Enfa สรุปให้
อาการแพ้ท้อง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ส่งผลให้คุณแม่ไวต่อกลิ่นและรสชาติ ทั้งยังก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนบ่อย ๆ อีกด้วย
ในช่วงไตรมาสแรกที่มีอาการแพ้ท้องรุนแรง คุณแม่อาจจะกินอาหารได้น้อย แต่ยังจำเป็นจะต้องกินอาหารให้เหมาะสม โดยเน้นอาหารกลุ่มโปรตีนที่จะช่วยให้พลังงานและทำให้อิ่มท้องนานขึ้น
กรณีที่แพ้ท้องรุนแรง ควรไปพบแพทย์ เพราะถ้าหากอาการแพ้ท้องรบกวนการนอนหลับและการกินอาหารจนส่งผลให้น้ำหนักลดลง อาจส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์ได้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
อาหารแพ้ท้อง เป็นอาการโดยทั่วไปของคนท้อง แม่ท้องหลายคนมีอาการแพ้ท้องรุนแรง และบางคนก็แพ้ท้องยาวตลอดการตั้งครรภ์เลยก็มี เมื่อเป็นแบบนี้คุณแม่ควรจะเลือกกินอาหารแบบไหนถึงจะแพ้ท้องน้อยลง
อาหารแก้แพ้ท้องแบบไหนที่กินแล้วอาการแพ้ท้องดีขึ้นบ้างนะ ถ้าอยากรู้ ก็ตามไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันกับ Enfa เลยค่ะ
อาการแพ้ท้อง เป็นอาการปกติของท้องค่ะ แต่ความรุนแรงจะแตกต่างกันไป บางคนแพ้ท้องรุนแรง บางคนแพ้ท้องนิดเดียว ซึ่งอาการแพ้ท้องนั้นมีสาเหตุสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ส่งผลให้เกิดความไวต่อกลิ่นและรสชาติต่าง ๆ จากลิ่นที่ชอบตอนนี้อาจจะไม่ชอบ อาหารที่ชอบตอนนี้อาจจะไม่ชอบ
มากไปกว่านั้น ความผกผันของฮอร์โมนในระยะแรกของการตั้งครรภ์นี้ยังส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนได้บ่อย ๆ อีกด้วย ซึ่งอาการแพ้ท้องนี้ จะมีรุนแรงมากหรือน้อยแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล
หากพยายามบรรเทาอาการแพ้ท้องแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น หรือแพ้ท้องหนักมากจนนอนไม่หลับ กินอาหารได้น้อยลง และน้ำหนักตัวเริ่มลดลง ให้รีบไปพบแพทย์ค่ะ เพราอาจจะส่งผลเสียที่อันตรายต่อสุขภาพของคุณแม่ได้
คุณแม่หลายคนที่มีอาการแพ้ท้อง อาจใช้วิธีเลือกกินเพื่อช่วยให้อาการแพ้ท้องดีขึ้น ซึ่งอาหารที่เหมาะสำหรับอาการแพ้ท้องนั้นมีขอบเขตที่ค่อนข้างกว้างและแตกต่างไปตามความชอบของแต่ละคนด้วย อาหารที่ได้ผลกับบางคน อาจไม่ได้ผลกับบางคน
อย่างไรก็ตาม อาหารที่คุณแม่เลือกกินเพื่อบรรเทาอาการแพ้ท้อง ยังจำเป็นจะต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายยังได้รับสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ในขณะที่อาการแพ้ท้องก็ดีขึ้นด้วย
1. มะนาว
