กาลครั้งหนึ่งนานมาละ เรื่องเกิดขึ้นในยุคที่สัตว์ทุกชนิดยังต้องรับจ้างมนุษย์ทำงานต่างๆเพื่อหาเลี้ยงชีพ ดองกี้เป็นลาตัวหนึ่งที่ตลอดชีวิตของมันได้แต่ขนถุงข้าวโพดไปส่งยังทุกที่ที่เจ้านายของมันสั่ง ภูเขาทุกลูก ลำธารทุกแห่ง ดองกี้รู้จักเป็นอย่างดี
วันเวลาผ่านไป มันเริ่มแก่ชรา เรี่ยวแรงถดถอย ขึ้นภูเขาไม่ไหว ลงภูเขาก็ไม่ถนัด เข่าไม่ดี ตาก็ไม่ดี เจ้านายของมันเลยมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก แต่ดองกี้ดูออกว่าเจ้านายของมันกำลังคิดอะไรอยู่
อย่ากระนั้นเลย ดองกี้คิด เราไปตายเอาดาบหน้าเถอะ
ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างอิสระดูสักครั้งหนึ่ง ใครว่าลาแก่ๆ อย่างฉันจะไม่มีประโยชน์
ดองกี้เดินทางตามความใฝ่ฝันของตนเอง ยังไม่มีใครรู้ว่า มันคิดอะไรอยู่ จนกระทั่งมันได้พบกับดอกกี้ หมาแก่ที่หอบลิ้นห้อยอยู่ข้างทาง ท่าทางของมันดูตื่นตระหนกและอ่อนแรง
“เฮ้ ทำไมนายถึงหมดสภาพอย่างนี้ล่ะเพื่อน”
“ฉันกำลังจะโดนเจ้านายฆ่าซะแล้ว ก็แค่ฉันแก่ ล่ากระต่ายให้เขาไม่ไหวอ่ะ”
“อื้อ น่าสงสารจริงๆ น่าเศร้าเน้อ อย่ากระนั้นเลย นายไปกับฉันดีกว่า มีเมืองแห่งนักดนตรีรออยู่ข้างหน้า ฉันน่ะเคยเห็นมากับตาว่าใครๆก็เป็นนักดนตรีได้ ฉันน่ะจะเล่นเชลโล ส่วนนายอ่ะน่าจะเป่าทูบาไหวนะ ไปกันเถอะเพื่อน”
ดอกกี้นิ่งคิดอยู่ครูหนึ่ง ก่อนจะลุกตามเจ้าดองกี้ไป คำถามเดียวที่เกิดขึ้นก็คือ
(เมืองที่ว่านั้นมีชื่อว่าอะไรหรือ โอ้ เมืองที่ว่านั้นมีชื่อว่าเมืองเบรเมน เบรเมน)
ดองกี้ลาแก่กับเจ้าดอกกี้หมาแก่ เดินไปได้สักพักเดียวก็เจอเข้ากับเจ้าแคทตี้ แมวแก่ที่เปียกมะล่อกมะแล่กอย่างน่าสมเพช
“เฮ้ ทำไมหมดสภาพอย่างนี้ละเหมียว เหมียว”
“เฮ้อ ตั้งแต่ฉันเหนื่อยล้าไม่ล่าหนูอ่ะ แถมบางทีฉันก็ชอบกลิ้งไปมาหน้าเตาผิงอ่ะ เจ้านายของฉันก็เลยโกรธ จับฉันกดน้ำเย็นเจี๊ยบเลย โอ้โห หนาวมากเลยอ่ะ ดีนะที่ฉันยังพอมีแรงที่จะวิ่งหนีมาได้อ่ะ”
“โหดร้ายจริงนะเนี่ย” ดอกกี้พูด
“นั่นสิ อย่ากระนั้นเลย เธอไปกับฉันดีกว่า มีเมืองแห่งนักดนตรีรออยู่ข้างหน้า ฉันน่ะเคยเห็นมากับตาว่าใครๆก็เป็นนักดนตรีได้ ฉันน่ะจะเล่นเชลโล ส่วนดอกกี้จะเป่าทูบานา ไปกันเถอะเหมียวๆ”
แคทตี้นิ่งคิดอยู่ครูหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นตามทั้งคู่ไป คำถามเดียวที่เกิดขึ้นก็คือ
(เมืองที่ว่านั้นมีชื่อว่าอะไรหรือ โอ้ เมืองที่ว่านั้นมีชื่อว่าเมืองเบรเมน เบรเมน)
สามผู้ลี้ภัยเดินมาได้อีกไม่ไกลนัก ที่หน้าฟาร์มแห่งหนึ่ง ชิกกี้ ไก่แก่ตัวหนึ่ง ยืนคกตกอยู่บนขอบรั้ว หน้าตาทุกข์ระทมเชียว
“เฮ้ ทำไมดูหงอยงั้นล่ะ”
“หนีอีโต้มาล่ะสิเพื่อนยาก เย็นนี้ฉันจะโดนสับคอ และพรุ่งนี้ฉันก็จะกลายเป็นซุปแล้ว”
“ไปกับเราเถอะ มีเมืองแห่งนักดนตรีรออยู่ข้างหน้า ฉันเคยเห็นมากับตานะ ว่าใครๆก็เป็นนักดนตรีได้ เสียงดีๆ แบบนี้ ถ้านายไป นายจะได้เป็นอะไรที่เจ๋งกว่าซุปแน่ๆ”
ชิกกี้นิ่งคิดอยู่ครูหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นตามกันไป คำถามเดียวที่เกิดขึ้นก็คือ
(เมืองที่ว่านั้นมีชื่อว่าอะไรหรือ โอ้ เมืองที่ว่านั้นมีชื่อว่าเมืองเบรเมน เบรเมน)
