
Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
อาการคนท้องเป็นกลุ่มอาการที่จะบอกเราได้ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นกับร่างกาย โดยอาการคนท้องไม่ได้เพียงแค่ประจำเดือนขาด คลื่นไส้ หรืออาเจียนเท่านั้น แต่ยังมีอาการอื่น ๆ ที่สามารถบอกเราได้ว่ากำตั้งครรภ์เช่นกัน วันนี้ Enfa เลยชวนว่าที่คุณแม่มาเช็กอาการคนท้องที่บอกได้ชัวร์ว่า “ท้องแล้ว” กันค่ะ
อาการคนท้องเป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีการตั้งครรภ์ โดยอาการคนท้องมีด้วยกันหลากหลายอาการ ซึ่งอาการที่สามารถเริ่มสังเกตได้นั่นก็คือ การขาดประจำเดือน อีกทั้งยังอาจจะมีอาการอื่น ๆ เกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะเป็น คัดเต้านม เหนื่อยล้า ปัสสาวะบ่อย เป็นต้น
อาการคนท้องที่เกิดขึ้นนั้น มีปัจจัยมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดการปฏิสนธิ โดยระยะเวลาที่มีอาการคนท้องนั้น จะเริ่มมีอาการได้ตั้งสัปดาห์ที่ 2 – 3 ของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามในบางรายอาจจะยังไม่มีอาการให้เห็นได้ชัดนักในช่วงเวลานี้
อาการคนท้องสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากมีการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้นประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ร่างกายของผู้หญิงแต่ละคนมีความแตกต่างกันไป ในบางคนอาจจะพบอาการคนท้องในช่วงสัปดาห์ที่ 4 – 5 หรือในบางคนอาจจะไม่มีอาการคนท้องเกิดขึ้นเลย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้
แม้ว่าอาการคนท้องที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันออกไป แต่เราสามารถสังเกตอาการคนท้องแรก ๆ เพื่อเช็กว่าอาจจะมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยอาการคนท้องแรก ๆ ที่สามารถสังเกตได้ อาทิ
• มีเลือดกะปริดกะปรอยหรือเลือดล้างหน้าเด็ก
• ตกขาวมากกว่าปกติ อาจมีสีใสหรือขาวขุ่น
• คัดเต้านม มีอาการบวม เปราะบาง หรืออ่อนไหว
• เหนื่อยล้าได้ง่าย
• คลื่นไส้
• ขาดประจำเดือน
หากพบอาการคนท้องแรก ๆ ข้างต้น หลังจากการมีเพศสัมพันธ์ อาจจะเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ สามารถใช้ที่ตรวจครรภ์เพื่อตรวจการตั้งครรภ์เบื้องต้นได้
อาการคนท้องและอาการคนท้องแรก ๆ มีด้วยกันหลากหลายอาการ ชวนมาสังเกต 20 อาการคนท้องและอาการคนท้องแรก ๆ ที่พบได้ ดังนี้
อาการคนท้อง 3 วันที่เป็นไปได้คือ คุณแม่บางคนอาจจะรู้สึกปวดท้องน้อยเล็กน้อย เนื่องจากอาจเป็นช่วงเวลาที่มีไข่ตก หรือเป็นช่วงเวลาที่เพิ่งมีการฝังตัวของตัวอ่อนเกิดขึ้น
อาการตัวร้อนกว่าปกติเล็กน้อยนี้คือสิ่งที่เราเรียกว่า อุณหภูมิกายขณะพัก หรือ Basal Body Temperature (BBT) นั่นเองค่ะ ซึ่งอุณหภูมิร่างกายของคุณแม่จะต่ำลงเล็กน้อยในวันไข่ตก และจะสูงขึ้นเล็กน้อยหลังไข่ตก ในช่วง 3 วันแรกหลังจากการปฏิสนธิ คุณแม่ก็จะรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
ในช่วงที่มีอาการคนท้อง 3 วันแรก คุณแม่อาจจะพบว่ามีเลือดออกเล็กน้อยจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือจากความไวต่อการกระตุ้นของปากมดลูก (Cervical Sensitivity) เนื่องจากมีเลือดไหลเวียนไปยังบริเวณปากมดลูกเพิ่มมากขึ้นจนอาจทำให้มีเลือดออกเล็กน้อยหลังมีเพศสัมพันธ์
นอกจากนี้ อาจเป็นไปได้ว่าคุณแม่อาจจะมีเลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation Bleeding) ออกมา แต่โดยมากแล้ว ทั้งภาวะที่ปากมดลูกไวต่อการกระตุ้น และการมีเลือดล้างหน้าเด็ก มักจะเกิดขึ้นหลังปฏิสนธิอย่างน้อย 6-12 วัน มีโอกาสค่อนข้างน้อยที่คุณแม่จะรู้สึกถึงอาการคนท้อง 3 วันแรกในลักษณะนี้