นอกจากจะมีรสชาติเปรี้ยวที่ช่วงล้างความขมปากในช่วงแพ้ท้องรุนแรงแล้ว กลิ่นของมะนาวยังจัดว่าเป็นสุคนธบำบัด หรืออโรมาเธอราพีที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นขึ้น มีส่วนช่วยลดอาการคลื่นไส้ลงได้ การกินมะนาว หรือดื่มน้ำมะนาว จึงอาจช่วยให้คุณแม่รู้สึกดีขึ้นเมื่อมีอาการแพ้ท้องกำเริบ
2. ขิง
ขิงมีสรรพคุณช่วยในการระบายและขับลม ทั้งยังมีส่วนช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้ในขณะตั้งครรภ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยคุณแม่สามารถเลือกดื่มเป็นน้ำขิง ชาขิง ลูกอมรสขิง ก็ล้วนแล้วแต่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเมื่อมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
3. ไข่
มีผลการวิจัยกล่าวว่า การขาดโปรตีนอาจทำให้คุณแม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนมากขึ้น ดังนั้น การกินเนื้อสัตว์ต่าง ๆ จะช่วยให้คุณแม่ได้รับโปรตีนที่เพียงพอ และยังช่วยให้อาการคลื่นไส้ลดลงด้วย
4. ซีเรียล
แม้ว่าซีเรียลจะไม่ได้ช่วยทำให้อาการแพ้ท้องหายไป แต่คุณแม่ที่แพ้ท้องบ่อย ๆ อาจจะกินอะไรไม่ค่อยลง การกินซีเรียลอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะไม่มีกลิ่นรบกวนที่ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ ทั้งยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
5. แตงโม
นอกจากจะช่วยให้รู้สึกสดชื่น และมีรสชาติอร่อยถูกปากแล้ว แตงโมยังเป็นผลไม้ที่ให้น้ำสูง คุณแม่ที่แพ้ท้องจนดื่มน้ำได้น้อย อาจเสี่ยงต่ออาการขาดน้ำได้ ดังนั้น นอกจากจะต้องพยายามดื่มน้ำแล้ว การกินผลไม้ที่มีน้ำมากอย่างแตงโม ก็ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในร่างกายได้ดีทีเดียว
6. กล้วย
กล้วยอุดมไปด้วยวิตามินบี 6 ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ ทั้งยังมีโพแทสเซียมสูง จึงช่วยเพิ่มพลังงานแก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยให้คุณแม่ได้รับพลังงานที่เหมาะสมในระหว่างวันที่มีอาการแพ้ท้อง
7. แครกเกอร์
แครกเกอร์ทำมาจากแป้ง ซึ่งจะช่วยในการดูดซับกรดในกระเพาะอาหารและหลอดอาหารบางส่วนที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ได้
นอกจากนี้คุณแม่ควรจะมีแครกเกอร์ติดไว้ที่หัวเตียง และกินทันทีก่อนจะลุกจากที่นอนในตอนเช้า เพื่อไม่ให้ท้องว่างจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเช้าที่มักจะมีอาการแพ้ท้องมากเป็นพิเศษ
8. มันฝรั่งทอด
ของว่างอย่างมันฝรั่งทอดที่ไม่มีรสชาติ หรือมีรสเค็มนิด ๆ แต่ไม่มีกลิ่นที่ทำให้รู้สึกอยากคลื่นไส้ ทั้งยังสามารถช่วยให้คุณแม่สบายท้องและเป็นการรองท้องในระหว่างมื้ออาหารได้ดี
9. ชาเปปเปอร์มินต์
