ลาตัวหนึ่งทำงานแบกของหนักๆให้เจ้านายมาตลอดชีวิตเมื่อมันแก่ตัวลง เจ้านายจึงคิดจะขายมันให้คนอื่น
“เจ้าลาแก่เอ้ย ฟังข้าให้ดีนะ พรุ่งนี้ข้าจะเอาเจ้าไปขายให้พ่อค้าคนอื่นแล้ว นับวันเจ้าก็จะมีแต่แก่ลงๆ ไม่มีประโยชน์อะไรกับข้าอีกแล้ว”
“แต่ข้าก็ช่วยเจ้านายแบกของหนักๆมาตลอดชีวิตของข้านะท่าน”
“แต่ตอนนี้เจ้ามันแก่จนไม่มีเรี่ยวแรงจะแบกของหนักๆให้ข้าได้อีกแล้ว เลี้ยงไปก็เปลืองข้าวเปลืองฟางเปล่าๆ ขายเจ้าไปซะ แบ่งเงินมาซื้ออาหารอร่อยๆ กินดีกว่า ฮะฮะฮ่า”
เมื่อเจ้าลาได้รู้ความคิดของเจ้านาย คืนนั้นมันจึงแอบหนีเจ้านายออกเดินทางไปยังเมืองเบรเมน
“ข้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ข้าไม่อยากไปอยู่กับเจ้านายใหม่ ข้าจะหนีไปเล่นดนตรีที่เมืองเบรเมน ตัวข้าพอจะเล่นกีตาร์เป็นกับเขาบ้าง อาชีพนักดนตรีน่าจะเหมาะสมกับลาแก่ๆอย่างข้าที่สุดแล้ว”
♫ ใครจะว่าเราแก่แค่ไหน ใครจะว่าเราไปไม่ไหว ใครจะพูดจะบอกอะไร ยังไงเราก็ไม่สนใจ โห่ ฉันจะร้องบรรเลง ร้องรำทำเพลงบรรเลงเรื่อยไป โห่ฮิ่วโห่ฮิ้วโห่ฮิ้วโห่ บรรเลงเพลง บรรเลงบทเพลงเรื่อยไป โห่ฮิ้ววว โห่ ♫
ระหว่างทาง เจ้าลาพบกับสุนัขล่าสัตว์วัยชรากำลังวิ่งหนีบางอย่างมา ที่ตัวมันมีบาดแผลถูกตี
“เจ้าสุนัขล่าสัตว์ เจ้าวิ่งหนีอะไรมา แล้วเจ้าถูกใครตีมาเนี่ย มาๆๆ มาหลบตรงนี้ก่อน”
“ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย เจ้านายข้าเองที่วิ่งไล่ตีข้ามา”
“อะไรนะ เจ้าถูกเจ้านายตัวเองไล่ตี ทำไมล่ะ”
“ก็เพราะว่าข้ามันแก่จนไม่มีแรงจะวิ่งล่าสัตว์ให้เจ้านายแล้ว เจ้านายเลยคิดจะกำจัดข้า”
“โถ หัวอกเดียวกับข้าเลย เจ้านายข้าเขาก็ไม่ต้องการข้าอีกแล้ว ว่าแต่เจ้าพอจะตีกลองเป็นมั้ย”
“ข้าก็พอจะตีได้บ้าง แต่ไม่ค่อยเก่งหรอกนะ”
“งั้นไปเป็นนักดนตรีที่เมืองเบรเมนกับข้ามั้ย”
“ไปสิ ขอข้าไปด้วยคน”
♫ ใครจะว่าเราแก่แค่ไหน ทำอะไรๆไม่ไหว ใครจะพูดจะบอกยังไง ทำไมเราต้องไปสนใจ พวกเราจะร้องบรรเลง ร้องรำทำเพลงบรรเลงเรื่อยไป โห่ฮิ่วโห่ฮิ้วโห่ฮิ้วโห่ โฮ่งๆๆๆ บรรเลง บรรเลงบทเพลงเรื่อยไป ♫
สุนัขล่าสัตว์ตอบตกลง ทั้งคู่จึงออกเดินทางไปยังเมืองเบรเมน ระหว่างทางทั้งสองก็เดินมาพบแมวตัวหนึ่งกำลังวิ่งหนีบางอย่างมา ท่าทางมันดูท้อแท้ หมดเรี่ยวหมดแรง เจ้าลาเลยถามกับเจ้าแมวไปว่า