ลักษณะตกขาวของคนท้อง จะมีลักษณะเป็นมูกใส สีขาวขุ่น คล้ายแป้งเปียก อาจจะมีปริมาณมากกว่าปกติ แต่ไม่มีกลิ่น และไม่มีอาการคัน ตกขาวคนท้องระยะแรกมีมากกว่าปกติจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจน
และการที่เลือดหมุนเวียนบริเวณท้องน้อยมากกว่าเดิมนั้น เพื่อเตรียมพร้อมมดลูกของคุณแม่ให้พร้อมรองรับการเจริญเติบโตของตัวอ่อนในครรภ์ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการติดเชื้อด้วยการรักษาสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอดของคุณแม่
อาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียง่าย เป็นอาการคนท้องระยะแรกท้อง 1 สัปดาห์ - ท้อง 2 สัปดาห์ ที่ชัดเจนและพบได้ปกติ สาเหตุเกิดจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมีระดับที่สูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความรู้สึกง่วงนอน และเหนื่อยล้าได้ง่าย ช่วงที่มีอาการคนท้องแรก ๆ คุณแม่จึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ รวมทั้งควรปรับอุณหภูมิห้องให้เย็น เนื่องจากร่างกายของคุณแม่ตั้งท้องจะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นในระยะแรกของการตั้งท้อง
การผันผวนและการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนในช่วงแรก ๆ ของการตั้งครรภ์นั้น อาจมีผลต่อความรู้สึกและอารมณ์ คุณแม่ที่ตั้งท้องแรก ๆ จึงอาจมีอาการหงุดหงิดได้ง่าย
อาการเตือนคนเริ่มท้อง 1 สัปดาห์แรก ที่สังเกตได้คือ เต้านม และหัวนมของเรามีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เต้านมจะมีอาการบวม เปราะบาง อ่อนไหว อาจจะมีความรู้สึกเสียวแปลบ ๆ หรือคัดเต้านม คล้าย ๆ อาการช่วงก่อนมีประจำเดือน
โดยลานนมมักจะคล้ำขึ้นและขยายใหญ่กว่าเดิม อาจพบหลอดเลือดบริเวณรอบ ๆ เต้านมนูนขึ้นชัดเจนขึ้น รวมทั้งมีตุ่มเล็ก ๆ บริเวณรอบหัวนมเพิ่มจำนวนมาก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่พุ่งสูงขึ้นหลังการปฏิสนธิ และจะค่อย ๆ ลดลงหลังไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป
หากเรามีประจำเดือนที่มาสม่ำเสมอ การที่ประจำเดือนขาดหาย ไม่มาตามปกติ หรือมาล่าช้าเกิน 12 – 16 วัน ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า เราอาจจะกำลังตั้งท้อง แต่การขาดประจำเดือนไม่ใช่อาการตั้งครรภ์ระยะเริ่มต้นอย่างเดียวที่สังเกตได้ ยังมีอาการอื่น ๆ ที่เป็นอาการเตือนคนเริ่มท้องเช่นกัน
อาการท้องแรก ๆ ที่สังเกตได้ง่ายอีกหนึ่งอาการคือ คนท้องมักจะรู้สึกตัวร้อน ร่างกายคนท้องระยะแรกจะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นกว่าปกติ คุณแม่บางคนอาจจะรู้สึกเหมือนมีไข้ต่ำ ๆ ในตอนเย็น แต่อาการเหล่านี้ไม่ได้เป็นอันตราย สามารถพบได้ปกติ
เนื่องจากเป็นระยะที่มีการปรับเปลี่ยนระบบต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายปรับตัว พร้อมสำหรับการเติบโตของลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อเยื่อ เพิ่มการสร้างเลือดเพื่อลำเลียงอาหารไปให้ลูกน้อย การขยายและปรับเปลี่ยนเต้านมให้พร้อมสำหรับการสร้างน้ำนม เป็นต้น แนะนำให้ดื่มน้ำให้มาก และพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้
ปัสสาวะบ่อยเป็นอีกหนึ่งอาการคนท้องที่พบได้ ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างการตั้งท้อง ทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดและของเหลวในร่างกาย ทำงานและเพิ่มระดับจากเดิม ส่งผลให้ไตต้องทำหน้าที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อกำจัดของเสียออกจากร่างกาย
