Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
แปลกจัง เดือนนี้ประจำเดือนมาน้อยกว่าปกติ อีกทั้งรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย...
หรือว่าเราจะท้อง?
เชื่อว่าคุณแม่หลายคนอาจเคยมีโมเมนต์ของความสงสัยเช่นนี้ แต่ก่อนที่จะทันได้ตรวจครรภ์ ก็หยิบยาคุมกำเนิดมาทานตามปกติ หรือบางครั้งก็กังวลเรื่องความเสี่ยงหลังมีเพศสัมพันธ์ จึงใช้ ยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว แล้วค่อยมารู้ทีหลังว่า จริงๆ แล้วคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้คุณแม่มือใหม่หลายคนวิตกกังวลว่า ท้องแล้วกินยาคุมจะอันตรายกับลูกในครรภ์ไหม หรือถ้าท้องแล้วกินยาคุมเข้าไปแล้วต้องทำอย่างไรดี มีความเสี่ยงใดๆ ที่ควรระวังหรือเปล่า ไม่ว่าคุณแม่จะอยู่ในสถานการณ์ไหน หรือกำลังสับสนว่าท้องแล้วกินยาคุมฉุกเฉิน ไปจะมีผลอย่างไร เรามาหาคำตอบไปพร้อมกันค่ะ
เมื่อคุณแม่เริ่มสงสัยว่าตัวเองอาจจะกำลังท้อง แต่ยังไม่แน่ใจ 100% และเผลอกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Oral Contraceptive Pills) ต่อเนื่อง หรือบางคนอาจเครียดหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน จึงใช้ยาคุมฉุกเฉิน (Emergency Contraceptive Pills) ไปแล้ว คำถามคือ ท้องแล้วกินยาคุมได้ไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราค้นพบทีหลังว่าเราท้องอยู่จริง ๆ
ทำไมบางคนถึงท้องแล้วกินยาคุม
ยาคุมกำเนิดทำงานอย่างไร
สำหรับยาคุมชนิดทั่วไป เป็นการผสมฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน หรืออาจเป็นยาคุมชนิดโปรเจสเตอโรนเดี่ยว ฮอร์โมนเหล่านี้ช่วยยับยั้งการตกไข่ ทำให้มูกปากมดลูกข้นหนืดขึ้น ป้องกันอสุจิผ่านเข้ามดลูก แต่ถ้ามีการฝังตัวของตัวอ่อนแล้ว (ตั้งครรภ์แล้ว) ยาคุมกำเนิดไม่ได้มีหน้าที่ไปขับตัวอ่อนออกจากมดลูกแต่อย่างใด
ส่วนยาคุมฉุกเฉิน มีปริมาณฮอร์โมนในระดับสูง เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์หากกินทันภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ถ้าตัวอ่อนฝังตัวแล้ว เช่น สถานะของคุณแม่ตั้งครรภ์อยู่จริงๆ การกินยาคุมฉุกเฉินก็จะไม่ได้ทำให้ทารกหลุด หรือแท้งเสมอไป แต่อาจมีผลข้างเคียงอื่นๆ ที่จำเป็นต้องเฝ้าระวังค่ะ
ท้องแล้วกินยาคุมฉุกเฉิน หรือยาคุมปกติ อันตรายหรือไม่
ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ชี้ชัดว่ายาคุมกำเนิดจะก่อให้เกิดความพิการแต่กำเนิดหรือภาวะผิดปกติในทารกโดยตรงในระดับสูง อย่างไรก็ตาม แพทย์จะแนะนำให้หยุดกินยาคุมทันทีหากรู้ว่าท้อง เพราะไม่มีความจำเป็นต้องได้รับฮอร์โมนส่วนเกินอีกต่อไป และเพื่อป้องกันผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น การเกิดลิ่มเลือดอุดตัน หรือปัญหาสุขภาพของคุณแม่เองค่ะ
คุณแม่บางคนเพิ่งทราบข่าวดีว่า “ฉันท้องได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว” แต่ในขณะเดียวกันก็มีเรื่องราวซับซ้อนเกิดขึ้น เช่น อาจยังไม่พร้อมทางจิตใจหรือเหตุผลส่วนตัวอื่นๆ เลยเกิดคำถามขึ้นว่าท้อง 1 เดือนกินยาคุมทันไหม เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ต่อไป หรือหยุดการเจริญเติบโตของตัวอ่อน
ทำความเข้าใจยาคุมไม่ใช่ยาทำแท้ง
สิ่งแรกที่ควรเข้าใจให้ตรงกันคือ ยาคุมกำเนิด ไม่ใช่ยาทำแท้ง ยาคุมส่วนใหญ่จะทำงานโดยป้องกันไม่ให้ไข่ตก หรือเปลี่ยนสภาพมูกปากมดลูกเพื่อไม่ให้อสุจิเจาะเข้าถึงไข่ แต่หากมีการปฏิสนธิและฝังตัวอ่อนในมดลูกแล้ว ยาคุมจะไม่สามารถย้อนขั้นตอนดังกล่าวเพื่อทำให้ตัวอ่อนหลุดออกมาได้