“เกิดอะไรขึ้นเหรอเจ้าแมว วิ่งหนีอะไรมา”
“ข้าวิ่งหนีเจ้านาย เขาไล่ข้าออกจากบ้าน เจ้านายบอกว่าข้าแกเกินจะจับหนูได้แล้ว อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์”
“เอางี้ เจ้าพอจะเล่นไวโอลินเป็นมั้ย”
“ก็พอเล่นได้บ้าง แต่ไม่เก่งมากนะ”
“งั้นไปเป็นนักดนตรีที่เมืองเบรเมนกับพวกข้ามั้ย”
♫ ใครจะว่าเราแก่แค่ไหน จะเดินจะวิ่งก็เหนื่อยเกินไป ใครจะพูดจะบอกอะไร ยังไงเราก็ไม่สนใจ พวกเราจะร้องบรรเลง ร้องรำทำเพลงบรรเลงเรื่อยไป โห่ฮิ่วโห่ฮิ้วโห่ฮิ้วโห่ โฮ่งๆๆๆ เหมียวๆๆๆๆ บรรเลง บรรเลงบทเพลงเรื่อยไป ♫
เจ้าลาจึงชวนแมวเข้าร่วมวงดนตรี เล่นไวโอลินที่เมืองเบรเมนด้วยกัน ทั้งสามจึงออกเดินทางอีกครั้ง ระหว่างทางได้พบพ่อไก่วัยชรา ที่กำลังส่งเสียงร้องขันด้วยความตกใจ เจ้าลาจึงตะโกนถามไปว่า
“เกิดอะไรขึ้นเหรอเจ้าไก่ เจ้าวิ่งหนีอะไรมา”
“ข้าวิ่งหนีเจ้านายที่พยายามจะเอาข้าไปทำเป็นอาหาร เจ้านายบอกว่าข้าแก่เกินจะขันเสียงดังแล้ว”
“เจ้าอยากจะเป็นนักร้องมั้ย เสียงดีๆขันเก่งๆแบบเจ้าเนี่ย มาเป็นนักร้องนำให้กับวงดนตรีของพวกเราเถอะ”
“ถ้าพวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นนักร้องได้ ข้าก็ตกลง”
“งั้นเรารีบไปเมืองเบรเมนกันเลย”
♫ ใครจะว่าเราแก่แค่ไหน ใครจะว่าเราเหี่ยวเกินไป กะต๊ากๆ ใครจะพูดจะบอกอะไร ยังไงเราก็ไม่สนใจ พวกเราจะร้องบรรเลง ร้องรำทำเพลงบรรเลงเรื่อยไป โห่ฮิ่วโห่ฮิ้วโห่ฮิ้วโห่ โฮ่งๆๆๆ เหมียวๆๆๆๆ กะต๊ากๆๆๆบรรเลง บรรเลงบทเพลงเรื่อยไป ♫
แล้วทั้งสี่ก็ออกเดินทางไปยังเมืองเบรเมน ระหว่างทางต้องเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง พวกเขาเห็นแสงไฟอยูข้างหน้าริบๆ ด้วยความหิวจึงเดินตามแสงไฟไป จนพบกระท่อมหลังหนึ่ง เจ้าลาแอบดูข้างในก็เห็นบรรดาโจรโหดร้ายนั่งกินอาหารมากมายอยู่ที่โต๊ะ มันจึงหันมาพูดกับเพื่อนๆว่า
“ข้างในกระท่อมน่ะมีพวกโจรโหดร้ายนั่งกินอาหารที่มีอยู่มากมาย เห็นแล้วยิ่งหิวไปกันใหญ่เลยนะเนี่ย”
“แล้วทำยังไงพวกเราถึงจะกินอาหารที่อยู่ในกระท่อมนี้ได้ล่ะ”