นอกจากนี้ การที่มดลูกขยายตัวระหว่างการตั้งท้อง และไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ ยังส่งผลให้คนท้องปัสสาวะบ่อยอีกด้วย
คุณแม่บางรายจะเริ่มมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอม อาเจียน ที่มักเรียกว่าอาการแพ้ท้อง เนื่องจากร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความรุนแรงของอาการแพ้ท้องขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคุณแม่แต่ละคน
ส่วนใหญ่คุณแม่ตั้งครรภ์มักเริ่มแพ้ท้องเมื่อตั้งครรภ์ 6 สัปดาห์เป็นต้นไปและเริ่มมีอาการดีขึ้นหลังพ้นไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ แต่เป็นไปได้ว่าบางคนอาจเริ่มมีอาการแพ้ท้องเร็วกว่านั้น และบางคนอาจจะยังมีอาการแพ้ท้องไปจนถึงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์
เลือดล้างหน้าเด็ก เกิดขึ้นจากการที่ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วเคลื่อนตัวไปฝังตัวในมดลูก กระบวนการฝังตัวในโพรงมดลูกนี้ที่ทำให้มีเลือดไหลออกมากะปริดกะปรอย เป็นหนึ่งในอาการคนท้องที่พบได้บ่อย แต่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน คุณแม่บางคนอาจจะไม่มีเลือดล้างหน้าเด็กออกมาเลยก็ได้
อาการของคนท้องมักจะมีความไวต่อกลิ่นและรสสัมผัสมากกว่าปกติ อีกทั้งการรับรสอาหารก็เปลี่ยนไปด้วย คุณแม่ท้องอ่อนๆ หลายท่านมักมีอยากอาหารที่ผิดแปลกไป อาหารที่เคยชอบตอนนี้ก็อาจจะไม่ชอบแล้ว เห็นหรือได้กลิ่นแล้วพะอืดพะอม ในขณะเดียวกันก็อาจจะอยากกินอาหารบางอย่างมาก เช่น ของเปรี้ยวของแซ่บ อาหารรสจัดจ้าน
คนท้องท้องอืด คนท้องท้องผูก ถือเป็นเรื่องที่สามัญประจำแม่ตั้งครรภ์ คนท้องอ่อน ๆ มักมีอาการท้องอืดหรือท้องผูกเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนไปลดการทำงานของระบบย่อยอาหาร
ส่งผลให้การเคลื่อนของอาหารผ่านลำไส้ของคุณแม่ช้าลง นำไปสู่การเกิดแก๊สที่ทำให้คุณแม่แน่นท้อง อยากเรอ และการที่ของเสียอยู่ในลำไส้นานๆ ก็ทำให้อุจจาระแข็ง ถ่ายยาก นำไปสู่อาการท้องผูกในคนท้องอีกด้วย
อาการปวดหัวและอาการวิงเวียนศีรษะถือเป็นอาการคนท้องแรกๆ ที่พบได้เป็นปกติ เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย รวมถึงปริมาณการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นด้วย จึงทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ง่ายในช่วงแรกของการตั้งครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์หลาย ๆ คนเริ่มรู้สึกว่ามีอาการปวดหลังตั้งแต่เดือนแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ ทั้งนี้เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย และส่งผลต่อเส้นเอ็น ไขข้อ และกระดูกเชิงกราน ทำให้คนท้องปวดหลังได้
คุณแม่ตั้งครรภ์อ่อนๆ หลายคนมีความรู้สึกไวต่อกลิ่นมากขึ้น ทำให้ได้รับกลิ่นบางอย่างในชีวิตประจำวันแรงกว่าปกติ และอาจรู้สึกเหม็นหรือพะอืดพะอมเมื่อได้กลิ่นบางอย่าง ซึ่งไม่ได้เกิดเฉพาะแค่เพียงกลิ่นอาหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลิ่นต่าง ๆ รอบตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นตัวของสามี กลิ่นเหงื่อ กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มบนเสื้อผ้า กลิ่นน้ำหอม กลิ่นเครื่องหนัง ฯลฯ