ทั้งสี่ออกเดินทางต่ออย่างเร่งรีบ แต่อย่างไรก็ตาม เมืองเบรเมนก็ไม่ใกล้นัก ทั้งสี่จำต้องหยุดค้างคืนที่ในป่า ดองกี้กับดอกกี้เลือกนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่แคทตี้กับชิกกี้ขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ทั้งสี่ทั้งเหนื่อยและหิว ชิกกี้บินขึ้นไปบนยอดไม้ ก่อนจะมองไปรอบๆ เมื่อเขาเห็นแสงไฟวับๆแวมๆ ก็ร้องเรียกเพื่อนด้วยความดีใจ
“เฮ้พวกเรา มีบ้านอยู่ที่นี่แน่ๆ”
ทั้งสี่เดินตามแสงไฟไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงบ้านหลังหนึ่ง ดองกี้ตัวใหญ่ที่สุดจึงรับบทกล้าหาญ เดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อสังเกตุการณ์
“นายเห็นอะไรบ้างเจ้าลาสีเทาเพื่อนรัก” ชิกกี้ถาม
“ฉันเห็นอะไรน่ะเหรอ ฉันเห็นโ๖๊ะที่เต็มไปด้วยของกินอร่อยๆ เต็มไปหมดเลย กับโจรสองสามคนน่ะ”
“ต้องมีอะไรเหมาะกับท้องหิวๆของเราแน่ๆเลย” ดอกกี้เผย
“ยกเว้นพวกโจรสองสามคนนั่นน่ะ” แคทตี้เตือนสติ
สัตว์ทั้งหลายพากันช่วยคิดแผนการเพื่อกำจัดพวกโจรให้ออกไปจากอาหารที่พวกเขาต้องการ ในที่สุดแผนการที่แสนจะแปลกประหลาดก็เริ่มขึ้น ดองกี้เอาสองขาหน้าพาดริมหน้าต่างไว้ ดอกกี้โดดขึ้นยืนข้างหลัง แคทตี้โดดตามขึ้นไปติดๆ ในขณะที่ชิกกี้ก็บินขึ้นไปยืนอยู่บนหัวแคทตี้อีกทีหนึ่ง
“เอาล่ะ เมื่อฉันนับหนึ่ง สอง สาม ก็เริ่มเลยนะ หนึ่ง สอง ซั่ม”
เสียงร้องอันแปลกประหลาดของสัตว์ทั้งสี่ก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน พวกโจรก็สะดุ้งสุดตัว พวกเขามองเห็นเขาที่สุดแสนจะพิลึกพร้อมเสียงอันชวนขนลุก
“ ผะ ผะ ผะ ผะ ผะ ผีหลอก” พวกโจรพากันตะโกนอย่างตกใจพร้อมกับเผ่นหนีออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
สหายทั้งสี่จึงได้ครอบครองอาหารและบ้านที่แสนจะอบุ่น พวกเขาทานอาหารกันจมอิ่มแปล้และแยกย้ายกันเข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย ดองกี้นอนในกองฟางหน้าบ้าน ดอกกี้นอนอยู่ในบ้านค้างๆประตูโน่น แคทตี้นอนสบายใกล้ๆเตาผิง ส่วนเจ้าชิกกี้น่ะหรือ ก็บินขึ้นไปนอนบนหลังคาโน่นแน่ะ
ราวๆ เที่ยงคืน พวกโจรตัดสินใจกลับมา พวกมันเห็นบ้านมืดและเงียบกริบ เจ้าหัวหน้าจึงส่งลูกน้องเข้าไปสอดแนมดูสิว่าเมื่อสักครู่นั้นน่ะมันเป็นจนปิศาจร้ายมาหลอกหลอนจริงหรือเปล่า เจ้าโจรสอดแนมพอเข้าไปถึงในบ้านก็เริ่มควานหาเทียนไขมาจุดไฟ แล้วมันก็เริ่มมองเห็นดวงตาสีเขียววาบน่ากลัวก่อนที่จะถูกพุ่งเข้ามาข่วนอย่างรุนแรง ทันใดนั้นก็มีเขียวที่มองไม่เห็นงับเข้าให้ที่ขา เสียงไก่ขันโหยหวนเสียงดังน่ากลัว เจ้าโจรหนีรอดออกไปที่ลานบ้านก็เจอลาลึกลับทั้งถีบทั้งเหยียบจนน่วม มันร้องตะโกนลั่นแล้วก็รีบวิ่งหนีกลับไปหาเจ้านาย
ตั้งแต่นั้นมาสหายทั้งสี่ก็อยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข พวกเขาร้องรำทำเพลงกันทุกคืน แม้จะไปไม่ถึงเมืองเบรเมนอีกเลย
♫ อาจจะไม่เหมือนเรื่องราวที่ใครบอกไว้ อาจจะไม่เหมือนสิ่งใดที่เราอยากพบเจอ แต่อย่างน้อยๆเราทำ เดินตามความฝันจนเจอ อาจจะไม่สวยเลิศเลอแต่เราก็พบมัน ♫
ณ นครสุขสร้างสรรค์ มีหญิงชราคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ประตูเมือง คอยเฝ้ามองดูนักเดินทางที่ผ่านเข้าออกอย่...
อ่านต่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีบัณฑิตผู้ยากจนคนหนึ่ง เขาคือเด็กหนุ่มผู้มีสติปัญญามาก เป็นทั้งนักกวีแถมย...
อ่านต่อจะมีใครสามารถอธิบายตัวตนที่แท้จริงของฉันได้บ้าง หลายคนพยายามหาคำตอบ ค้นคำอธิบาย แต่ก็ต้องล้มเหลวไ...
อ่านต่อ