นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดิอนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ​Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

น้ำคร่ำน้อยเกิดจากอะไร น้ำคร่ำน้อยตอนใกล้คลอดอันตรายไหม

Enfa สรุปให้

  • น้ำคร่ำน้อย คือ ภาวะที่ปริมาณน้ำคร่ำในมดลูกมีน้อยกว่าระดับปกติ ซึ่งสามารถวัดได้จากดัชนีน้ำคร่ำหรือการตรวจระดับน้ำคร่ำโดยอัลตราซาวด์ โดยปกติไม่ควรต่ำกว่า 5 เซนติเมตร
  • น้ำคร่ำน้อยตอนใกล้คลอด อาจทำให้ทารกขาดออกซิเจน พัฒนาการปอดทารกไม่สมบูรณ์ มีความเสี่ยงต่อภาวะทารกเจริญเติบโตช้า คลอดยาก และอาจเกิดภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
  • น้ำคร่ำน้อย สาเหตุอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น คุณแม่เกิดภาวะขาดน้ำ มีภาวะครรภ์เป็นพิษ รกลอกตัวก่อนกำหนด หรือรกเสื่อมสภาพก่อนกำหนด ซึ่งมักเกิดในครรภ์ที่มีอายุเกิน 40 สัปดาห์ หรือเกิดจากภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

น้ำคร่ำช่วยปกป้องทารกในครรภ์ โดยทำหน้าที่เป็นเบาะรองรับแรงกระแทก ช่วยรักษาอุณหภูมิภายในมดลูก และให้สารอาหารที่จำเป็นต่อทารก บางกรณีคุณแม่ท้องอาจมีภาวะน้ำคร่ำน้อย โดยเฉพาะน้ำคร่ำน้อยตอนใกล้คลอด ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของทารก ในบทความนี้ Enfa จะชวนคุณแม่ไปทำความเข้าใจเรื่องภาวะน้ำคร่ำน้อย รวมถึงสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางป้องกันหรือรักษาอย่างเหมาะสมกันค่ะ

 

น้ำคร่ำน้อย คืออะไร


น้ำคร่ำน้อย คือ ภาวะที่ปริมาณน้ำคร่ำในมดลูกมีน้อยกว่าระดับปกติ ซึ่งสามารถวัดได้จากดัชนีน้ำคร่ำหรือการตรวจระดับน้ำคร่ำโดยอัลตราซาวด์ โดยปกติระดับน้ำคร่ำจะอยู่ระหว่าง 5-25 เซนติเมตร หากต่ำกว่า 5 เซนติเมตรถือว่าอยู่ในภาวะน้ำคร่ำน้อย

น้ำคร่ำมีความสำคัญต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ เพราะช่วยให้ทารกเคลื่อนไหวได้สะดวก ปกป้องจากแรงกระแทก รักษาอุณหภูมิในมดลูก และมีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบทางเดินหายใจและระบบย่อยอาหารของทารก หากน้ำคร่ำน้อยเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ทารกเคลื่อนไหวน้อยลง การเจริญเติบโตช้า หรือในบางกรณีอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดหรือการผ่าคลอด

 

น้ำคร่ำน้อย สาเหตุเกิดจากอะไร


น้ำคร่ำน้อย สาเหตุอาจเกิดได้จากหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการสร้างและการหมุนเวียนของน้ำคร่ำในครรภ์ ทำให้ส่งผลต่อการพัฒนาของทารก โดยทั่วไปน้ำคร่ำน้อยมักเกิดจากสาเหตุ ดังนี้