เป็นอีกหนึ่งชาที่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เพราะมีสรรพคุณช่วยให้ผ่อนคลายและสดชื่น กลิ่นก็จัดเป็นสุคนธบำบัดที่ช่วยให้ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
หากไม่สามารถพกชงเปปเปอร์มินต์ติดตัวไว้ได้ อาจจะพกลูกอมรสเปปเปอร์มินต์ก็อาจะช่วยให้อาการคลื่นไส้ดีขึ้นได้ค่ะ
10. โยเกิร์ต
โดยเฉพาะกรีกโยเกิร์ต ที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติกซึ่งทำหน้าที่สำคัญช่วยในย่อยอาหาร ช่วยปรับสมดุลในลำไส้ และบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้ด้วย สำหรับคุณแม่ที่แพ้ท้องจนกินอะไรไม่ค่อยลง หรือกินอาหารได้น้อย ในระหว่างวันสามารถกินโยเกิร์ตเป็นของว่างแทนได้ค่ะ
หมากฝรั่ง ลูกอม ถือว่าดีต่อคุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้องเหมือนกันค่ะ แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้อาการแพ้ท้องหายไป แต่บางครั้งคุณแม่อาจจะอาเจียนบ่อย ๆ จนเริ่มมีรสขมในปาก การพกลูกอมหรือหมากฝรั่งติดตัวไว้ ก็จะช่วยปรับรสชาติขมในปากให้ลดลงได้ค่ะ
เมนูแก้แพ้ท้อง จริง ๆ แล้วไม่ใช่อาหารที่จะช่วยให้อาการแพ้ท้องหายไปค่ะ แต่เป็นเมนูอาหารที่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้อง ในระยะนี้คุณแม่อาจจะแพ้ท้องบ่อยจนกินอะไรไม่ค่อยลง จึงเหมาะกับเมนูที่ไม่หนักจนเกินไป ไม่มีกลิ่นแรงจนกินไม่ลง แต่ยังจำเป็นที่จะต้องได้รับโปรตีนและสารอาหารที่จำเป็นอยู่ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
โดยเมนูดังต่อไปนี้ จะมีทั้งเมนูอาหารคาว ของหวาน และเครื่องดื่ม ที่ช่วยให้คุณแม่สดชื่น และคุณแม่ยังคงได้รับสารอาหารที่จำพวกโปรตีนและเกลือแร่ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
1. น้ำขิง
ส่วนผสม:
• ขิง เลือกขิงที่แก่จัด เพราะจะมีรสชาติอ่อน ไม่ขมเกินไป
• น้ำสะอาด
• น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลกรวด
วิธีทำ: ล้างทำความสะอาดขิงแล้วหั่นขิงเป็นแว่น ๆ ทุบเบา ๆ อย่าให้แหลก นำไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 10-15 นาที จากนั้นต้มด้วยไฟอ่อนอีก 20-30 นาที แล้วปิดเตาพักไว้ 10-15 นาที กรองเอาเนื้อขิงออก เติมน้ำตาลให้มีรสหวานพอประมาณ
2. น้ำมะนาว
ส่วนผสม:
• มะนาว
• น้ำเชื่อม
• เกลือ
• น้ำแข็ง
• น้ำสะอาด
วิธีทำ: ล้างมะนาวให้สะอาด ผ่าซีกเอาเม็ดออก บีบน้ำมะนาวลงในชามผสม เติมเกลือ น้ำเชื่อม น้ำสะอาดลงไป คนให้เข้ากัน เทใส่แก้ว เติมน้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟ
3. สมูทตี้สตรอว์เบอร์รี
ส่วนผสม:
• สตรอว์เบอร์รี
• น้ำเชื่อม
• นมสด
• โยเกิร์ต
• น้ำแข็ง
วิธีทำ: นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงในเครื่องปั่น แล้วปั่นให้เข้ากันจนละเอียด ปรุงรสให้หวานตามใจชอบ เสร็จแล้วตักใส่แก้ว พร้อมเสิร์ฟ
