“เขียวชอุ่มจริง ๆ”
“เขียวอะไร อุ้ม ๆ นะ”
“หื้มมมม”
กาลครั้งหนึ่ง มีกบอยู่สองตัวเป็นพี่น้องที่รักกัน ทุกเช้า กบทั้งสองจะต้องออกมานั่งชมความงดงามของบรรยากาศรอบ ๆ โรงรีดนม
“ก็เขียวชอุ่มไง หมายถึงเขียวมาก ๆ ม๊าก มาก น่ะ” กบพี่อธิบาย
“ฮ่า ฮ่า เขียวม๊ากมาก จริง ๆ น่ะแหละ ฉันชักจะหลงที่นี่เขาจริง ๆ แล้วล่ะสิ” กบน้องทำเสียงหวาน เหมือนตกหลุมรักกบตัวเมีย แต่ไม่ใช่ มันคือทุ่งข้าวที่เขียวชอุ่มรอบโรงรีดนมนี้ต่างหาก
“อยากเข้าไปในโรงรีดนมมั่งจัง” กบน้องบ่นอุบอิบ
“ไม่ได้นะ! อันตรายมาก ในนั้นเราไม่รู้ว่าเป็นยังไง อย่าแม้แต่จะคิดนะ” กบพี่เตือนสติกบน้องให้ระวัง
เช้าวันหนึ่ง เจ้ากบทั้งสองต่างกระโดดโลดเต้นอยู่บนพื้นหน้าโรงรีดนม พอเจ้าของโรงรีดนมมาเห็นกบสองตัวเข้า ก็วิ่งไปหยิบไม้กวาดด้ามยาวมาขับไล่อย่างไม่รอช้า
“ออกไปนะ เจ้ากบสกปรก น่ารังเกียจจริง ๆ หยุดกระโดดเดี๋ยวนี้นะ ถ้าโดดลงไปในถังนมที่ฉันเพิ่งรีดล่ะก็ น่าดู!” เจ้าของโรงรีดนมขู่เสียงดังลั่น
แต่ด้วยความตกใจของเจ้ากบทั้งสอง พวกมันหาที่ซ่อนตัวอย่างไม่คิดชีวิต เพื่อให้พ้นด้ามไม้กวาดของผู้กำลังโกรธเกรี้ยว
“มาหลบตรงนั้นกัน เร็ว!” กบน้องร้องบอกกบพี่ “น้องว่าที่นี่แหละ ไม่มีใครหาเราเจอแน่”
จากนั้นเจ้ากบสองพี่น้องก็กระโดดไปตรงมุมของโรงรีดนมทันที เร็วที่สุดเท่าที่ขาเล็ก ๆ จะพามันไปได้
“ไวอีก ยาวอีก ขาอย่าเพิ่งหมดแรงนะ” กบพี่คิดในใจ “ถ้าหมดแรงไปน้องเราลำบากแน่ ใครจะคอยดูแล”
“พี่กระโดดให้สูงที่สุดเลยนะ” กบน้องตะโกนบอก
“ไม่เคยกระโดดสูงขนาดนี้มาก่อนเลย” กบพี่พึมพำก่อนตัดสินใจกระโดดให้สูงที่สุดในชีวิต
“ป๋อม” เจ้ากบสองตัวทิ้งตัวเองลงแต่กลับพบว่า อยู่ในถังประหลาด
“นี่มันอะไรกันเนี่ย” กบน้องโวยวายลั่น
“แย่แล้ว นี่เราตกลงมาในถังครีมที่เพิ่งถูกเทออกมาจากถังนมที่รีดมาสด ๆ แน่ ๆ” กบพี่คาดเดา
“ตายแล้ว” กบน้องร้องดังขึ้นอีก พร้อมกับน้ำตาที่ไหลปนกับครีมที่ตัวเองกำลังดำผุดดำว่ายอยู่
“เรารอดได้ น้องรัก ว่ายไปเรื่อย ๆ” กบพี่บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“มีทางออกเหรอพี่ ฮือ ฮือ” กบน้องร้องไห้ต่อไป
“ถึงยังไงมันต้องมีทางออกจนได้ละน่า ว่ายไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็คิดออก” กบพี่ยืนยัน
เวลาผ่านไป กบพี่กบน้องยังว่ายต่อไปไม่หยุด แต่กบน้องก็บ่นไม่หยุดเช่นกัน
“น้องเหนื่อยแล้ว ยิ่งว่ายน้องก็ยิ่งไม่มีแรงเหลือที่จะว่ายไปรอบถังนี้อีกแล้วล่ะ ถึงว่ายไปก็ไม่มีประโยชน์” กบน้องคร่ำครวญ “อีกอย่างหนึ่ง มันทั้งเหนียว ทั้งข้นเกินกว่าจะว่ายได้ แล้วมันก็เบาบางเกินกว่าจะเดินได้ แถมยังลื่นเกินกว่าจะคลานได้ เราต้องตายแน่ ๆ ไม่มีทางรอดชีวิตได้หรอก เราออกจากที่นี่ไปไม่ได้แน่”
“พี่บอกแล้วไงว่าให้ว่ายต่อไป”
เวลาผ่านไป กบน้องหมดสิ้นกำลังใจ ในที่สุดร่างของมันก็เกือบจมลง กบพี่เห็นจึงตรงเข้าไปอย่างช้า ๆ เพื่อช่วยน้อง แม้จะช้าแต่ก็ทันเวลาที่จะคว้าขาน้องไว้ได้
ท่ามกลางอากาศยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บ กบพี่แบกกบน้องว่ายต่อไปไม่หยุด ตัวมันเองก็คิดอยากจะทิ้งตัวให้จมลงก้นถังเหมือนกัน แต่มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้มันยังคงมุ่งหน้าว่ายวนต่อไป
ในที่สุด พระอาทิตย์ก็ขึ้นสู่ท้องฟ้ากว้างอีกครั้ง เช้าวันใหม่แล้ว แสงแรกส่องเข้ามาหน้าโรงรีดนมกระทบกับถังรีดนมที่บรรจุกบพี่กบน้องอยู่
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เจ้ากบพี่ผู้ไม่ยอมแพ้ก้มลงมองดูครีมที่ตัวเองและน้องตกลงไปด้วยความเหนื่อยล้า น้ำตาไหลด้วยความเหนื่อยและสงสารกบน้องที่อยู่บนหลังของมัน แต่แล้ว มันก็ต้องประหลาดใจอย่างยิ่ง เมื่อได้พบว่า ขณะนี้มันและน้องของมันกำลังยืนอยู่บนยอดของภูเขาเนย ซึ่งเจ้ากบเป็นผู้สร้างให้เกิดขึ้นจากการว่ายวนไปเรื่อย ๆ ของมัน เจ้ากบผู้ไม่เคยยอมแพ้
ณ นครสุขสร้างสรรค์ มีหญิงชราคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ประตูเมือง คอยเฝ้ามองดูนักเดินทางที่ผ่านเข้าออกอย่...
อ่านต่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีบัณฑิตผู้ยากจนคนหนึ่ง เขาคือเด็กหนุ่มผู้มีสติปัญญามาก เป็นทั้งนักกวีแถมย...
อ่านต่อจะมีใครสามารถอธิบายตัวตนที่แท้จริงของฉันได้บ้าง หลายคนพยายามหาคำตอบ ค้นคำอธิบาย แต่ก็ต้องล้มเหลวไ...
อ่านต่อ