
Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
เมนส์ไม่มากี่วันถึงท้อง? คำถามยอดฮิตที่ถามกันบ่อย ๆ เพราะอาการประจำเดือนขาด เป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญในระยะแรก ๆ ที่บอกว่าคุณแม่อาจจะกำลังตั้งครรภ์ แต่ประจำเดือนต้องไม่มากี่วัน ถึงจะสันนิษฐานได้ว่ามีการตั้งท้องเกิดขึ้น เรามาหาคำตอบกันค่ะ
เมนส์ไม่มากี่วันถึงท้อง ประจำเดือนขาดกี่วันท้อง แม้ว่าอาการที่ค่อนข้างจะชัดเจนว่า อาการขาดประจำเดือน หรือประจำเดือนไม่มาหลังจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่คุมกำเนิดนั้น เป็นสัญญาณแรกสุดของการตั้งครรภ์ แต่คุณแม่ก็อาจจะสงสัยต่อไปอีกว่า แล้วประจําเดือนไม่มากี่วันท้อง?
ซึ่งจริง ๆ แล้วสิ่งนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนมีรอบเดือนมาตรงกันอย่างสม่ำเสมอ ขาดเหลือไม่เกิน 2-3 วัน ขณะที่บางคนประจำเดือนมาไม่ปกติ ดังนั้น ระยะเวลาที่เมนส์ไม่มาแล้วรู้ตัวว่าท้องของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม หากพ้นไปจากกำหนดของการมีรอบเดือนตามปกติ หรือพ้นไปจากวันที่รอบเดือนจะมาช้าตามปกติแล้วประมาณ 2-3 วัน และประจำเดือนยังไม่มา ก็อาจเป็นไปได้ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น
คำถามยอดฮิต ประจำเดือนไม่มา 1 เดือน จะท้องไหม หรือหลังมีเมนส์กี่วันถึงท้อง ปกติแล้วไม่จำเป็นต้องรอถึง 1 เดือน คุณแม่ก็น่าจะทราบว่ามีการตั้งท้องเกิดขึ้นตั้งแต่ 2-3 วัน หรือช้าสุดคือ 7 วัน หลังจากวันที่ประจำเดือนควรจะมาตามกำหนด
อย่างไรก็ตาม คุณแม่หลาย ๆ คนมีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ส่วนนี้อาจจะรอสังเกตอาการขาดประจำเดือนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องสังเกตอาการคนท้องอื่น ๆ ด้วย เช่น มีอาการแพ้ท้องหรือไม่ เพื่อสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าอาจจะกำลังตั้งครรภ์
มากไปกว่านั้น หากคุณแม่กำลังสงสัยว่า ฉันกำลังตั้งครรภ์รึเปล่านะ หรือมีอาการอื่น ๆ ควบคู่ไปกับอาการขาดประจำเดือน ก็สามารถที่จะทำการตรวจครรภ์ได้เลย เพื่อทำการยืนยันว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นหรือไม่
ลักษณะของการมีประจำเดือน 2 ครั้งใน 1 เดือนนี้ เป็นไปได้ทั้ง 2 กรณี คือตั้งท้อง และไม่ตั้งท้อง
ก่อนที่เราจะคำนวนคร่าว ๆ ว่ารอบเดือนขาดกี่วันถึงท้อง คุณแม่ต้องเข้าใจวิธีการรนับรอบเดือนของตัวเองก่อน โดยปกติแล้วผู้หญิงจะมีรอบเดือนทุก ๆ 28-29 วัน เวลาที่เราคำนวณหารอบเดือนครั้งถัดไป เราก็จะเริ่มนับจากวันแรกที่มีประจำเดือนเป็นวันที่ 1 และนับต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งประจำเดือนครั้งถัดไปมา
จากนั้นจึงเริ่มนับวันแรกของประจำเดือนรอบถัดไปที่มา เป็นวันที่ 1 อีกครั้ง และนับเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ในทุก ๆ เดือน อย่างไรก็ตาม ร่างกายของผู้หญิงแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจเริ่มนับ 1 ใหม่ในทุก ๆ 28-29 วัน แต่บางคนอาจจะต้องนับ 1 ใหม่ ในทุก ๆ 35-40 วัน
ซึ่งหากพ้นไปจากกำหนดของการมีรอบเดือนตามปกติ หรือพ้นไปจากวันที่รอบเดือนจะมาช้าตามปกติแล้วประมาณ 2-3 วัน และประจำเดือนยังไม่มา ก็อาจเป็นไปได้ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น
คุณแม่สามารถสังเกตอาการคนท้องอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น คัดตึงเต้านม อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ตกขาวมากกว่าปกติ ปัสสาวะบ่อย หรือมีอาการแพ้ท้อง ควบคู่ไปกับการขาดประจำเดือน ก็เป็นไปได้ว่ากำลังตั้งครรภ์
แต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะบอกได้ว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ก็คือการตรวจครรภ์ ซึ่งหากพ้นไปจากกำหนดของการมีรอบเดือนตามปกติ หรือพ้นไปจากวันที่รอบเดือนจะมาช้าตามปกติแล้วประมาณ 2-3 วัน และประจำเดือนยังไม่มา คุณแม่ก็สามารถทำการตรวจครรภ์ได้เลยว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นหรือไม่
หากคุณแม่มีประจำเดือนมาตรงกันในทุก ๆ เดือนเป็นปกติอยู่แล้ว หากพ้นไปจากกำหนดของการมีรอบเดือนตามปกติ หรือพ้นไปจากวันที่รอบเดือนจะมาช้าตามปกติแล้วประมาณ 2-3 วัน และประจำเดือนยังไม่มา คุณแม่ก็สามารถทำการตรวจครรภ์ได้เลยว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นหรือไม่