เมื่อตั้งครรภ์ระยะแรก ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะกระตุ้นให้ร่างกายของคุณแม่รู้สึกว่าต้องหายใจลึกขึ้นและถี่ขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้กำลังออกแรงอยู่ และเมื่อทารกน้อยค่อย ๆ เติบโตขึ้นในครรภ์ ร่างกายของคุณแม่ก็จะต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้น
จนบางครั้งอาจทำให้คุณแม่บางคนรู้สึกหายใจไม่ออก หรือต้องหายใจถี่ ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเพียงพอ อาการคนท้องลักษณะนี้มักจะพบได้บ่อยในระยะหลังของการตั้งครรภ์เมื่อทารกในครรภ์เติบโตขึ้นทำให้มดลูกใหญ่ขึ้น ซึ่งไปจำกัดการขยายตัวของปอดในขณะที่คุณแม่หายใจเข้าออก
เนื่องจากระดับฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง จึงอาจส่งผลต่อกระบวนการผลิตไขมันในต่อมใต้ผิวหนัง และทำให้คนท้องเป็นสิว หรือมีสิวเห่อในช่วงตั้งครรภ์ได้
อาการคนท้องแรก ๆ ที่คุณแม่หลายคนสัมผัสได้ คือ มีรสโลหะในปาก ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจน โดยฮอร์โมนเหล่านี้มีผลต่อรสชาติของอาหารที่กินเข้าไป อาจทำให้รู้สึกว่ามีรสโลหะอยู่ในปากเวลาที่กินอาหาร
หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า เราจะสามารถสังเกตอาการเตือนคนเริ่มท้อง 1 สัปดาห์ ได้ไหม อันที่จริงแล้ว อาการเตือนคนเริ่มท้อง 1 สัปดาห์ จะไม่ค่อยมีอาการเตือนคนท้องเกิดขึ้นให้เห็นได้ชัดนัก ซึ่งลักษณะอาการคนท้องที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนยังมีความแตกต่างกันออกไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากประจำเดือนขาดหาย ไม่มาตามปกติ หรือมาล่าช้าเกิน 1 – 16 วัน ก็อาจจะเป็นไปได้ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น โดยอาการประจำเดือนขาดยังสามารถเป็นอาการเตือนคนเริ่มท้อง 1 สัปดาห์ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ระเวลาของการมีรอบเดือนของแต่ละคนยังมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งในบางรายที่ประจำเดือนมาล่าช้านั้น อาจจะเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น การออกกำลังกายหนัก ความเครียด เป็นต้น
อาการคนท้องระยะแรก 1 – 2 สัปดาห์ สามารถสังเกตได้ โดยอาการแรก ๆ ที่สามารถสังเกตได้ คือ การขาดประจำเดือน หรือประจำเดือนมาล่าช้าจากปกติ ทั้งนี้ ระยะเวลา 1 สัปดาห์แรก เป็นช่วงเวลาที่อสุจิและไข่พึ่งเกิดการปฏิสนธิ อาจจะยังไม่มีอาการคนท้องเกิดให้เห็นได้ชัดมากนัก
อาการคนท้องไม่รู้ตัวเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคนและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยสาเหตุหลัก ๆ เกิดจากที่ร่างกายไม่ได้แสดงอาการคนท้องหรืออาการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่แสดงว่าตั้งครรภ์ ซึ่งทำให้เข้าใจว่าตัวเองไม่ได้ตั้งครรภ์
ในกรณีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติด้วยแล้วนั้น ก็อาจจะทำให้เข้าใจว่าการที่ประจำเดือนขาด เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่ได้คิดว่าตัวเองอาจจะกำลังตั้งครรภ์ ด้วยเหตุนี้ จึงควรหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เพื่อป้องกันอาการคนท้องไม่รู้ตัว
อาการคนท้อง 3 วัน อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ยังไม่เห็นอาการคนท้องได้เด่นชัดมากนัก หรืออาจจะไม่มีอาการคนท้องอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากสงสัยว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น สามารถใช้ที่ตรวจครรภ์ทำการตรวจเบื้องต้นได้