“เราต้องทำให้พวกโจรตกใจกลัว วิ่งหนีอออกจากกระท่อมไป แล้วพวกเราก็จะได้เข้าไปกินอาหารแทนพวกโจรไง”
ทั้งสี่จึงวางแผนหลอกให้พวกโจรตกใจกลัว โดยให้สุนัขปีนไปยืนบนหลังลา ให้แมวยืนบนหลังสุนัข ให้พ่อไก่บินไปเกาะหลังเจ้าแมว ชะโงกไปตรงหน้าต่าง ขันออกมาดังสุดเสียง
♫ จะทำยังไงกับโจรพวกนี้ดี จะทำยังไงเอ้าใครรู้วิธี พวกโจรใจร้ายแบบนี้ต้องติดคุกสักสิบปี จะบอกแผนการที่มี แต่เป็นแผนการที่ดี จะหลอกเจ้าโจรพวกนี้ ให้กระเจิงหนีไป เอาเจ้าสุนัขขึ้นไปยืนบนหลังเจ้าลา ต่อตัวกันขึ้นไปทีละชั้น ส่วนเจ้าแมวนั้น ขึ้นไปบนหลังเจ้าสุนัขอีกที สุดท้ายก็เป็นพ่อไก่ ไปเกาะบนหลังเจ้าแมวอีกชั้น ชะโงกไปข้างหน้าต่างแล้วขันเสียงดัง เอ้กอีเอ้กเอ้ก ♫
เอ้กอีเอ้กเอ้ก
“เฮ้ย หัวหน้า นั่นเสียงอะไรอ่ะ น่ากลัวจังเลย อุ๊ย ข้ากลัว เผ่นก่อนล่ะ”
“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย รอข้าด้วย อย่าทิ้งข้าอยู่คนเดียว ข้าก็กลัวเหมือนกัน”
“หึหึหึหึหึ พวกโจรมันตกใจกันกลัวเสียงไก่จนวิ่งหนีกระเจิงไปหมดแล้ว เร็ว รีบไปกินอาหารในกระท่อมกันเถอะ”
พวกโจรได้ยินเสียงประหลาดดังยามค่ำคืนก็ตกใจกลัว วิ่งหนีกระเจิงออกจากกระท่อมไป สัตว์ทั้งสี่จึงเข้าไปกินอาหารอย่างอร่อย เมื่อิ่มแล้วจึงดับไฟล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า
“ที่กระท่อมเสียงเงียบลงแล้ว เจ้าลองย่องไปดูให้ข้าหน่อยสิ๊ว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อกี๊มันเป็นเสียงอะไรกันแน่”
“จะดีเหรอลูกพี่ ข้าไม่กล้าไปหรอก ข้ากลัว ดึกดื่นป่านเนี้ย เสียงอะไรก็ไม่รู้”
“แต่ข้าเป็นหัวหน้าเจ้า เจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า กลับไปที่กระท่อมเดี๋ยวนี้”
ด้วยความกลัวหัวหน้าจะโกรธ ลูกน้องโจรจึงยอมกลับไปที่กระท่อม เมื่อไปถึงกระท่อมที่อยู่ในความมืด เจ้าโจรมองเห็นดวงตาแมวสะท้อน ดูเหมือนถ่านร้อนๆ จึงหยิบเทียนจิ้มลงไป หวังที่จะจุดไฟ
(เสียงแมว)
เจ้าแมวตกใจร้องและข่วนหน้าโจร โจรตกใจวิ่งหนีไปล้มใส่สุนัข ถูกสุนัขกัดที่ขา โจรวิ่งหนีสุนัขไปที่ส่วนหลังบ้านที่มีเจ้าลาแอบอยู่ มันกระโดถีบหลังโจรอย่างจังจนโจรล้มกลิ้งไปมา หลังจากนั้นโจรก็ได้ยินเสียงไก่ขันอย่างโหยหวนน่าสะพรึงกลัว
