นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดิอนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ​Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

จะรู้ได้ไงว่าลูกในท้องหัวใจหยุดเต้น

Enfa สรุปให้

  • จะรู้ได้ไงว่าลูกในท้องหัวใจหยุดเต้น เป็นเรื่องที่แม่ท้องหลายคนกังวลใจ โดยการที่หัวใจทารกในครรภ์เต้นผิดปกติมักมีสัญญาณหลายอย่างที่ทำให้คุณแม่สังเกตได้ เช่น ลูกไม่ดิ้น เลือดออกทางช่องคลอด
  • จะรู้ได้ไงว่าลูกยังอยู่ในท้อง แม้ว่าคุณแม่จะสังเกตสัญญาณเตือนเกี่ยวกับการหัวใจทารกในครรภ์เต้นผิดปกติ แต่เพื่อความแน่ใจคุณแม่ควรไปพบแพทย์ โดยระหว่างการตั้งครรภ์ควรฝากครรภ์ และพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ
  • หัวใจทารกในครรภ์เต้นผิดปกติ เกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งตัวทารกหรือตัวคุณแม่เอง เช่น ความผิดปกติของอวัยวะสำคัญของทารก เช่น หัวใจ สมอง หรือระบบไหลเวียนโลหิต การติดเชื้อในครรภ์ ภาวะเบาหวานในคุณแม่ เป็นต้น

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ของชีวิตคุณแม่ นอกจากดูแลตนเองและลูกในครรภ์แล้ว คุณแม่ยังต้องการความมั่นใจว่าลูกในท้องของตนเองมีสุขภาพแข็งแรงดี โดยสิ่งที่ยืนยันเรื่องนี้ได้คือการเต้นของหัวใจทารก ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงการมีชีวิตในครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่หลายคนจึงกังวลใจกับการเต้นของหัวใจลูก เช่น จะรู้ได้ไงว่าลูกในท้องหัวใจหยุดเต้น จะรู้ได้ไงว่าลูกยังอยู่ในท้อง หัวใจทารกในครรภ์เต้นผิดปกติเป็นยังไง ในบทความนี้ Enfa จะพาไปหาคำตอบเรื่องนี้กันค่ะ

 

จะรู้ได้ไงว่าลูกในท้องหัวใจหยุดเต้น


จะรู้ได้ไงว่าลูกในท้องหัวใจหยุดเต้นนั้น จะมีสัญญาณบางอย่างที่คุณแม่สามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง ซึ่งโดยปกติแล้วคุณแม่ควรสังเกตอาการลูกในท้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้รู้ถึงความผิดปกติได้เร็วขึ้น หากสงสัยว่าลูกในท้องหัวใจหยุดเต้นไหมให้สังเกตอาการเหล่านี้ และพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียดอีกครั้ง

  • ลูกไม่ดิ้น หรือมีการเคลื่อนไหวลดลงไปมากผิดปกติ
  • ไม่มีเสียงหัวใจของทารก
  • ปวดท้องหรือมีเลือดออกทางช่องคลอด
  • แม่มีอาการปวดหัวรุนแรง ความดันโลหิตสูง หรืออ่อนเพลียกว่าปกติ

 

จะรู้ได้ไงว่าลูกยังอยู่ในท้อง


จะรู้ได้ไงว่าลูกยังอยู่ในท้องสามารถสังเกตได้จากสัญญาณและอาการต่าง ๆ ของคุณแม่และลูกในท้อง ปกติแล้วหากไม่มีเลือดออกทางช่องคลอดอย่างผิดปกติ นั่นหมายถึงลูกยังอยู่ในท้อง แต่หากลูกไม่มีสัญญาณการเคลื่อนไหวประกอบกับคุณแม่มีอาการอื่นร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจเพิ่มเติม โดยการตรวจสอบว่าลูกยังอยู่ในท้องทำได้ดังนี้

  • คุณแม่มีอาการคนท้อง เช่น ขนาดของท้องโตขึ้นตามอายุครรภ์ มีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน โดยเฉพาะช่วงไตรมาสแรกหรือไตรมาสสอง
  • รู้สึกการเคลื่อนไหวของลูก โดยลูกในครรภ์มักเริ่มดิ้นให้คุณแม่รู้สึกได้ประมาณอายุครรภ์ 16-24 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับความแข็งแรง) หากลูกเคลื่อนไหวหรือดิ้นอย่างสม่ำเสมอ แปลว่าลูกยังสบายดี แต่ถ้ารู้สึกว่าดิ้นน้อยลงหรือไม่ดิ้นเลย ควรรีบพบแพทย์
  • ไม่มีสัญญาณผิดปกติ เช่น เลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องรุนแรง
  • ตรวจและฝากครรภ์กับแพทย์เป็นประจำ หากคุณแม่ฝากครรภ์และมีแพทย์ดูแลการตั้งครรภ์ แพทย์จะคอยตรวจเช็กความผิดปกติของลูกในครรภ์สม่ำเสมอ มีการใช้ Doppler หรือ Ultrasound เพื่อตรวจสอบการเต้นของหัวใจลูก เพื่อยืนยันว่าลูกยังปลอดภัย