ดังนั้น หากคุณแม่ตั้งครรภ์ 1 เดือนแล้ว และหวังว่าจะกินยาคุมเพื่อยุติการตั้งครรภ์หรือทำให้ท้องฝ่อไป วิธีนี้ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องเลย หากคุณแม่มีเหตุจำเป็นหรือกังวลใจในเรื่องการตั้งครรภ์ ควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชเพื่อปรึกษาหาแนวทางที่เหมาะสมมากกว่า
ท้อง 1 เดือน แต่ไม่มั่นใจว่ากินยาคุมไปก่อนหน้านี้จะมีปัญหาไหม
บางกรณีอาจเกิดเหตุการณ์ที่คุณแม่กินยาคุมกำเนิดชนิดปกติมาโดยตลอด แต่เพิ่งมารู้ว่าท้อง 1 เดือนแล้ว สรุปว่าตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็กินยาคุมแบบต่อเนื่องโดยไม่ตั้งใจ ปกติในช่วงไตรมาสแรกเป็นช่วงที่อวัยวะของลูกเริ่มพัฒนา หลายคนจึงหวั่นว่าจะเกิดความผิดปกติกับลูกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หลักฐานทางการแพทย์ในปัจจุบันยังไม่ยืนยันว่ายาคุมจะทำให้ลูกพิการในระดับสูง รวมถึงไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่ออาการแท้งในอัตราที่มากกว่าแม่ที่ไม่ได้ใช้ยา แต่เพื่อความสบายใจ การปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพครรภ์อย่างละเอียดถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากค่ะ คุณแม่อาจได้รับการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อตรวจเช็กพัฒนาการของตัวอ่อน หรือการตรวจเลือดเพื่อวิเคราะห์ฮอร์โมน หากแพทย์เห็นว่าครรภ์ยังปกติดี ก็สามารถดูแลต่อไปตามขั้นตอนปกติ
บางครั้งอาจมีอาการบางอย่างที่สื่อถึงการตั้งครรภ์ แต่เราอาจสับสนว่ามันเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมหรือเปล่า ลองมาดูว่าโดยทั่วไปแล้วอาการคนท้องขณะกินยาคุม มีสัญญาณอะไรบ้าง
หลังกินยาคุม จะรู้ได้ไงว่าท้อง
ถ้าตรวจพบว่าท้องจริงๆ ควรหยุดกินยาคุมกำเนิดทุกรูปแบบในทันทีนะคะ และเข้าพบแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำเฉพาะบุคคลสำหรับการดูแลครรภ์ต่อไป
ประเด็นใหญ่ที่คุณแม่มือใหม่กังวลคือถ้าท้องแล้วกินยาคุม จะมีผลต่อลูกไหม เพราะในใจอาจกลัวว่าลูกจะพิการหรือไม่สมบูรณ์ การกินยาใดๆ ในระหว่างตั้งครรภ์ย่อมมีความเสี่ยงที่เราต้องใส่ใจอยู่แล้วค่ะ
ข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบัน
1.ความพิการแต่กำเนิด
งานวิจัยส่วนใหญ่ไม่พบความเชื่อมโยงที่ชัดเจนว่าการกินยาคุม ทั้งชนิดปกติและชนิดฉุกเฉิน ระหว่างตั้งครรภ์ในช่วงเวลาสั้นๆ จะเพิ่มอัตราความพิการของทารกอย่างมีนัยสำคัญ แต่เพื่อความปลอดภัย แพทย์มักแนะนำให้หยุดยาเมื่อรู้ว่าท้อง เพราะฮอร์โมนส่วนเกินอาจส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ของร่างกายแม่ในระยะยาว
2.ความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร
ไม่ได้มีงานวิจัยที่ระบุชัดว่าถ้าตั้งครรภ์แล้วกินยาคุม จะเพิ่มโอกาสแท้งบุตร อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในตัวแม่อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ หรือส่งผลเสียกับสุขภาพแม่ได้
3.ผลกระทบต่อสุขภาพแม่
การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนมากเกินไปอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน (Thrombosis) ในคุณแม่บางราย เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดดำอุดตัน ซึ่งเป็นภาวะอันตราย
แล้วควรทำอย่างไรหากกินไปแล้ว
แม้ว่าการกินยาคุมขณะตั้งครรภ์จะไม่นิยม และอาจมีความเสี่ยงในบางกรณี แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ก่อความพิการร้ายแรงต่อทารกโดยตรง คุณแม่ควรตั้งสติ และพบทันทีที่ทราบข่าวว่าตัวเองตั้งครรภ์จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
