการรักษาโรคหรือบาดแผลที่มีการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ เช่น โรคมะเร็ง โรคโลหิตจาง หรือโรคเสื่อมต่าง ๆ ได้
  • การเก็บสเต็มเซลล์ลูก ราคาค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับบริการที่เลือก รวมถึงประเภทของสเต็มเซลล์ที่เก็บ และระยะเวลาการเก็บรักษา จึงควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าก่อนที่จะตัดสินใจ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

สเต็มเซลล์ คือ เซลล์ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการแบ่งตัวและพัฒนาเป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแพทย์และวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพราะมีศักยภาพในการรักษาโรคบางชนิด และช่วยเสริมสร้างการฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย ทำให้มีการพูดถึงการเก็บสเต็มเซลล์สำหรับลูกตั้งแต่ทารกในครรภ์เป็นทางเลือกที่ดีในการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต

ในบทความนี้ Enfa จะพาคุณแม่ไปรู้จักกันว่า สเต็มเซลล์คืออะไร สเต็มเซลล์รักษาโรคอะไรได้บ้าง และเก็บสเต็มเซลล์ลูก ราคาเท่าไร ไปอ่านพร้อมกันเลยค่ะ

 

สเต็มเซลล์คืออะไร


สเต็มเซลล์ คืออะไร Stem Cell คือ เซลล์พื้นฐานที่มีคุณสมบัติพิเศษในการแบ่งตัวและพัฒนาเป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ เซลล์เหล่านี้สามารถแบ่งตัวเองและสร้างเซลล์ใหม่ ๆ ที่มีหน้าที่เฉพาะ เช่น เซลล์เลือด เซลล์สมอง หรือเซลล์กระดูก ซึ่งทำให้สเต็มเซลล์มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูหรือซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย

โดยการใช้สเต็มเซลล์ในวงการแพทย์มีความสำคัญมาก เนื่องจากสามารถใช้ในการรักษาโรคหรือบาดแผลที่มีการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ เช่น โรคมะเร็ง โรคโลหิตจาง หรือโรคเสื่อมต่าง ๆ ได้

 

สเต็มเซลล์มาจากไหน


สเต็มเซลล์มาจากไหน อาจเป็นเรื่องที่หลายคนคาดไม่ถึง เพราะสเต็มเซลล์มาจากแหล่งต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์เรานั่นเอง โดยแหล่งที่สำคัญของสเต็มเซลล์ มีดังนี้

  • สเต็มเซลล์จากตัวอ่อน (Embryonic Stem Cells) คือ สเต็มเซลล์ที่ได้จากตัวอ่อนในระยะเริ่มต้น หรือประมาณช่วง 3-5 วันหลังการปฏิสนธิ มีความสามารถพัฒนาเป็นเซลล์ทุกประเภทในร่างกายมนุษย์ โดยสามารถใช้ในการศึกษาการพัฒนาและการรักษาโรค แต่การเก็บสเต็มเซลล์จากตัวอ่อนต้องมีการพิจารณาทางจริยธรรมด้วย
  • สเต็มเซลล์จากผู้ใหญ่ (Adult Stem Cells) พบได้ในร่างกายของผู้ใหญ่ในหลายส่วน เช่น ไขกระดูก เนื้อเยื่อต่าง ๆ และสมอง โดยสเต็มเซลล์จากผู้ใหญ่มีความสามารถในการพัฒนาเป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ ที่มีหน้าที่เฉพาะ เช่น เซลล์เลือดจากไขกระดูก เซลล์ผิวจากผิวหนัง เป็นต้น
  • สเต็มเซลล์จากสายสะดือ (Umbilical Cord Stem Cells) ได้จากเลือดที่เก็บจากสายสะดือหลังการคลอด โดยมีคุณสมบัติในการพัฒนาเป็นเซลล์ต่าง ๆ เช่น เซลล์เลือดและเซลล์เนื้อเยื่อต่าง ๆ เป็นแหล่งที่ได้รับความสนใจสูงเนื่องจากมีความสามารถในการแบ่งตัวและพัฒนาอย่างมาก

สเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่ออื่น ๆ เช่น เนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งเป็นแหล่งใหม่ในการเก็บสเต็มเซลล์ที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคบางชนิดได้

 

เก็บสเต็มเซลล์ลูกทําไม


เก็บสเต็มเซลล์ลูกทําไม แน่นอนว่าเพื่อประโยชน์สำหรับอนาคตของลูกน้อยเอง โดยหลายคนอาจมีคำถามว่าเก็บสเต็มเซลล์เพื่ออะไร เราควรเก็บสเต็มเซลล์ลูกไหม ความจริงแล้วการเก็บสเต็มเซลล์จากลูกโดยเฉพาะจากเลือดในสายสะดือ หรือเนื้อเยื่อในสายสะดือ มีประโยชน์มากมายสำหรับอนาคตของลูกน้อย เนื่องจากสเต็มเซลล์มีความสามารถในการพัฒนาเป็นเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคและฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหายได้ ดังนี้

  • ใช้ในการรักษาโรค สเต็มเซลล์สามารถใช้ในการรักษาโรคหลายชนิด เช่น โรคมะเร็ง โรคโลหิตจาง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคเสื่อมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือดและระบบภูมิคุ้มกัน
  • ใช้ฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย สเต็มเซลล์สามารถนำมาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหายจากการบาดเจ็บหรือโรค เช่น การฟื้นฟูจากการบาดเจ็บของกระดูก เส้นประสาท หรือกล้ามเนื้อ
  • เตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต ช่วยให้สามารถนำไปใช้ในกรณีที่ลูกต้องการการรักษาในอนาคต โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งสเต็มเซลล์จากบุคคลอื่น ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงจากการปฏิเสธหรือการไม่เข้ากันได้ของเซลล์
  • ใช้ในการรักษาในกรณีฉุกเฉิน ในบางกรณี การเก็บสเต็มเซลล์สามารถช่วยรักษาโรคหรือภาวะสุขภาพที่ไม่คาดคิดในอนาคตได้ทันที เช่น การใช้สเต็มเซลล์จากเลือดในสายสะดือในการรักษาโรคที่มีความเกี่ยวข้องกับเลือด
  • เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย การเก็บสเต็มเซลล์จากเลือดในสายสะดือไม่เกี่ยวข้องกับการทดลองในตัวอ่อนและไม่มีความเสี่ยงจากการทำลายตัวอ่อน ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยในแง่ของจริยธรรมและความเป็นส่วนตัว

การเก็บสเต็มเซลล์ลูกจึงเป็นการเตรียมความพร้อมในกรณีที่อาจมีโรคหรือภาวะต่าง ๆ ที่ต้องใช้สเต็มเซลล์ในการรักษา และเป็นการให้โอกาสในการรักษาที่มีประสิทธิภาพในอนาคตนั่นเอง

 

เก็บสเต็มเซลล์จําเป็นไหม


หากถามว่าเก็บสเต็มเซลล์จำเป็นไหม คงต้องเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคลซึ่งการเก็บสเต็มเซลล์จากทารก โดยเฉพาะจากเลือดในสายสะดือ หรือเนื้อเยื่อในสายสะดือ นั้นมีทั้งข้อดีและข้อควรพิจารณา ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละครอบครัว

การเก็บสเต็มเซลล์มีข้อดีคืออาจมีประโยชน์ในอนาคต เช่น ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งบางประเภท โรคเลือด โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน โดยไม่ต้องพึ่งพาสเต็มเซลล์จากบุคคลอื่น ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในเรื่องการไม่เข้ากันหรือการปฏิเสธของร่างกาย

การเก็บสเต็มเซลล์ลูกไม่จำเป็นต้องทำสำหรับทุกครอบครัว ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคน หากคุณคิดว่าอาจมีประโยชน์ในอนาคตหรือมีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยที่สามารถใช้สเต็มเซลล์ในการรักษา การเก็บสเต็มเซลล์อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่ต้องพิจารณาให้รอบคอบเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการตัดสินใจ

 

