กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีบัณฑิตผู้ยากจนคนหนึ่ง เขาคือเด็กหนุ่มผู้มีสติปัญญามาก เป็นทั้งนักกวีแถมยังมีพรสวรรค์ในการวาดรูปด้วย แต่กระนั้นเขาก็ยังยากจนและไม่เคยมีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียว
บัณฑิตมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง บ่อยครั้งที่ผู้คนจะเห็นว่า บัณฑิตจะไปที่โรงเตี๊ยมนี้เพื่อวาดรูปและเขียนหนังสือ จิบน้ำชา เพื่อนสนิทคนนี้ดูแลเขาเป็นอย่างดีทุกอย่าง
คืนหนึ่ง บัณฑิตผู้นี้ได้เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมเหมือนเคย แต่คราวนี้เขาไม่ได้ไปนั่งที่ประจำแต่กลับหยิบถ่านขึ้นมาแล้วเขียนรูปรูปหนึ่งไว้ที่ผนังห้อง มันคือรูปนกกระเรียน รูปงดงามทำให้ลูกค้าและเพื่อนของเขาประทับใจมาก ต่างก็มายืนเฝ้าเขาเขียนรูปจนเสร็จ เมื่อนกเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว บัณฑิตค่อย ๆ ตั้งใจใส่รายละเอียดลงในภาพผนังของเขา เหลือเชื่อที่นกนั้นดูราวกับมีชีวิตและจิตใจ ทุกคนเห็นเหมือนกันว่า นกกระเรียนที่เป็นภาพผนังกำลังกางปีกออกและพร้อมจะบิน
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน กว่าบัณฑิตจะเขียนรูปเสร็จ ก็กินเวลาหลายชั่วโมง บัณฑิตกล่าวกับเพื่อนสนิทของเขาว่า “ที่ผ่านมาท่านมีน้ำใจกับข้ามากนัก ข้าอยากตอบแทนท่านจึงเขียนรูปนี้ให้ ข้าขอมอบนกกระเรียนให้ท่าน แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่า นกกระเรียนนี้เป็นนกวิเศษ ถ้าคุณปรบมือ 3 ครั้งมันจะยืนขึ้น และเต้นระบำให้ท่านดู แต่มีเงื่อนไขว่า มันจะทำเช่นนั้นได้แค่วันละ 1 ครั้งเท่านั้น ถ้าท่านพยายามให้มันเต้นระบำอีก มันจะจากท่านไปและท่านจะไม่ได้พบมันอีกเลย”
บัณฑิตกล่าวจบก็ปรบมือขึ้น 3 ครั้ง และเจ้านกกระเรียนตัวนั้นก็ยืดตัวขึ้นอย่างสง่างาม โอ ….ช่างสวยเหลือเกิน แล้วมันก็เริ่มเต้นระบำ ลูกค้าทั้งโรงเตี๊ยมต่างตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง เมื่อมันเต้นจบกระบวนท่า เจ้านกกระเรียนก็หยุดนิ่งราวกับไร้ชีวิต
หลังจากวันนั้น โรงเตี๊ยมก็คึกคักไปด้วยจำนวนผู้คนที่แห่แหนกันมาดูโชว์นกกระเรียนเต้นระบำ ธุรกิจของโรงเตี๊ยมเจริญรุ่งเรือง และที่สำคัญ เจ้าของโรงเตี๊ยมก็ปฏิบัติตามที่เพื่อนบัณฑิตเตือนอย่างเคร่งครัด ในแต่ละวัน เขาไม่เคยปรบมือเกิน 3 ครั้งเลย
คืนวันหนึ่งมีเศรษฐีหน้าเลือดคนหนึ่งเข้ามาในหมู่บ้าน และมาพักที่โรงเตี๊ยม คนในหมู่บ้านลือกันให้ลั่นว่า เศรษฐีคนนี้เป็นคนใจคอเจ้าเล่ห์ โหดร้ายมาก ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เลย แต่เหตุผลที่เศรษฐีมาที่หมู่บ้านก็เพราะความโลภอยากได้นกกระเรียนที่ตนเองได้ยินข่าวมาว่า มีนกกระเรียนเต้นระบำได้
เศรษฐีขอพบเจ้าของโรงเตี๊ยมตามแผนที่วางมา และยืนยันว่า ต้องดูนกกระเรียนให้ได้ แต่เนื่องจากนกกระเรียนเต้นระบำได้เพียงวันละ 1 ครั้งและวันนั้นก็ได้เต้นไปแล้วด้วย เศรษฐีจึงถูกปฏิเสธ
ด้วยความโกรธจึงโยนถุงเหรียญทองคำให้กับเจ้าของโรงเตี๊ยมและยืนยันว่า จะไม่ยอมออกจากร้านเด็ดขาด
เจ้าของโรงเตี๊ยมจำยอมที่จะต้องปรบมือขึ้น 3 ครั้งเป็นครั้งที่สองของวันนั้น
นกกระเรียนยืดตัวขึ้นช้า ๆ คอตก มันยอมเต้นระบำในคืนนั้นเป็นครั้งที่สองแต่เป็นการเต้นที่ดูแล้วเศร้าสร้อยมาก ผู้คนในโรงเตี๊ยมต่างนั่งดูน้ำตาไหล
เศรษฐีโลภ บังคับให้เจ้าของโรงเตี๊ยมปรบมืออีกหลายรอบ และนกกระเรียนก็ยอมเต้นระบำทุกรอบ
ผ่านไปหลายชั่วโมง เศรษฐีพอใจกับการแสดงแล้ว จึงยอมจากโรงเตี๊ยมไป
เจ้าของโรงเตี๊ยมรู้ตัวดีว่า กำลังทำผิดคำที่พูดไว้กับเพื่อนบัณฑิต
เจ้าของโรงเตี๊ยมกำลังจะเข้าหานกกระเรียนที่นั่งคอพับอยู่
แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นบัณฑิตผู้ยากจนคนเดิมเปิดประตูเข้ามา ไม่พูดสิ่งใด เขาเดินตรงไปอุ้มนกกระเรียนซึ่งตายแล้ว ออกจากประตูโรงเตี๊ยมไปอย่างเงียบ ๆ
นับแต่นั้นมา ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นบัณฑิตและนกกระเรียนอีกเลย
ณ นครสุขสร้างสรรค์ มีหญิงชราคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ประตูเมือง คอยเฝ้ามองดูนักเดินทางที่ผ่านเข้าออกอย่...
อ่านต่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีบัณฑิตผู้ยากจนคนหนึ่ง เขาคือเด็กหนุ่มผู้มีสติปัญญามาก เป็นทั้งนักกวีแถมย...
อ่านต่อจะมีใครสามารถอธิบายตัวตนที่แท้จริงของฉันได้บ้าง หลายคนพยายามหาคำตอบ ค้นคำอธิบาย แต่ก็ต้องล้มเหลวไ...
อ่านต่อ