ในฤดูร้อนของปี ชายหนุ่มคนหนึ่งต้องการเดินทางไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกล แห้งแล้ง และอากาศร้อนมาก ตลอดเส้นทางมีแต่ดินแข็งๆ หยาบ ไม่เรียบ ไม่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา มีแต่ต้นหญ้าเล็กๆ แห้งๆ ไม่สดชื่น ไม่มีบ่อน้ำ นานๆ จึงจะมีลมพัดมาบ้าง เบาๆ ชายหนุ่มต้องไปที่หมู่บ้านแห่งนี้เพราะอยากกลับไปเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องที่เขาจากมานาน เนื่องจากเขาต้องเดินทางไปทำงานหลายที่
เมื่อจะกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม เขาจึงหาของฝากไปให้พ่อแม่และพี่น้อง รวมทั้งเพื่อนบ้านเก่าๆ ด้วย ดังนั้น เขาจึงมีข้าวของที่ต้องนำติดตัวไปด้วยหลายอย่าง
เขาตัดสินใจไปติดต่อกับเจ้าของลา ชายหนุ่มบอกความต้องการของเขา
“คือฉันต้องการจ้างลาของแก ขนของไปให้ฉัน และให้ฉันนั่งหลังลาไปด้วย”
เจ้าของลาหันไปถามความเห็นของลาตัวโปรดก่อนรับงานว่า
“หึหึ ว่ายังไงเจ้าลา มีลูกค้าจ้างเจ้าไปทำงานแล้ว สนใจหรือเปล่า”
ลาตัวนี้เป็นลาแสนรู้ มันสามารถเข้าใจภาษาที่คนพูดคุยกัน และท่าทางที่คนแสดงออกต่อมันได้ เจ้าลาส่งเสียงร้องตอบเจ้าของไปว่า
“ฮา ฮี้ ฮา ฮา ฮี้ ฮา” พร้อมกับผงกหัวหงึกๆ อ้าปากยิ้มยิงฟัน เห็นฟันซี่โตๆ เป็นการยอมรับที่มีคนมาให้งานมันทำ และดีใจที่นายของมันจะได้เงิน เจ้าของลาจึงตกลงรับจ้าง
ในการเดินทาง เจ้าของลาต้องเดินจูงลาไปตลอดเส้นทาง สองคนกับหนึ่งตัวออกเดินทางไปด้วยกัน แดดร้อนจัดมาก ทำให้หิวกระหายน้ำไปตามๆ กัน
ชายหนุ่มเอากระบอกน้ำที่ติดตัวไปด้วยออกมาจิบน้ำ ชายเจ้าของลาก็จิบน้ำจากกระบอกของตน ส่วนเจ้าลาแสนรู้เป็นสัตว์อดทน กีบเท้าแข็งแรง มั่นคง เดินทางไกลได้ดี มันจึงไม่มีปัญหา
“ฉันไม่เห็นจะหิวน้ำเลย เป็นคนนี่ไม่แข็งแรงซะเลย” เจ้าลาแอบบ่นมนุษย์ในใจ
เดินทางกันไปนานขึ้นเรื่อยๆแดดยิ่งร้อนจัดแรงขึ้น
“เฮ้ย ร้อนอะไรอย่างนี้เนี่ย จะร้อนไปถึงไหนกัน ฮื่อ” ชายหนุ่มบ่นโวยวายทั้งที่ตนเองนั่งอยู่บนหลังลา และได้จิบน้ำดับความหิวกระหายแล้ว แต่ก็ยังไม่พอใจ ชายเจ้าของลาโต้ตอบด้วยความรำคาญใจว่า
“หึ นายยิ่งบ่น ยิ่งร้อนกาย ร้อนใจ”
ชายหนุ่มไม่พอใจที่ชายเจ้าของลามาบ่นเขา จึงพูดว่า
“ฉันจะบ่นอะไรมันก็เรื่องของฉัน ไม่ใช่เรื่องของแก”