4. ซุปผักโขม
ส่วนผสม:
• ผักโขม
• หอมใหญ่หั่นเต๋า
• แป้งสาลี
• นมสด
• วิปครีม
• น้ำสะอาด
• เกลือ
วิธีทำ: ใส่เกลือลงในน้ำ ต้มจนเดือดแล้วจึงใส่ผักโขมลงไปลวก เสร็จแล้วตักขึ้นมาพักไว้ ใส่หอมใหญ่ลงไปลวก จากนั้นนำขึ้นมาพักไว้ เอาผักโขม หอมใหญ่ นมสด และน้ำสะอาด ใส่ลงในเครื่องปั่น ปั่นให้เข้ากัน ก่อนจะนำลงไปต้มในหม้อ ใส่วิปครีม เกลือนิดหน่อย เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนเดือด ตักลงเสิร์ฟได้เลย
5. ยำผลไม้รวม
ส่วนผสม:
• ผลไม้สดตามใจชอบ เช่น แอปเปิ้ล องุ่น สับปะรด กีวี สตรอว์เบอร์รี
• พริก
• กระเทียม
• น้ำมะนาว
• น้ำปลา
• น้ำตาลทราย
• เม็ดมะม่วงหิมพานต์
• ปลากรอบ
วิธีทำ: ตำพริก ตำกระเทียมแล้วผสมกับน้ำปลา น้ำตาลทราย น้ำมะนาว คนให้เข้ากัน ส่วนผลไม้ให้หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากันกับน้ำยำที่เตรียมไว้ โรยด้วยปลากรอบและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ พร้อมเสิร์ฟ
6. บรอกโคลีผัดกุ้ง
ส่วนผสม:
• บรอกโคลี
• แคร์รอต
• เห็ด
• กุ้ง
• น้ำมันหอย
• ซีอิ๊วขาว
• น้ำปลา
• น้ำตาล
• น้ำมัน
• กระเทียม
วิธีทำ: ล้างส่วนผสมทุกอย่างให้สะอาด หั่นพอดีคำ จากนั้นเจียวกระเทียมในกระทะให้หอม แล้วใส่กุ้งลงไปผัด เมื่อกุ้งเริ่มสุกใส่ผักลงไป ปรุงรสให้เข้ากัน ผัดจนทุกอย่างสุกกำลังดี ตักขึ้นเสิร์ฟ
7. โจ๊กข้าวกล้อง
ส่วนผสม:
• ข้าวกล้อง
• น้ำสะอาด
• หมูบด
• ซุปหมูก้อน
• ต้นหอมซอย
• ขิงซอย
• ซอสปรุงรส
• พริกไทยป่น
วิธีทำ: ซาวข้าวกล้องให้สะอาด แล้วนำไปต้มจนเม็ดข้าวกล้องแตกตัวกำลังดี คอยเติมน้ำเรื่อย ๆ อย่าให้แห้ง เมื่อข้าวสุกได้ที่ให้ยกลงพักไว้ให้เย็นแล้วนำไปปั่นหยาบ ๆ จากนั้นนำไปตั้งไฟอีกรอบ ใส่ซุปหมูก้อน หมูบดลงไป คนบ่อย ๆ อย่าให้ไหม้ รอจนหมูสุกยกลง โรยด้วยต้นหอมซอย ขิงซอย ปรุงรสด้วยพริกไทยและซอสตามใจชอบ
8. สลัดกุ้งทอด
ส่วนผสม:
• ผักสลัด เลือกได้ตามใจชอบ
• กุ้ง
• เกลือ
• พริกไทย
• แป้งสำหรับชุบทอด
• น้ำมันพืช
• น้ำสลัด
วิธีทำ: ล้างกุ้งให้สะอาด ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย คลุกเคล้ากับแป้ง แล้วนำลงไปทอดจนสุก ตักขึ้นมาพักไว้ในจาน เติมผักสลัดที่ชอบลงไป ราดด้วยน้ำสลัด โดยอาจจะทำน้ำสลัดตามสูตรที่ชอบ หรือจะใช้น้ำสลัดยี่ห้อที่ถูกใจก็ได้เหมือนกันค่ะ คลุกเคล้าให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ
9. ถั่วลันเตาผัดกุ้ง
ส่วนผสม:
• กุ้ง
• ถั่วลันเตา
• แคร์รอตหั่นเต๋า
• ซอสหอยนางรม
• ซีอิ๊วขาว
• น้ำตาลทราย
• น้ำสะอาด
• กระเทียม
วิธีทำ: ล้างกุ้งและผักให้สะอาด เจียวกระเทียมพอหอม ใส่กุ้งลงไปผัดให้พอสุก จากนั้นใส่ผักทั้งหมดลงไป ปรุงรสตามใจชอบ ผัดให้เข้ากันจนผักสุกได้ที่ ตักขึ้นเสิร์ฟ
10. ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ
ส่วนผสม:
• หมูสับ
• เต้าหู้ไก่
• ซุปหมูก้อน
• กระเทียม
• แคร์รอต
• ผักกาดขาว
• ขึ้นฉ่าย
• พริกไทยขาว
• ซีอิ๊วขาว
• น้ำปลา
วิธีทำ: หมักหมูสับด้วยซีอิ๊วขาว น้ำปลา พริกไทยให้เข้ากัน จากนั้นใส่กระเทียม ซุปก้อนลงไปต้มในน้ำจนเดือด แล้วปั้นหมูสับเป็นก้อน ๆ ลงไปในน้ำซุป ต้มพอสุก ทยอยช้อนฟองออกเรื่อย ๆ ปรุงรสตามใจชอบ แล้วใส่ผักทั้งหมดลงไป รอต้มจนทุกอย่างสุก ตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟ
แม่ท้องต้องใส่ใจอาหารการกิน ซึ่งคำว่าใส่ใจนี้ ไม่ได้จำกัดเพียงการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เท่านั้น แต่จะต้องใส่ใจตั้งแต่การเลือกซื้อวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในการปรุงอาหารเลยค่ะ โดยควรเลือกซื้อวัตถุดิบให้เหมาะสม ดังนี้
• เลือกวัตถุดิบที่สะอาด ไม่มีเชื้อรา ไม่เน่าเสีย และควรเลือกซื้อวัตถุดิบที่มาจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ ไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง
• ไม่ควรซื้อวัตถุดิบที่ใกล้จะหมดอายุเพียงเพราะว่ามีราคาถูก เนื่องจากคุณแม่อาจจะเผลอเรอและลืมวันเดือนปีที่กำลังจะหมดอายุ อาจจะเผลอนำวัตถุดิบที่หมดอายุแล้วมาปรุงอาหาร อาจทำให้คุณแม่ท้องเสียรุนแรงได้ค่ะ
• สำหรับวัตถุดิบที่เป็นเครื่องปรุงต่าง ๆ ควรเลือกที่มีฉลากอย.กำกับ เพื่อเป็นการรับรองความปลอดภัยและมาตรฐานที่เหมาะสำหรับการบริโภค
• ของสดควรเลือกที่สดจริง ๆ ไม่เหี่ยว ไม่เน่า ไม่มีเชื้อรา เพื่อให้อาหารเหล่านั้นยังคงมีคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วน
• เนื้อวัว ควรเลือกที่สีแดงสด มันสีเหลืองอ่อน และมีความยืดหยุ่นกำลังดี
• เนื้อหมู ควรเลือกเนื้อที่มีสีชมพูอ่อน เนื้อไม่แน่นจนเกินไป และมีความยืนหยุ่นกำลังดี
• ปลา ควรเลือกที่ตาใส เหงือกแดง เกล็ดไม่หลุดรุ่ย เนื้อแน่น กดลงไปแล้วไม่ยุบ
• ผลไม้ ควรเลือกซื้อผลไม้ตามฤดูกาล เลือกที่สด ผิวไม่ช้ำจนเกินไป
• ผักใบเขียว ควรเลือกผักที่สด ใบไม่ช้ำ ไม่เหี่ยวจนเกินไป
สำหรับคุณแม่ที่ต้องการจะเสริมสุขภาพด้วยการดื่มนม ควรเลือกนมที่เหมาะสมสำหรับการตั้งครรภ์ ดังนี้
• เลือกนมที่มีฉลากความปลอดภัยอย. อย่างชัดเจน
• เลือกนมที่ไม่ใกล้หมดอายุ เพราะถ้าหากดื่มไม่ทัน จะเสียของเปล่า ๆ ค่ะ
• เลือกนมที่มีฉลากรายละเอียดของสารอาหารในน้ำนมอย่างชัดเจนว่ามีปริมาณเท่าไหร่ มีอะไรบ้าง
• เลือกนมสำหรับคนท้องที่อุดมไปด้วยกรดโฟลิก โคลีน ดีเอชเอ แคลเซียม ธาตุเหล็ก
คุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้อง อาจสามารถเลือกเครื่องดื่มที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่น และกระปรี้กระเปร่า หรือเครื่องดื่มที่ช่วยขับลม ช่วยในการระบาย เช่น
• น้ำผลไม้ต่าง ๆ เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำสตรอว์เบอร์รี น้ำมะพร้าว
• น้ำขิง
สมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรต่าง ๆ นั้น โดยมากมักไม่ค่อยปลอดภัยต่อหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรเลือกกินเฉพาะสมุนไพรที่เป็นผัก หรือมีความปลอดภัยสูง เช่น น้ำขิง ชาต่าง ๆ เป็นต้น หรือควรปรึกษากับแพทย์ดูก่อนว่าสมุนไพรชนิดใดที่ปลอดภัยต่อคนท้องบ้าง
จริง ๆ แล้วคนท้องกินผลไม้ได้ทุกชนิดค่ะ ตราบเท่าที่ไม่ได้มีอาการแพ้ และผลไม้หลายชนิดยังช่วยให้รู้สึกสดชื่นแล้ว ทำให้อาการแพ้ท้อง วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลไม้ที่มีน้ำสูง จะช่วยให้ร่างกายมีน้ำที่เพียงพอ เพราะคนที่แพ้ท้องมาก ๆ อาจจะดื่มน้ำได้น้อยลง โดยผลไม้ที่เหมาะสำหรับคนแพ้ท้อง เช่น
• แอปริคอต
• แตงโม
• ส้ม
• แคนตาลูป
• แอปเปิ้ล
• พีช
• เบอร์รีต่าง ๆ
• มะม่วง
• สับปะรด
• ฝรั่ง
• องุ่น
• กล้วย
• อะโวคาโด
• ลูกแพร์
การใช้ยาแก้แพ้ท้องของคุณแม่ตั้งครรภ์ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรซื้อยาแก้แพ้ท้องรับประทานเอง เนื่องจากอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพครรภ์ได้
หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการคลื่นไส้และอาเจียนมากกว่า 2 - 3 ครั้ง/วัน รวมทั้งมีอาการอาเจียนที่รุนแรง คุณแม่อาจจะมีภาวะ Hyperemesis Gravidarum หรืออาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง
ในกรณีนี้ คุณแม่ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็ว เนื่องจากภาวะ Hyperemesis Gravidarum สามารถส่งผลกระทบกับร่างกายของคุณแม่และทารกในครรภ์ได้
หนึ่งในวิธีบรรเทาอาการแพ้ท้องแบบโบราณที่นิยมกันก็คือการกินของเปรี้ยว ๆ จะช่วยให้รู้สึกสดชื่น และทให้อาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ทุเลาลง แต่ก็ไม่ได้ผลเสมอไป คุณแม่บางคนก็อาจจะยังมีอาการแพ้ท้องอยู่เช่นเดิม
Enfa สรุปให้ ผัก อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญทั้งโปรตีน แคลเซียม โฟเลต ดีเอชเอ แร่ธาตุ และวิตามินต่า...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ เบียร์ เป็นเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นเ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ อาการแพ้ท้อง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ส่งผลให้คุณแม่ไวต่อกลิ่นและร...
อ่านต่อ