เจ้าโจรรีบวิ่งหนีกลับไปบอกหัวหน้าว่า
“หัวหน้าๆ ข้าเกือบจะตายแล้ว ข้าถูกแม่มดข่วนหน้า ดูสิเลือดซิบๆเลย ถูกงูยักษ์กัดขา ดูสิ แผลเบ้อเริ่มเลย ยังไม่พอยังถูกอสูรกายทำร้ายจนหลังแทบจะหัก และก่อนที่จะออกจากกระท่อมนั้นมาได้ ข้ายังถูกหลอกหลอนด้วยเสียงของปิศาจร้ายอีก โอ๊ย ข้ากลัวเหลือเกิน ฮือ ขืนพวกเรายังอยู่ที่นี่อีก ต้องถูกหลอกจนตายแน่ๆเลย”
“งั้นจะรออะไรกันอีกละ รีบหนีกันเร็ว ข้าววิ่งนำหน้าก่อนล่ะ”
“เฮ้ย รอข้าก่อนสิหัวหน้า”
“เห็นมั้ย ด้วยความสามัคคีของพวกเรา ใช้จุดดีของแต่ละคนมารวมพลังกัน จนในที่สุดก็ขับไล่พวกโจรให้หนีออกไปได้ ถึงพวกเราจะแก่แต่ก็แก่มีกึ๋นนะเนี่ย”
♫ ต่างคนต่างมรส่วนดีแตกต่างกันไป หากเราเข้าใจเลือกใช้ให้ถูกวิธี หากนำส่วนดีที่มีมาร่วมมือกัน จะเกิดพลังสิ่งนั้นคือสามัคคี ความสามัคคีคือพลังยิ่งใหญ่ ให้เราก้าวไป สู่ความสำเร็จด้วยกัน ความสามัคคีคือพลังยิ่งใหญ่ ร่วมมือร่วมใจ เราทำสำเร็จแน่นอน เราทำสำเร็จแน่นอน ด้วยความสามัคคี ฮืม ฮืม ฮืม ฮืมม ♫
“ข้าชักจะชอบกระท่อมหลังนี้แล้ว มันกว้างขวางน่าอยู่”
“ข้าก็ชอบที่มันมีอาหารมากมายให้เลือกกิน”
“ข้าชอบที่มันมีที่กว้างๆให้ข้าได้ก่งคอขันเสียงดังเต็มที่”
“ถ้างั้นพวกเราเลือกอยู่ที่กระท่อมหลังนี้กันเถอะ ไม่ต้องไปเป็นนักดนตรีที่เมืองเบรเมนกันแล้ว ดีมั้ยพวกเรา”
“ดีที่สุดเลย” (พูดพร้อมกันสามตัว)
สัตว์ทั้งสี่ภูมิใจที่พวกมันรวมตัวกันใช้ข้อดีของแต่ละคนขับไล่โจรให้หนีไป ทั้งสี่ชอบกระท่อมหลังนี้มาก เลยตัดสินใจไม่ไปเป็นนักดนตรีที่เมืองเบรเมนแล้ว แต่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในป่าแห่งนี้อย่างมีความสุขต่อไป
ณ นครสุขสร้างสรรค์ มีหญิงชราคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ประตูเมือง คอยเฝ้ามองดูนักเดินทางที่ผ่านเข้าออกอย่...
อ่านต่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีบัณฑิตผู้ยากจนคนหนึ่ง เขาคือเด็กหนุ่มผู้มีสติปัญญามาก เป็นทั้งนักกวีแถมย...
อ่านต่อจะมีใครสามารถอธิบายตัวตนที่แท้จริงของฉันได้บ้าง หลายคนพยายามหาคำตอบ ค้นคำอธิบาย แต่ก็ต้องล้มเหลวไ...
อ่านต่อ