ทั้งนี้ เพื่อผลตรวจครรภ์ที่แม่นยำ ควรตรวจครรภ์อย่างน้อย 2 – 3 สัปดาห์ หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิด เนื่องจากระดับฮอร์โมน hCG ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตในช่วงตั้งครรภ์มีปริมาณมากเพียงพอที่จะตรวจพบการตั้งครรภ์ เพราะหากตรวจตั้งครรภ์เร็วเกินไป จะทำให้ได้ผลที่คลาดเคลื่อนได้
วิธีการสังเกตว่าท้องหรือไม่ ที่ชัดเจนและแม่นยำที่สุดคือการตรวจหาการตั้งครรภ์ โดยแพทย์มักแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หลังประจำเดือนขาด 7 วัน เพราะหากมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ช่วงเวลาราว 4-6 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์นี้
จะถือเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายผลิตฮอร์โมน hCG มากพอให้ที่ตรวจครรภ์ที่คุณแม่ซื้อจากร้านขายยาหรือร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านสามารถตรวจพบได้ และจะให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด
แม่ๆ หลายคนอาจสงสัยว่า จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองมีอาการคนท้องระยะแรก 1-2 สัปดาห์ จะสังเกตเห็นได้จากหน้าท้องเลยไหม ต้องบอกว่าลักษณะท้องของคนท้องในช่วง 1 สัปดาห์ ไปจนถึง 1 เดือนแรก ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ต่างไปจากเดิมที่เป็นอยู่
เพราะถึงแม้ในช่วงเดือนแรกนั้นมดลูกจะเริ่มกระบวนการขยายตัวเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของตัวอ่อน แต่ขนาดมดลูกในระยะนี้ก็ยังเล็กเกินกว่าที่จะทำให้ขนาดท้องยื่นออกมา โดยเฉพาะคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ครั้งแรก ลักษณะท้องของคนท้องจะเริ่มเห็นได้ชัดตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป
• ตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง ต้องทราบตรวจครรภ์ตอนไหนชัวร์สุด และเริ่มที่ใช้ที่ตรวจครรภ์ตรวจจากปัสสาวะ เพื่อยืนยันว่าอาการดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะการตั้งครรภ์จริง ๆ
• หากผลลัพธ์ออกมาว่าตั้งครรภ์ ขั้นตอนต่อไปคือการไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจยืนยันการตั้งครรภ์อีกครั้ง และทำการฝากครรภ์
• เมื่อทำการฝากครรภ์ แพทย์จะให้คำแนะนำในการเริ่มดูแลตัวเอง มอบสมุดสำหรับการฝากครรภ์ รวมถึงทำการนัดหมายเพื่อทำการตรวจครรภ์ในครั้งต่อไปด้วย
อยากรู้ว่าวันไหนฤกษ์ดีสำหรับการผ่าคลอด เราได้รวบรวมฤกษ์ผ่าคลอด 2567 พยากรณ์โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ (การะเกต์พยากรณ์) มาดูฤกษ์ผ่าคลอดฟรีอ่านได้ที่นี่ ฤกษ์ผ่าคลอด 2567
อาการคนท้องเริ่มแรกในคุณแม่แต่ละคนนั้นเริ่มและจบไม่เหมือนกัน คุณแม่บางคนมีอาการตั้งแต่เดือนแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ แต่พอเข้าไตรมาสที่สองก็เริ่มดีขึ้น ขณะที่คุณแม่บางคนไม่มีอาการอะไรเลย กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตั้งครรภ์ไตรมาสสองแล้ว หรือคุณแม่บางคนไม่เคยมีอาการใด ๆ เลยตลอดการตั้งครรภ์
อาการตั้งครรภ์ในคุณแม่แต่ละคนนั้นจะมีความคล้ายกัน จะต่างก็เพียงมีอาการมากหรือน้อย คุณแม่บางคนอาจมีอาการชัดเจนมากที่รู้ได้ทันทีว่ามีการตั้งครรภ์ คุณแม่บางคนก็มีอาการน้อยจนดูไม่ออกว่าอาจจะกำลังตั้งครรภ์ หรือคุณแม่บางคนไม่มีอาการใด ๆ เลย กว่าจะรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว
โดยมากแล้วกลุ่มอาการแพ้ท้องมักจะเริ่มดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาการเริ่มแรกของคนท้องในคุณแม่แต่ละคนนั้นเริ่มและจบไม่เหมือนกัน