  • คุณแม่เกิดภาวะขาดน้ำ ดื่มน้ำน้อย หรือขาดน้ำจากการท้องเสียหรืออาเจียนรุนแรง
  • คุณแม่มีภาวะครรภ์เป็นพิษ โรคความดันโลหิตสูงเรื้อรัง โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ โรคไตหรือโรคเรื้อรังอื่น ๆ รวมถึงการใช้ยาบางชนิด
  • รกลอกตัวก่อนกำหนด หรือรกเสื่อมสภาพก่อนกำหนด ซึ่งมักเกิดในครรภ์ที่มีอายุเกิน 40 สัปดาห์ หรือเกิดจากภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
  • สายสะดือถูกกดทับ ทำให้การไหลเวียนของเลือดและของเหลวไปยังทารกลดลง
  • ทารกมีความผิดปกติของไตหรือทางเดินปัสสาวะ ทารกจะผลิตน้ำคร่ำโดยการกลืนและขับออกเป็นปัสสาวะ หากไตหรือกระเพาะปัสสาวะมีปัญหา อาจทำให้น้ำคร่ำน้อยลง หรือเกิดจากภาวะทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์

ทั้งนี้ สาเหตุของน้ำคร่ำน้อยเกิดจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้นการตรวจติดตามสุขภาพครรภ์อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นค่ะ

 

น้ำคร่ำน้อยตอนใกล้คลอด อันตรายไหม


น้ำคร่ำน้อยตอนใกล้คลอด อันตรายไหม แน่นอนว่าหากเกิดภาวะน้ำคร่ำน้อยในช่วงใกล้คลอด หรือไตรมาสที่ 3 อาจส่งผลกระทบต่อทั้งแม่และทารกในครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อระดับน้ำคร่ำต่ำกว่าปกติอย่างมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้นได้

โดยน้ำคร่ำน้อยตอนใกล้คลอด จะส่งผลต่อทารกและการคลอด ดังนี้

  • ทารกขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน เสี่ยงต่อภาวะเครียดในครรภ์ และอาจจำเป็นต้องทำคลอดฉุกเฉิน
  • พัฒนาการของปอดทารกไม่สมบูรณ์ มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจหลังคลอด โดยเฉพาะในกรณีที่อายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์
  • ความเสี่ยงต่อภาวะทารกเจริญเติบโตช้า
  • มีความเสี่ยงต่อการคลอดยาก เพราะน้ำคร่ำน้อยทำให้ทารกเคลื่อนไหวในมดลูกได้ลำบาก และอาจทำให้เกิดภาวะคลอดติดขัด
  • ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด ทำให้เพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อในมดลูกและการคลอดก่อนกำหนด

 

อาการน้ำคร่ำน้อยป้องกันได้ไหม


ภาวะน้ำคร่ำน้อย เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากสุขภาพของคุณแม่ โรคประจำตัวของแม่ และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับรกหรือทารก อย่างไรก็ตาม หากถามว่าอาการน้ำคร่ำน้อยป้องกันได้ไหม ก็ยังมีวิธีที่อาจช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะน้ำคร่ำน้อยได้ ดังนี้

  1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้น
  2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำเยอะ เช่น แตงโม ส้ม แตงกวา อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ เต้าหู้ และผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า
  3. พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียดด้วยการฝึกสมาธิหรือโยคะสำหรับคนท้อง
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจมีผลต่อปริมาณน้ำคร่ำ หากต้องใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
  5. ควบคุมโรคประจำตัวระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคไต ควรดูแลสุขภาพให้ดี เพราะโรคเหล่านี้สามารถทำให้เลือดไปเลี้ยงรกลดลง ส่งผลให้น้ำคร่ำน้อย 
  6. ตรวจสุขภาพครรภ์อย่างสม่ำเสมอ โดยไปพบแพทย์ตามกำหนดเพื่อตรวจติดตามระดับน้ำคร่ำ หากรู้สึกว่าทารกดิ้นน้อยลง หรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที

 

ประสบการณ์น้ำคร่ำน้อยที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรู้


คุณแม่หลายคนที่เคยประสบกับภาวะน้ำคร่ำน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่หากได้รับการตรวจครรภ์สม่ำเสมอ และปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ อาจสามารถแก้ไขได้ทัน และตั้งท้องได้จนครบกำหนดคลอด ตัวอย่างอาการน้ำคร่ำน้อยที่คุณแม่หลายคนเคยเจอ คือ