การเก็บสเต็มเซลล์ทารก มีขั้นตอนอย่างไร


การเก็บสเต็มเซลล์ทารก โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเก็บ Stem Cell จากเลือดในสายสะดือ (Cord Blood) หรือจากเนื้อเยื่อในสายสะดือ ซึ่งเป็นกระบวนการที่สามารถทำได้ง่ายในช่วงเวลาหลังคลอด โดยไม่มีผลกระทบต่อทารกหรือแม่ ขั้นตอนการเก็บสเต็มเซลล์ทารกมีดังนี้

  1. การเตรียมตัวก่อนคลอด โดยการเลือกโรงพยาบาลที่มีบริการเก็บสเต็มเซลล์ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเก็บรักษา ค่าใช้จ่าย และข้อกำหนดต่าง ๆ
  2. การเก็บสเต็มเซลล์ในระหว่างหรือหลังคลอด คือการเก็บเลือดจากสายสะดือหลังจากที่ทารกคลอดออกมาแล้ว โดยยังไม่ตัดสายสะดือ หรือเก็บเนื้อเยื่อจากสายสะดือ
  3. การขนส่งตัวอย่างและเก็บรักษาสเต็มเซลล์ โดยสเต็มเซลล์ถูกแช่แข็งเพื่อเก็บรักษาในสภาพที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ในอนาคตได้

การเก็บสเต็มเซลล์ทารกเป็นกระบวนการที่ไม่ยากและไม่ทำให้เกิดผลกระทบกับทารกหรือแม่ แต่ต้องมีการเตรียมความพร้อมก่อนเก็บ จึงจำเป็นต้องเตรียมการตั้งแต่ก่อนคลอด

 

เก็บสเต็มเซลล์ลูก ราคาเท่าไหร่


เก็บสเต็มเซลล์ลูก ราคาเท่าไหร่ หลายคนอาจสนใจแต่ควรพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่าด้วย โดยการเก็บสเต็มเซลล์ลูกในประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบริการที่เลือก รวมถึงประเภทของสเต็มเซลล์ที่เก็บ และระยะเวลาการเก็บรักษา

โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายในการเก็บสเต็มเซลล์ลูกในประเทศไทยจะอยู่ระหว่าง 20,000 - 50,000 บาท สำหรับการเก็บสเต็มเซลล์ในครั้งแรก ขึ้นอยู่กับบริการที่เลือก และค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาระยะยาวจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 - 15,000 บาทต่อปี รวมถึงค่าใช้จ่ายเสริมอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับตัวเลือกของแต่ละบริษัท

ทั้งนี้ ก่อนการตัดสินใจเก็บสเต็มเซลล์ ควรทำการศึกษาและเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ แห่ง เพื่อให้ได้บริการที่เหมาะสมและมีมาตรฐาน

 

ข้อควรรู้ก่อนเก็บสเต็มเซลล์ลูก


นอกจากประโยชน์ วิธีการเก็บสเต็มเซลล์แล้ว ยังมีข้อควรรู้ก่อนเก็บสเต็มเซลล์ลูกที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจเก็บสเต็มเซลล์ลูก ดังนี้

  • ค่าใช้จ่าย การเก็บสเต็มเซลล์มักมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งในส่วนของการเก็บและการเก็บรักษาในระยะยาว ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับทุกครอบครัว
  • ความเสี่ยงและประโยชน์ ที่อาจไม่สามารถการันตีได้ว่าจะใช้ได้ในอนาคตและอาจไม่มีการใช้งานที่คุ้มค่าในกรณีที่ไม่มีโรคที่ต้องใช้สเต็มเซลล์ก็ได้
  • ทางเลือกในการรักษา เพราะปัจจุบันยังมีทางเลือกอื่นในการรักษาโรคที่อาจเกี่ยวข้องกับสเต็มเซลล์ และในอนาคตอาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

 

นมแม่ที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า


นมแม่ที่มี MFGM หนึ่งเดียวที่มีงานวิจัยรองรับว่า* ช่วยให้มี IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก ให้ลูกพร้อมกว่าเมื่อถึงวัยเข้าเรียน โดย MFGM ในนมแม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจดได้ดียิ่งขึ้น

*สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีและศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย. นมแม่กับการพัฒนาทักษะสมองส่วน Executive Function. 2561

 

Line TH
Shopee TH Lazada TH Join Enfamama