คุณแม่บางคนมีอาการตั้งแต่เดือนแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ แต่พอเข้าไตรมาสที่สองก็เริ่มดีขึ้น ขณะที่คุณแม่บางคนไม่มีอาการอะไรเลย กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตั้งครรภ์ไตรมาสสองแล้ว หรือคุณแม่บางคนไม่เคยมีอาการใด ๆ เลยตลอดการตั้งครรภ์
อาการคนท้องอาจเริ่มตั้งแต่ 1-2 สัปดาห์หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่คุมกำเนิด ซึ่งอาจจะเริ่มพบจากอาการขาดประจำเดือนก่อน แล้วจึงมีอาการอื่น ๆ ตามมา
อย่างไรก็ตาม อาการเริ่มแรกของคนท้องในคุณแม่แต่ละคนนั้นเริ่มและจบไม่เหมือนกัน คุณแม่บางคนมีอาการตั้งแต่เดือนแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ แต่พอเข้าไตรมาสที่สองก็เริ่มดีขึ้น ขณะที่คุณแม่บางคนไม่มีอาการอะไรเลย กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตั้งครรภ์ไตรมาสสองแล้ว หรือคุณแม่บางคนไม่เคยมีอาการใด ๆ เลยตลอดการตั้งครรภ์
สัญญาณที่ชัดเจนที่สุดที่สามารถสันนิษฐานได้ว่าอาจมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ก็คืออาการขาดประจำเดือน อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณแม่ที่ประจำเดือนมาไม่ปกติเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ก็อาจจะคิดว่าอาการเช่นนี้เป็นอาการปกติของตัวเอง ไม่ใช่การตั้งครรภ์แต่อย่างใด
การมีประจำเดือนกะปริดกะปรอย ก็สามารถเป็นสัญญาณแรกของการตั้งท้องได้เหมือนกัน โดยเกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว เคลื่อนตัวไปฝังในมดลูก ซึ่งเป็นเวลาคาบเกี่ยวระหว่างช่วงที่จะมีประจำเดือน ทำให้มีเลือดไหลออกมากะปิดกะปรอย
อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้ ไม่ได้เกิดกับผู้หญิงทุกคน แม้จะเกิดได้ แต่ก็ถือว่าน้อย อย่างไรก็ตาม เลือดที่ออกมานั้น บางครั้งก็อาจจะไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นเลือดที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ดังนี้
• การแท้งคุกคาม
• การตั้งครรภ์นอกมดลูก
• ท้องลม
• การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก
• การแท้ง
ดังนั้น หากมีอาการเลือดออกขณะตั้งครรภ์ ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจยืนยันว่าเป็นประจำเดือน หรือเป็นสัญญาณสุขภาพอื่น ๆ
ไม่มีผลการวิจัยหรือผลการศึกษาที่มากพอจะรองรับได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าอาการแพ้ท้องหรืออาการตั้งครรภ์สามารถบอกเพศลูกได้
หากมีอาการคล้ายคนท้อง แต่เมื่อตรวจดูแล้วไม่มีการท้องเกิดขึ้น อาจเกิดจากการตั้งท้องลม ซึ่งเป็นหนึ่งในความผิดปกติของการตั้งครรภ์ คือมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นจริง แต่จู่ ๆ ตัวอ่อนที่ได้รับการปฏิสนธิและฝังตัวในมดลูกก็ฝ่อไป เหลือไว้แต่ถุงตั้งครรภ์เปล่า ๆ
จริง ๆ แล้วปัสสาวะของคนท้องกับคนที่ไม่ท้องนั้นไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกันมากถึงขนาดนั้น และการเปลี่ยนแปลงสีของปัสสาวะก็ไม่ได้เป็นตัวกำหนดการตั้งครรภ์ด้วย
การที่ปัสสาวะมีสีเข้ม หรือสีจาง อาจหมายถึงปัญหาสุขภาพมากกว่าจะหมายถึงการตั้งครรภ์ ปัสสาวะที่สีเข้มมากอาจหมายถึงการดื่มน้ำน้อย หรือร่างกายขาดน้ำ หรือถ้าปัสสาวะมีเลือดปนออกมาด้วย ก็อาจหมายถึงการอักเสบหรือติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ อาการเช่นนี้แนะนำให้ไปพบแพทย์