ส่วนคุณแม่ที่ประจำเดือนมาไม่ค่อยปกติ 2-3 เดือนถึงจะมา อาจจะสงสัยว่า กรณีแบบนี้ควรตรวจครรภ์หลังประจําเดือนขาดกี่วัน ซึ่งแน่นอนว่า คนที่ประจำเดือนมาไม่ปกตินั้น เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่ามีการตั้งครรภ์เพียงใช้การสังเกตจากอาการขาดประจำเดือน
สำหรับกรณีนี้ คุณแม่อาจจะต้องอาศัยการสังเกตอาการคนท้องอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีอาการแพ้ท้องหรือไม่ ตกขาวมากกว่าปกติไหม ช่วงนี้อ่อนเพลียแปลก ๆ หรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม วิธีที่น่าจะดีที่สุดสำหรับคุณแม่ที่ประจำเดือนไม่ค่อยรักดี ประจำเดือนมาไม่ค่อยปกติ ให้คุณแม่นับไปจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ในวันที่คาดว่าจะมีการตกไข่ โดยไม่มีการคุมกำเนิด ไปประมาณ 10-14 วัน แล้วจึงทำการตรวจครรภ์
เพราะช่วงเวลาดังกล่าว เป็นจังหวะที่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้น และมีการฝังตัวอ่อนลงในมดลูก และระยะเวลา 10-14 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่คุมกำเนิด ถือว่าเร็วที่สุดที่จะตรวจพบการตั้งครรภ์ได้
ความเครียดของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ร่างกายคนเราก็แตกต่างกัน ดังนั้น ระยะเวลาที่ประจำเดือนจะเลื่อนอันมีสาเหตุมาจากความเครียดนั้นจึงแตกต่างกัน อาจเป็น 2-3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ก็ได้
หากพ้นไปจากกำหนดของการมีรอบเดือนตามปกติ หรือพ้นไปจากวันที่รอบเดือนจะมาช้าตามปกติแล้วประมาณ 2-3 วัน และประจำเดือนยังไม่มา คุณแม่ก็สามารถทำการตรวจครรภ์ได้เลย เพื่อดูว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นหรือไม่
เนื่องจากคุณแม่หลาย ๆ คนมีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว อาจทำให้การสังเกตการตั้งครรภ์จากอาการขาดประจำเดือนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ คุณแม่อาจจะต้องสังเกตอาการท้องอื่น ๆ ด้วย เช่น มีอาการแพ้ท้องหรือไม่ เพื่อสันนิษฐานว่าอาจจะกำลังตั้งครรภ์
ถ้าหากเป็นคนที่ประจำเดือนมาเป็นปกติอย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยมาช้าเลย การขาดประจำเดือน 3 วัน ก็ถือว่ามีแนวโน้มสูงที่จะมีการตั้งครรภ์เปิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากพ้นไปจากกำหนดของการมีรอบเดือนตามปกติ หรือพ้นไปจากวันที่รอบเดือนจะมาช้าตามปกติแล้วประมาณ 2-3 วัน และประจำเดือนยังไม่มา คุณแม่ก็สามารถทำการตรวจครรภ์ได้เลย เพื่อเช็กว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นหรือไม่
อาการประจำเดือนไม่มา ประจำเดือนขาด ประจำเดือนมาช้า ไม่ได้หมายถึงการตั้งครรภ์เสมอไป บางครั้งการที่ประจำเดือนไม่มา อาจหมายถึง;
กรณีเช่นนี้ มีคำอธิบายที่หลากหลายด้วยกัน ดังนี้
กรณีเช่นนี้ มีคำอธิบายที่หลากหลายด้วยกัน ดังนี้
ถามว่ามีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ไหม ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น แต่เพื่อความแม่นยำให้ลองตรวจด้วยที่ตรวครรภ์อันใหม่ในวันถัดไป หรือในอีก 2-3 วันถัดไป หรือไปตรวจครรภ์โดยตรงกับแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ
เป็นไปได้ทั้ง 2 กรณี คืออาจเป็นไปว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นจริง ๆ และก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการตั้งครรภ์ แต่เป็นปัญหาสุขภาพมากกว่า ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดที่จะบอกได้ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ก็คือการตรวจครรภ์
Enfa สรุปให้ เมนส์มา 2 ครั้งใน 1 เดือนท้องมั้ย? อาจเป็นไปได้ว่ามีการตั้งครรภ์จริง แต่แท้งบุตรไปแ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ตกขาวสีน้ำตาล อาจเกิดจากเลือดประจำเดือนเก่าที่ยังตกค้างอยู่ ตกขาวจึงอาจมีการปะปนทำใ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ไข่ไม่ตกท้องได้ไหม? หากไม่มีการตกไข่ กระบวนการปฏิสนธิก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ การตั...
อ่านต่อ