Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
การตั้งครรภ์ไม่ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายเท่านั้น แต่อารมณ์ของคนท้องก็เปลี่ยนไปด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ตลอดการตั้งครรภ์นั้นจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลและประคับประคองทั้งจากสามี คนรอบข้าง และตัวของคุณแม่เองก็ต้องพร้อมที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ของตนเอง เพื่อให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดี
อารมณ์คนท้อง ร้องไห้ เสียใจ หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล ฯลฯ ถือเป็นหนึ่งในอาการขณะตั้งครรภ์ที่พบได้บ่อยมาก เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย จึงส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคุณแม่
ซึ่งคุณแม่ไม่ต้องรู้สึกแย่ว่าทำไมตัวเองควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ทำไมต้องหงุดหงิดบ่อย ทำไมต้องร้องไห้ซ้ำ ๆ เป็นเรื่องปกติที่คุณแม่จะมีอารมณ์แปรปรวนในขณะตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายก็มีผลเช่นกัน ขนาดครรภ์ที่ใหญ่ขึ้น รอยแตกลายที่เพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวที่มากขึ้น อาจทำให้คุณแม่รู้สึกวิตกกังวล หวาดกลัว หรือสูญเสียความมั่นใจ และรู้สึกแย่กับตนเองขึ้นมาได้
อีกทั้งความเหนื่อยล้าจากการแพ้ท้อง นอนไม่หลับ นอนไม่พอ ความอุ้ยอ้าย อึดอัด ปัจจัยเหล่านี้ก็มีผลทำให้อารมณ์ของคุณแม่ไม่มั่นคงเช่นกัน
และอย่าลืมว่าไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะรู้สึกมีความสุขเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ บางครั้งการท้องครั้งแรก การท้องแบบไม่พร้อม ก็นำมาซึ่งความเครียดและความวิตกกังวลได้เหมือนกัน คุณแม่อาจกังวลเรื่องอนาคตการทำงาน การเงิน สถานะทางสังคม โอกาสต่าง ๆ รวมถึงความวิตกในการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งว่าจะเลี้ยงลูกได้ดีไหม ฉันจะเป็นแม่ที่ดีหรือเปล่า ปัจจัยเหล่านี้ก็มีผลทำให้คุณแม่เกิดความเครียดได้เหมือนกัน
แม้ว่าอารมณ์แปรปรวนในคนท้องจะเป็นเรื่องปกติ แต่เราไม่ควรจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ จนเป็นปกติ
คุณแม่ควรจะต้องรู้จักที่จะรับมือกับอารมณ์และความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อที่จะลดภาระของคนรอบข้างที่จะต้องมารองรับอารมณ์ของคุณแม่ และเพื่อให้คุณแม่มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นและสบายใจขึ้นด้วย
โดยแม่ท้องสามารถรับมือกับอารมณ์ที่ปั่นป่วน ไม่มั่นคงได้ ดังนี้
การตั้งครรภ์ถือว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่เฉพาะกับคุณแม่เท่านั้น แต่ชีวิตของคุณผู้ชายที่เป็นสามี และกำลังจะเป็นพ่อคุณก็เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน
สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อควรจะต้องทำความเข้าใจและเปิดใจให้มากเลยก็คือ การตั้งครรภ์ครั้งนี้เราต่างก็ทำให้เกิดขึ้นมาทั้งคู่ จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลและประคับประคองกันและกันเป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าท้องแล้วเอะอะปล่อยให้คุณแม่มาดูแลตัวเองให้ดี แต่สามีเองก็ต้องพร้อมที่จะดูแลภรรยาให้ดีด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอารมณ์คนท้องที่เปลี่ยนแปลงไป อาจทำให้มีปากเสียงหรือทะเลาะกันในบางครั้ง แต่...คุณสามีก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ไม่มีใครอยากเป็นคนอารมณ์ไม่ดี การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย รูปร่างที่เปลี่ยนไป ความวิตกกังวลกับการตั้งครรภ์ ส่งผลต่ออารมณ์ของคุณแม่
ดังนั้น เพื่อให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่พังทลายลงไปเสียก่อน ทั้งคุณพ่อและคุณแม่จำเป็นจะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดังนี้
อาจจะแตกต่าง หรือไม่แตกต่างกันเลยก็ได้ค่ะ คือต้องเข้าใจกันก่อนว่าคนท้องแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ คุณแม่บางคนไม่รู้สึกอะไรเลยตลอดการตั้งครรภ์ ทุกอย่างปกติ ใช้ชีวิตปกติ ไม่มีความหงุดหงิด ไม่มีเศร้าใจ หรือกังวลใจใด ๆ