 

อัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ควรเป็นอย่างไร


อัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ (Fetal Heart Rate: FHR) เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกถึงสุขภาพของทารก โดยอัตราการเต้นปกติจะขึ้นอยู่กับอายุครรภ์และสภาพร่างกายของทารก ดังนี้

  • อายุครรภ์ 5-6 สัปดาห์ หัวใจของทารกเริ่มเต้นที่ประมาณ 90-110 ครั้งต่อนาที (bpm)
  • อายุครรภ์ 7-9 สัปดาห์ อัตราการเต้นของหัวใจจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 140-170 bp
  • อายุครรภ์ 10-12 สัปดาห์ อัตราการเต้นของหัวใจจะอยู่ในช่วง 120-160 bpm ซึ่งถือว่าเป็นอัตราปกติและค่อนข้างคงที่
  • อายุครรภ์ 13 สัปดาห์ขึ้นไป หัวใจของทารกควรเต้นอยู่ในช่วง 110-160 bpm

อัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์นี้อาจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในระหว่างที่ทารกนอนหรือเคลื่อนไหว โดยสิ่งที่ควรระวังคือหากอัตราการเต้นต่ำกว่า 110 bpm อาจบ่งชี้ถึงความผิดปกติ เช่น ภาวะหัวใจเต้นช้า (Bradycardia) แต่หากอัตราการเต้นสูงกว่า 160 bpm อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติ เช่น ภาวะหัวใจเต้นเร็ว (Tachycardia)

สำหรับการตรวจสอบสอบอัตราการเต้นของหัวใจทารก แพทย์จะใช้เครื่อง Doppler ในการฟังเสียงหัวใจลูกตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 10-12 สัปดาห์ และใช้ Ultrasound ใช้ตรวจอัตราการเต้นและสภาพหัวใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทั้งนี้ปัจจุบันมีเครื่องฟังเสียงหัวใจทารกซึ่งคุณแม่สามารถซื้อมาใช้เองได้ แต่อาจไม่แม่นยำเท่าการตรวจของแพทย์มากนัก

 

หัวใจทารกในครรภ์เต้นผิดปกติ แม่จะรู้สึกได้ไหม


หัวใจทารกในครรภ์เต้นผิดปกติ แม่จะรู้สึกได้ไหม โดยทั่วไปคุณแม่ไม่สามารถรับรู้ได้โดยตรงค่ะ เนื่องจากเสียงหรือจังหวะการเต้นของหัวใจทารกต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะ เช่น Doppler หรือ Ultrasound ในการตรวจจับสัญญาณ อย่างไรก็ตาม หากทารกในครรภ์หัวใจเต้นผิดปกติอาจส่งผลให้มีอาการหรือสัญญาณบางอย่างที่คุณแม่สามารถสังเกตได้ ดังนี้

  • การเคลื่อนไหวของลูกเปลี่ยนแปลงไป ลูกดิ้นน้อยลง หรือหยุดดิ้นเป็นเวลานาน เช่น ดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งในเวลา 2 ชั่วโมง
  • คุณแม่มีอาการบวมมากผิดปกติ ความดันโลหิตสูง น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว หรืออาการอื่นที่อาจเกิดจากภาวะแทรกซ้อน เช่น ครรภ์เป็นพิษ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์
  • คุณแม่มีเลือดออกทางช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง

หากคุณแม่มีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของลูกในครรภ์ เช่น รู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยลงหรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที การตรวจสุขภาพของลูกในครรภ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

 

ทารกหัวใจหยุดเต้น เกิดจากอะไร


ทารกหัวใจหยุดเต้น เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดจากตัวทารกหรือความผิดปกติจากคุณแม่เอง โดยทั่วไปการที่ลูกหัวใจหยุดเต้นในครรภ์เกิดจากสาเหตุ ดังนี้