หากไม่รู้ว่าท้องแล้วกินยาคุมไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะคุณแม่ที่ไม่รู้ว่าท้องแล้วกินยาคุมฉุกเฉินซึ่งมีปริมาณฮอร์โมนสูง อาจสร้างความตระหนกให้คุณแม่มือใหม่ได้มากทีเดียว
ขั้นตอนที่ควรทำทันที ดังนี้
ตั้งสติและอย่าตื่นตระหนกเกินไป
เข้าใจว่าคุณแม่หลายคนจะตกใจหรือรู้สึกผิดเมื่อรู้ว่าไม่รู้ว่าท้องแล้วกินยาคุมฉุกเฉินเข้าไป แต่ขอให้ตั้งสติไว้ก่อน เพราะในทางปฏิบัติแล้ว การกินยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันการฝังตัวของตัวอ่อนหากเกิดการปฏิสนธิแล้วจริงๆ และถึงแม้จะกินยาไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อทารกเสมอไปค่ะ สิ่งสำคัญคือการดูแลครรภ์ที่เหลือให้ดีที่สุด ตั้งแต่โภชนาการ การออกกำลังกายเบาๆ และการตรวจสุขภาพตามนัดของแพทย์
ประโยชน์ของการพบแพทย์เร็ว
การสื่อสารตรงไปตรงมากับแพทย์เป็นหัวใจสำคัญ ไม่ต้องกลัวหรืออายที่จะบอกว่า “ไม่รู้ว่าท้องแล้วกินยาคุม” เพราะข้อมูลเหล่านี้ส่งผลต่อการดูแลสุขภาพครรภ์โดยตรง ยิ่งแพทย์รู้ข้อมูลเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้วางแผนได้ดียิ่งขึ้น
โภชนาการของคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์และการให้นมบุตรเป็นรากฐานสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกในระยะยาว คือ ช่วยในการพัฒนาสมองและร่างกายโดยสารอาหารสำคัญคือกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งช่วยในการพัฒนาสมองและดวงตาของทารก รวมถึงโปรตีนและแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก ช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อให้แข็งแรง โภชนาการที่ดีผ่านนมแม่ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย และส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีของแม่และลูกน้อยอีกด้วย
แม่ไม่ขาด…ลูกได้ครบ เสริมโภชนาการที่ดีในช่วงให้นมบุตร เพื่อส่งต่อคุณค่าสารอาหารจากแม่สู่ลูกน้อย คุณแม่ให้นมบุตรจำเป็นต้องได้รับโภชนาการครบถ้วน เพื่อให้ร่างกายผลิตน้ำนมแม่ที่มีคุณภาพ และส่งผ่านคุณค่าสารอาหารไปยังลูกน้อย ให้ลูกมีพัฒนาการดีครบรอบด้าน เพียงเสริมด้วยเอนฟามาม่า 2 แก้วต่อวัน ช่วยให้คุณแม่ได้รับแคลเซียมและโคลีน 100% ของปริมาณที่ Thai RDI แนะนำ
นอกจากนี้ คุณแม่ควรรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ โดยเน้นผักผลไม้สด ธัญพืชเต็มเมล็ด โปรตีนคุณภาพสูง และไขมันดี พร้อมทั้งดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน ประกอบกับการใช้การประเมิน Latch score เพื่อให้นมลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ท้องแล้วกินยาคุม” อาจเป็นสถานการณ์ที่ทำให้คุณแม่หลายคนตกใจ โดยเฉพาะใครที่กำลังเผชิญกับภาวะไม่รู้ว่าท้องแล้วกินยาคุมฉุกเฉิน ก็อาจกังวลไปต่างๆ นานา อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบัน ยังไม่พบหลักฐานแน่ชัดว่ายาคุมชนิดใดชนิดหนึ่งจะทำให้ลูกพิการอย่างสิ้นเชิง หากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น สิ่งสำคัญคือการตั้งสติ หยุดกินยาคุม และรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับการตรวจครรภ์อย่างละเอียดนะคะ
Enfa สรุปให้ สายสะดือพันคอ ไม่ใช่สัญญาณความผิดปกติแต่อย่างใด และยังสามารถเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ในการ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ รกคืออวัยวะที่สำคัญมากในการตั้งครรภ์ซึ่งทำหน้าที่รองรับการเจริญเติบโตของทารกตลอด 40...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ รกพันคอเด็ก คือ ภาวะที่สายสะดือพันรอบคอทารกในครรภ์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการที่ทารกเคลื...
อ่านต่อ