  • ตรวจครรภ์พบว่าน้ำคร่ำน้อย ลูกดิ้นน้อยลง ตอนท้อง 36 สัปดาห์ แพทย์แนะนำให้เร่งคลอดโดยการกระตุ้นคลอด และสามารถคลอดได้ปลอดภัย
  • ตรวจพบน้ำคร่ำน้อยตอนท้อง 32 สัปดาห์ แพทย์แนะนำให้ดูแลตัวเอง ดื่มน้ำมาก ๆ นอนตะแคงซ้ายเพื่อลดการกดทับทารก และสามาถตั้งท้องครบ 38 สัปดาห์ได้
  • พบน้ำไหลออกจากช่องคลอด นึกว่าปัสสาวะเล็ด สรุปเกิดภาวะน้ำคร่ำรั่ว ทำให้ต้องฉีดยากระตุ้นปอดทารกและเร่งคลอด

หากคุณแม่ได้รับการวินิจฉัยว่าน้ำคร่ำน้อย ไม่ต้องตกใจ ถึงแม้ว่าภาวะน้ำคร่ำน้อยอาจนำไปสู่การเร่งคลอด แต่ทารกส่วนใหญ่สามารถรอดและเติบโตได้ดีหากได้รับการดูแลที่เหมาะสม

 

หากคุณแม่มีอาการลักษณะนี้ ควรรีบไปพบแพทย์


ภาวะน้ำคร่ำน้อยอาจไม่มีอาการที่ชัดเจนในช่วงแรก แต่หากคุณแม่มีอาการลักษณะนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์

  • ทารกไม่ดิ้น หรือดิ้นน้อยผิดปกติ
  • มีน้ำไหลออกจากช่องคลอด
  • ปวดท้องมากผิดปกติ หรือปวดเป็นจังหวะคล้ายอาการเจ็บครรภ์
  • มีเลือดออกจากช่องคลอด
  • มีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือบวมผิดปกติ

 

อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่


ระหว่างตั้งครรภ์ ลูกน้อยจะได้รับสารอาหารผ่านโภชนาการจากคุณแม่ การได้รับประทานอาหารที่ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ ล้วนเป็นสิ่งที่ดีต่อพัฒนาการทารกในครรภ์ โดยนอกจากอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อแม่และลูกน้อยแล้ว ยังสามารถเสริมด้วยนมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ดีเอชเอ โฟเลต โคลีน และแคลเซียม

 

ไขข้อข้องใจเรื่องน้ำคร่ำน้อย กับ Enfa Smart Club


ท้อง 32 สัปดาห์ น้ำคร่ำน้อย อันตรายไหม

ท้อง 32 สัปดาห์ น้ำคร่ำน้อย อาจส่งผลต่อพัฒนาการของทารกและเพิ่มความเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด ควรดื่มน้ำมากๆ นอนตะแคงซ้าย และพบแพทย์เพื่อติดตามอาการ


ท้อง 37 สัปดาห์ น้ำคร่ำน้อย อันตรายไหม

ท้อง 37 สัปดาห์ น้ำคร่ำน้อย หากน้ำคร่ำต่ำมาก อาจส่งผลต่อการคลอดหรือทำให้ทารกเครียด แพทย์อาจพิจารณาเร่งคลอด ควรตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด


ท้อง 36 สัปดาห์ น้ำคร่ำน้อย ทำไงดี

ท้อง 36 สัปดาห์ น้ำคร่ำน้อย ควรดื่มน้ำเยอะๆ นอนพักเยอะขึ้น และติดตามระดับน้ำคร่ำกับแพทย์ หากต่ำมาก อาจต้องเตรียมคลอดก่อนกำหนด

 

Line TH
Shopee TH Lazada TH Join Enfamama