  1. กลุ่มอาการดาวน์ หรือความผิดปกติของโครโมโซมของทารก
  2. ความผิดปกติของอวัยวะสำคัญของทารก เช่น หัวใจ สมอง หรือระบบไหลเวียนโลหิต
  3. การติดเชื้อในครรภ์ โดยทารกอาจติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย เช่น ซิฟิลิส ทอกโซพลาสมา ไวรัส CMV หรือรูเบลลา
  4. มีภาวะรกเกาะต่ำหรือรกลอกตัวก่อนกำหนด ทำให้เลือดและออกซิเจนไม่เพียงพอต่อทารก
  5. สายสะดือผิดปกติ เช่น สายสะดือพันคอทารก หรือสายสะดือหลุดลอกออกจากรก
  6. รกเสื่อมหรือทำงานไม่สมบูรณ์ มักเกิดในครรภ์ที่มีอายุเกิน 40 สัปดาห์
  7. โรคหรือภาวะสุขภาพของคุณแม่ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ครรภ์เป็นพิษ โรค SLE (โรคแพ้ภูมิตัวเอง) หรือภาวะโลหิตจางรุนแรง
  8. การติดเชื้อในแม่ เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อในมดลูก หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  9. ภาวะทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน (Hypoxia) อาจเกิดจากการไหลเวียนเลือดไม่เพียงพอ
  10. คุณแม่มีการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้สารเสพติด ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาของทารกและการทำงานของรก
  11. เกิดอุบัติเหตุหรือการกระทบกระเทือน เช่น การล้ม หรืออุบัติเหตุที่ท้อง
  12. การตั้งครรภ์ที่เกินกำหนด (Post-term Pregnancy) ทำให้ทารกที่อยู่ในครรภ์นานเกินไปอาจเสี่ยงต่อภาวะสุขภาพต่างๆ

 

ทำอย่างไรเมื่อลูกหัวใจหยุดเต้นในครรภ์


ทำอย่างไรเมื่อลูกหัวใจหยุดเต้นในครรภ์ หากพบสัญญาณว่าหัวใจทารกในครรภ์เต้นผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจยืนยันอาการ หลังจากนั้นแพทย์จะพิจารณาวิธีการที่จะดูแลทั้งคุณแม่และทารก ดังนี้

การยืนยันการสูญเสีย

โดยแพทย์จะทำการยืนยันผลการตรวจ เช่น อัลตราซาวด์ (Ultrasound) เพื่อยืนยันว่าทารกในครรภ์ไม่มีการเต้นของหัวใจ และตรวจสอบสภาพทารก หรือฟังเสียงหัวใจด้วย Doppler เพื่อยืนยันว่าไม่มีการเต้นของหัวใจทารก

การเลือกวิธีคลอด

หลังจากยืนยันว่าทารกหัวใจหยุดเต้นแล้ว แพทย์จะพูดคุยกับคุณแม่เกี่ยวกับการเลือกวิธีการคลอด โดยปกติจะมี 2 วิธี คือ

  • การคลอดทางช่องคลอด ซึ่งแพทย์มักจะแนะนำให้คุณแม่คลอดทางช่องคลอด หากยังไม่เริ่มคลอดเอง แพทย์อาจให้ยากระตุ้นการคลอด เช่น ยาปลูกปากมดลูก หรือ ยาออกซิโตซิน เพื่อให้เกิดการคลอด
  • การผ่าคลอด ในกรณีที่การคลอดทางช่องคลอดไม่เหมาะสม หรือถ้ามีความเสี่ยงในการคลอดทางช่องคลอด เช่น ทารกตัวใหญ่มากหรือมีปัญหากับมดลูก

การดูแลทางจิตใจ

แพทย์และทีมสุขภาพจะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลจิตใจของคุณแม่หลังการสูญเสีย เช่น การรับมือกับความเศร้า การให้คำแนะนำจากนักจิตวิทยาหรือที่ปรึกษาทางจิตเวช

การตรวจหาสาเหตุของการสูญเสีย

ในบางกรณี แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้ทารกหัวใจหยุดเต้น เช่น การตรวจเลือดของคุณแม่เพื่อดูภาวะสุขภาพหรือการติดเชื้อ หรือการตรวจสภาพรกและสายสะดือ หากพบสาเหตุที่สามารถป้องกันได้ แพทย์อาจให้คำแนะนำสำหรับการตั้งครรภ์ครั้งถัดไป

การดูแลสุขภาพคุณแม่

หลังจากการคลอด แพทย์จะดูแลคุณแม่เพื่อให้มั่นใจว่าผู้หญิงมีสุขภาพที่ดีหลังการสูญเสีย เช่น การติดตามภาวะโลหิตจาง การติดเชื้อ หรือการฟื้นตัวจากการคลอด

 

อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่


การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ของชีวิตคุณแม่ นอกจากสัญญาณการมีชีวิตของทารกในครรภ์แล้ว สุขภาพที่ดีและการเจริญเติบโตอย่างมีพัฒนาการสมวัยยังเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่ควรรักษาสุขภาพให้ดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ได้รับโภชนาการครบถ้วน เพื่อส่งต่อสารอาหารที่ดีสู่ลูกน้อย

นอกจากนี้ ยังสามารถเสริมด้วยนมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ดีเอชเอ โฟเลต โคลีน และแคลเซียม

 

Line TH
Shopee TH Lazada TH Join Enfamama