บางครั้งในไตรมาสแรกคุณแม่อาจจะไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะบางทีคุณแม่ก็ไม่มีอาการคนท้องใด ๆ ออกมาเลย จึงไม่รู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์ หรือรู้แล้วว่าท้อง แต่ก็ไม่มีอาการแพ้ท้องใด ๆ ที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ท้อแท้
แต่คุณแม่บางคนก็อาจจะพบพานกับอารมณ์ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงตลอดการตั้งครรภ์ ช่วงแรกอาจจะดีใจที่ตั้งครรภ์ แต่เมื่อเริ่มมีอาการแพ้ท้อง เริ่มกินอาหารได้น้อย เริ่มอาเจียนบ่อย ๆ ก็อาจจะเริ่มรู้สึกท้อ เหนื่อย หงุดหงิดง่าย เพราะร่างกายกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง
โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ไตรมาสสองและสาม ขนาดครรภ์เริ่มใหญ่ขึ้น น้ำหนักเริ่มขึ้น รอยแตกลายมากขึ้น ปวดหลังบ่อย ปวดขาเป็นประจำ เริ่มอ่อนเพลียมากขึ้น ใช้ชีวิตลำบากมากขึ้น นอนไม่ค่อยหลับ เบื่ออาหาร ฯลฯ คุณแม่ก็อาจจะรู้สึกแย่มากขึ้น กังวลมากขึ้น
หรือถ้าหากมีภาวะซึมเศร้ามาตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์แล้ว คุณแม่ก็อาจจะมีภาวะซึมเศร้าที่เพิ่มมากขึ้น วิตกกังวลมากขึ้นได้เช่นกันค่ะ
ใช่ และ ไม่ใช่ค่ะ
ใช่ เพราะมีคุณแม่หลายคนที่อารมณ์แปรปรวนตลอดการตั้งครรภ์ อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดทั้ง 9 เดือน เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวเสียใจ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหงุดหงิดสามี
และไม่ใช่ เพราะว่าแม่แต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ยังมีคุณแม่อีกหลายคนเลยที่สภาวะอารมณ์คงที่ตลอดการตั้งครรภ์ ไม่มีการแปรปรวนแต่อย่างใด
และก็มีคุณแม่อีกหลายคนที่ช่วงไตรมาสแรกไม่มีอารมณ์แปรปรวน แต่มาเริ่มแปรปรวนเมื่อเข้าสู่ไตรมาสสองและสาม เพราะร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นจึงส่งผลต่อการใช้ชีวิตมากขึ้น คุณแม่อาจรู้สึกเหนื่อยขึ้น พักผ่อนน้อยลง ใช้ชีวิตไม่สะดวก ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย สิ่งเหล่านี้มีผลต่อสภาพอารมณ์ของคุณแม่ได้ค่ะ
อารมณ์คนท้อง ไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อลูกในครรภ์ค่ะ คือไม่ใช่ว่าแม่หงุดหงิดง่ายแล้วสุขภาพของทารกในครรภ์จะแย่ทันที
แต่ว่าผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ เช่น คุณแม่มีภาวะความเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล จนทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของคุณแม่เปลี่ยนไป เช่น เบื่ออาหาร กินอาหารน้อยลง พักผ่อนไม่เพียงพอ สิ่งเหล่านี้นี่แหละค่ะที่จะส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้
คุณแม่ควรจะต้องรู้สภาวะอารมณ์ของตัวเองและต้องยอมรับให้ได้ก่อนเลยค่ะว่าขณะนี้อารมณ์ของคุณแม่ไม่ปกตินะ คุณแม่เริ่มรู้สึกแย่ เริ่มรู้สึกไม่ดี วิตกกังวล หวาดกลัว เสียใจ หากเริ่มรู้ทันความรู้สึกตนเอง ให้หาเวลาไปพบแพทย์ค่ะ หรือถ้าหากลองระบายหรือพูดกับคนรอบข้างแล้วยังไม่ดีขึ้น ก็ควรหาเวลาไปพบแพทย์
หรือถ้าหากอารมณ์แปรปรวนเริ่มส่งผลต่อการใช้ชีวิต เช่น นอนไม่หลับหลายวันติดต่อกัน เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด กรณีเช่นนี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะถ้าหากปล่อยไว้จนสุขภาพของคุณแม่ทรุดโทรมลง เมื่อนั้นก็จะเสี่ยงอันตรายต่อลูกในท้องได้ค่ะ
Enfa สรุปให้ รกคืออวัยวะที่สำคัญมากในการตั้งครรภ์ซึ่งทำหน้าที่รองรับการเจริญเติบโตของทารกตลอด 40...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ รกพันคอเด็ก คือ ภาวะที่สายสะดือพันรอบคอทารกในครรภ์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการที่ทารกเคลื...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ แพ้ท้องหนักมาก กินอะไรไม่ได้เลย อาจส่งผลให้คุณแม่มีน้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างรวดเร็ว มี...
อ่านต่อ