อารมณ์ของทั้งสองคนเริ่มร้อนตามแสงแดด ลาแสนรู้มองดูชายหนุ่มที่เป็นลูกค้าของเขาและเหลือบตาดูเจ้านาย พลางคิดตามประสาลาแสนฉลาดว่า
“เฮ้อ คนน่ะชอบคิดแต่เรื่องของตนเอง เอาสะดวกสบาย เฮ้ย ฉันน่ะต้องแบกทั้งคนทั้งของ ยังไม่บ่นเลย”
ความร้อนรุนแรงมากขึ้น ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นว่า
“เอาอย่างนี้ เราหยุดพักกันก่อน ฉันเหนื่อยแล้วก็ร้อนมากเลย”
แสงแดดร้อนแรงจัด ทำให้เกิดเงาใหญ่จากตัวลา เขาจึงเข้านั่งพักในร่มเงานั้น เจ้าของลาคิดว่า ชายคนนี้เอาเปรียบ เขาเองก็ร้อนและเหนื่อยเหมือนกัน ต้องเดินจูงลามาตลอดทาง
“นายจ้างแค่ลาของฉันเท่านั้น ไม่ได้จ้างเงาที่เกิดจากตัวลาของฉันด้วย แล้วนายก็ไม่ได้จ้างฉัน แต่ฉันต้องเดินมากับนาย จูงลาให้นาย ฉันจะคิดเงินเพิ่ม เพราะฉันเหนื่อยมากกว่านายอีก”
ชายหนุ่มไม่พอใจที่เจ้าของลาพูดแบบนี้ เถียงกลับว่า
“แกเป็นเจ้าของลา ฉันจ้างลา แกก็ต้องดูแลลาของแกด้วยสิ”
ได้ฟังดังนั้น ชายเจ้าของลายิ่งโกรธมากขึ้น
“นายขี้โกง เอาเปรียบ ฉันจะเอาค่าจ้างเพิ่ม”
ชายสองคนทะเลาะกันดังลั่น ต่อหน้าเจ้าลา เจ้าลานิ่งฟังเรื่องต่อไป ครั้งนี้ลูกค้าของเจ้าลาโกรธหน้าแดงก่ำ ตะโกนตอบกลับไปว่า
“ฉันไม่ให้ เราตกลงราคากันแค่นี้ เงาลาที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้แกต้องใช้สิ่งใดเพิ่มสักหน่อย”
ชายเจ้าของลาก็ไม่ยอมเช่นกัน ต่างโต้เถียงกัน และใช้คำรุนแรงขึ้นทุกที ลาแสนรู้เห็นท่าไม่ดีแน่แล้ว จึงร้องขึ้นเสียงดัง พลางส่ายหัวไปมา
“ฮา ฮี้ ฮา ฮา ฮี้ ฮา” ซ้ำๆกันอยู่เช่นนี้พร้อมแสดงกิริยาฟึดฟัดเช่นกัน
ชายเจ้าของลาซึ่งรู้นิสัยใจคอของลาเป็นอย่างดี รู้ชัดเจนว่าลาต้องการห้ามเขาไม่ให้ทะเลาะกัน ไม่ให้ใช้ความรุนแรงเข้าหากัน แต่ตอนนั้นอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองไม่สามารถมีใครหรืออะไรมาห้ามความโกรธได้ พวกเขาขาดสติกันแล้ว ทั้งสองคนกระโจนเข้าหากัน ชกต่อยกันอย่างแรง (เสียงต่อยกัน) ปากก็ร้องตะโกนด่าว่ากัน ว่าอีกฝ่ายเอาเปรียบ
ลาแสนรู้ยืนมองด้วยความสลดใจ รู้ดีว่าไม่สามารถห้ามผู้ใดได้อีกแล้ว ทั้งสองคนต่างไม่ยอมกัน และเจ้านายของมันก็ไม่ยอมรับรู้และรับฟังความคิดของมันเหมือนครั้งก่อนๆ