ระยะเวลาในการตรวจครรภ์นั้น ขึ้นอยู่กับว่าคำนวณวันตกไข่ไว้ได้อย่างแม่นยำหรือไม่ เพราะถ้าหากคำนวณวันตกไข่เอาไว้แล้ว หลังจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ไปอีก 12-14 วัน ถือว่าเป็นระยะเวลาที่เร็วที่สุดที่จะสามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ เพราะเป็นระยะเวลาที่มีการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิเสร็จสมบูรณ์พอดี ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด
กับคำถามที่ว่า “ท้อง 1 สัปดาห์ ตรวจเจอไหม?” การตรวจครรภ์ 1 สัปดาห์หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่คุมกำเนิดนั้น ถือว่ายังเร็วเกินกว่าที่จะตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ ระยะเวลาเร็วที่สุดในการตรวจพบการตั้งครรภ์คือ 12-14 วัน ถือว่าเป็นระยะเวลาที่เร็วที่สุดที่จะสามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ เพราะเป็นระยะเวลาที่มีการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิเสร็จสมบูรณ์พอดี ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด
ระยะเวลาเร็วที่สุดในการตรวจพบการตั้งครรภ์คือ 12-14 วัน ถือว่าเป็นระยะเวลาที่เร็วที่สุดที่จะสามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ เพราะเป็นระยะเวลาที่มีการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิเสร็จสมบูรณ์พอดี ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด
คิดว่าตัวเองท้อง รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังท้องอยู่ มีอาการที่คล้ายอาการคนท้องทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ประจำเดือนไม่มา ท้องโต คลื่นไส้ อาเจียน แต่พอไปตรวจแล้วกลับไม่พบว่าตั้งครรภ์ อาการเหล่านี้เรียกว่า อาการท้องหลอก (Pseudocyesis) หรือที่เข้าใจกันว่าเป็นอาการมโนว่าท้อง
โดยอาการท้องหลอก เป็นความผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง โดยทางการแพทย์ยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้นักว่าสิ่งใดเป็นสาเหตุของอาการนี้ อย่างไรก็ตาม ก็มีการคาดคะเนว่าอาการท้องหลอกอาจจะเกิดจากปัจจัยเหล่านี้ อาทิ มีความต้องการที่จะตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก เคยแท้งหลายครั้ง เคยสูญเสียลูกไป มีบาดแผลทางจิดใจ เป็นต้น
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์แล้ว สิ่งที่คุณแม่ควรใส่ใจก็คือการได้รับโภชนาการที่ดี มีคุณภาพ ซึ่งไม่เพียงสำคัญกับพัฒนาการลูกในครรภ์ แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพ และช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้คุณแม่เองด้วย
โภชนาการที่ดีหมายถึง การที่คุณแม่ได้รับสารอาหารอย่างสมดุล คือได้รับทั้งสารอาหารหลัก (โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน) และสารอาหารรอง (เกลือแร่ และวิตามิน) ซึ่งช่วยส่งเสริมการทำงานของจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้ของคุณแม่ นอกจากนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรเสริมสารอาหารอย่างกรดโฟลิก และวิตามินบี 12 ที่มีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพใจให้ดี เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่ และเจ้าตัวน้อย
Enfa สรุปให้ striae gravidarum คือ หน้าท้องแตกลายตั้งครรภ์ ถือเป็นภาวะที่พบได้ถึง 50-90% ในผู้หญ...
อ่านต่อการตรวจครรภ์ในปัจจุบันสามารถทำได้เองเบื้องต้นที่บ้าน เพราะ ที่ตรวจครรภ์ สามารถหาซื้อได้ง...
อ่านต่อพยากรณ์โดยการะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ (การะเกต์พยากรณ์) เพื่อการ "เริ่มต้นที่ดีต้องมีดีครบ 3" ของเด็ก...
อ่านต่อ