กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าเมืองผู้ปกครองนครหันตรา เจ้าเมืองผู้นี้มีความรักในตัวต้นไผ่มาก เขามักจะโปรดปรานการเดินวนใต้ต้นไผ่ อ่านหนังสือใต้ต้นไผ่ พูดคุยกับต้นไผ่ และเดินเล่นอยู่ในสวนสวยงามที่มีต้นไผ่ต้นนี้อยู่ใกล้ ๆ
ผ่านไปหลายปี ต้นไผ่ที่มีเจ้าของที่รักและคอยดูแล กลับยิ่งเติบโต สง่างาม เป็นที่รักของสิ่งมีชีวิตในสวน นางรักเจ้าเมืองมาก ทุกวันนางจะเต้นระบำให้เจ้าเมืองชม ยามใดที่สายลมโบกโบยมา กิ่งก้านของต้นไผ่ก็จะส่ายไหวไปมา ทั้งเชิดหน้าขึ้นหรือไม่ก็ค้อมตัวลง มันพยายามเต้นให้สวยที่สุด เพื่อมอบความสุขทั้งหมดให้กับเจ้าเมืองอยู่อย่างนั้น
วันหนึ่ง เจ้าเมืองมาหาต้นไผ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาใช้ความคิดหนักก่อนจะเอ่ยกับต้นไผ่ว่า
“ต้นไผ่น้อยของข้า” เจ้าเมืองทัก
ต้นไผ่น้อมรับด้วยท่าระบำแสดงความเคารพ
“ข้ามีเรื่องต้องขอให้เจ้าช่วย ช่วยข้าทำงานสำคัญสัก 1 ชิ้นเถิด” เจ้าเมืองร้องขอ
“โปรดรับสั่งมาเถอะท่านเจ้าเมือง” ต้นไผ่ตอบด้วยความนอบน้อม “ถ้าข้าทำได้ ข้าทำอะไรก็ได้เพื่อท่าน จงใช้ข้าตามที่ท่านตั้งใจไว้เถิด”
“ต้นไผ่น้อยที่รักของข้า เวลานี้ข้ามีความจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องตัดเจ้าลงเพื่อนำไปใช้กับงานสำคัญชิ้นหนึ่ง”
“ตัดข้ารึ” ต้นไผ่ตัวสั่นและร้องด้วยความกลัว
“ท่านจะตัดข้าแล้วข้าจะเต้นระบำให้ท่านดูได้อย่างไร” ต้นไผ่ร้องไห้โหยหวล
“เจ้าไผ่น้อยที่รักของข้า ถ้าข้าไม่ตัดเจ้าลง ข้าจะใช้ประโยชน์จากเจ้าไม่ได้” เจ้าเมืองโอบกอดต้นไผ่ด้วยความสงสาร
ขณะนั้นหัวใจของต้นไผ่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ถ้าเช่นนั้น ก็ตามใจท่านเถิด”
ต้นไผ่กลั้นหายใจพูด กลบความกลัวไว้ จากนั้นเจ้าเมืองก็ตัดต้นไผ่ล้มลง นางนอนด้วยเนื้อตัวสั่น อยู่ที่ปลายเท้าของเจ้าเมือง ในยามนี้มีเพียงกิ่งก้านใบเท่านั้นที่พอกำบังความหนาวเย็นของอากาศในฤดูนี้ได้
เจ้าเมืองโน้มตัวลงไปกระซิบว่า “ข้าขอก้านใบของเจ้าด้วยนะ” น้ำเสียงเจ้าเมืองเศร้ามาก
ความหนาวเย็นกรีดเข้าไปในหัวใจของต้นไผ่ แต่ไม่เพียงพอ เจ้าเมืองพูดต่อว่า
“และข้าขอแยกร่างเจ้าออกเป็นสองซีก และตัดลงกลางลำตัวของเจ้าด้วย ข้าจำต้องเอาหัวใจของเจ้าออกไป”
คราวนี้ต้นไผ่กลั้นต่อไปไม่ไหว ร้องไห้ออกมาอย่างสุดเสียงที่มี “โธ่ท่านเจ้าเมือง ทำไมต้องทำเช่นนี้กับข้าด้วย ฮือ ๆๆๆๆ”
“เจ้าไผ่น้อยที่รักของข้า ถ้าข้าไม่ทำเช่นนี้ ข้าจะใช้ประโยชน์จากเจ้าไม่ได้”
“ถ้าเช่นนั้น ท่านก็จงทำเถิด” ต้นไผ่พูดอย่างตัดใจ
ดังนั้นในวันนั้นจึงเป็นวันที่เจ้าเมืองและต้นไผ่ได้อยู่ด้วยกันเป็นวันสุดท้าย
ต้นไผ่ถูกผ่าออกเป็นสองซีก และถูกยกไปยังลำธารที่มีน้ำพุไหลผ่าน เจ้าเมืองวางนางลงตรงนั้นให้ปลายด้านหนึ่งอยู่ในน้ำพุ อีกด้านหนึ่งอยู่ตรงท้องทุ่งแห้งแล้ง ที่อยู่ไกลจากสวนสวยบ้านเดิมของต้นไผ่ จากนั้นลำธารก็เริ่มร้องเพลงต้อนรับต้นไผ่ ขณะที่มันไหลผ่านข้อต่ออันเป็นหัวใจของส่วนต่าง ๆ ของต้นไผ่ ลำธารไหลผ่านเบา ๆ ราวกับปลอบโยนต้นไผ่ไว้ ในที่สุด ลำธารก็เอ่อล้นไปทั่วท้องทุ่งแห้งแล้ง เมื่อน้ำเต็ม ความสมบูรณ์ก็เกิดขึ้น วันเวลาผ่านไป เจ้าเมืองก็มาหว่านเมล็ดพันธุ์พืช
หลายเดือนต่อมา ต้นกล้าเริ่มชูยอดและเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงฤดูเก็บเกี่ยว
เจ้าเมืองมองดูต้นไผ่ด้วยความภูมิใจ “ต้นไผ่น้อยที่รักของข้า เจ้าเคยเต้นระบำให้ข้าดูและสร้างความสุขให้กับข้าเพียงคนเดียว บัดนี้เจ้าได้กลายมาเป็นผู้ที่นำความมั่งคั่งสมบูรณ์สู่ท้องทุ่งแห้งแล้ง เป็นผู้ที่สร้างความสุขให้กับหลายชีวิตในทุ่งกว้าง ความเสียสละอย่างจริงใจของเจ้านั้น บันดาลให้เกิดชีวิตใหม่ที่สดใสในเมืองของข้า ข้าขอขอบคุณเจ้ามากที่รักของข้า”
ณ นครสุขสร้างสรรค์ มีหญิงชราคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ประตูเมือง คอยเฝ้ามองดูนักเดินทางที่ผ่านเข้าออกอย่...
อ่านต่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีบัณฑิตผู้ยากจนคนหนึ่ง เขาคือเด็กหนุ่มผู้มีสติปัญญามาก เป็นทั้งนักกวีแถมย...
อ่านต่อจะมีใครสามารถอธิบายตัวตนที่แท้จริงของฉันได้บ้าง หลายคนพยายามหาคำตอบ ค้นคำอธิบาย แต่ก็ต้องล้มเหลวไ...
อ่านต่อ