ลาจึงตัดสินใจละทิ้งคนที่มีแต่ความโกรธและเข้าทำร้ายกัน มันสะบัดสิ่งของที่อยู่บนหลังมันทั้งหมดลงพื้น แล้วออกเดินไปจากที่นั่นทันที
ชายสองคนเมื่อต่อสู้กันจนหมดแรง ก็ล้มตัวลงนอนแผ่ หายใจหอบ ทั้งเหนื่อย ทั้งหิวกระหายน้ำ มือควานหากระบอกน้ำของตนเอง หลังจากได้ดื่มน้ำจนหมดความกระหายแล้วจึงได้สติ เมื่อเห็นสิ่งของกระจัดกระจายอยู่ข้างหน้า ต่างมองหาลา เห็นมันเดินออกไปไกลแล้ว
“เจ้าลา เจ้าลาของข้า เจ้าลาแสนรู้ กลับมาก่อน อย่าทิ้งข้าไปแบบนี้ โอย อื้อ” เจ้าของลาตะโกนเรียกเจ้าลาคู่ใจ ถึงแม้จะอยู่ห่างกัน แต่ลาก็ยังได้ยินเสียงเจ้านายเรียกอย่างสุดเสียงได้ชัดเจน มันหยุดเดินและหันมามอง เห็นชายทั้งสองคนวิ่งตามมันมา ด้วยความรักความผูกพันต่อเจ้าของ ลาไม่สามารถทิ้งเจ้านายมันได้ มันจึงเดินกลับมา เห็นเจ้านายของมันวิ่งเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลท่วมตัว เช่นเดียวกับชายหนุ่มลูกค้าของมัน มันก็สงสาร ส่งเสียงร้องเรียกเจ้านาย
“ฮา อี้ ฮา ฮา ฮี้ ฮา” หลายครั้ง พร้อมกับเดินเข้ามาเอาหัวซบไหล่เจ้านาย
เจ้านายดีใจมาก โผเข้ากอดคอเจ้าลาด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วพูดว่า
“ขอบใจแกนะเจ้าลาที่ให้บทเรียนกับฉัน ฉันจะไม่ใจร้อน ไม่ทะเลาะกับใครอีกแล้ว เออ”
จากนั้น ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาลูบหัวลาแสนรู้
“ขอบใจนะเจ้าลาน้อย ฉันจะไม่เอาเปรียบใครอีกแล้ว”
ลาเข้าใจสิ่งที่ชายสองคนบอกมัน มันส่งเสียงร้อง
“ฮา อี้ ฮา ฮา ฮี้ ฮา” อ้าปากยิ้มยิงฟัน เห็นฟันซี่โตๆ แสดงการรับรู้
ชายสองคนกับลาหนึ่งตัวเดินกลับมาด้วยกันจนถึงตรงที่ข้าวของตกหล่นอยู่ ชายหนุ่มและเจ้าของลาช่วยกันเก็บของขึ้นหลังลา แล้วออกเดินทางไปด้วยกันอย่างสงบสุขและเข้าใจกัน จนถึงหมู่บ้านอันห่างไกล
ณ นครสุขสร้างสรรค์ มีหญิงชราคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ประตูเมือง คอยเฝ้ามองดูนักเดินทางที่ผ่านเข้าออกอย่...
อ่านต่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีบัณฑิตผู้ยากจนคนหนึ่ง เขาคือเด็กหนุ่มผู้มีสติปัญญามาก เป็นทั้งนักกวีแถมย...
อ่านต่อจะมีใครสามารถอธิบายตัวตนที่แท้จริงของฉันได้บ้าง หลายคนพยายามหาคำตอบ ค้นคำอธิบาย แต่ก็ต้องล้มเหลวไ...
อ่านต่อ